ตอนที่ 4
เอกสารในมือที่นักสืบส่งมาให้นั้นเต็มไปด้วยความแพศยาของผู้หญิงคนนั้น ชายหนุ่มขบกรามแน่นจนขึ้นสันนูน ความขยะแขยงยังคงติดแน่นอยู่ในความรู้สึก ผู้หญิงคนนี้ขาดสมบัติของคำว่าแม่ในทุกๆ ประการ หล่อนไม่ควรคู่ที่จะดูแลลูกสาวของไมเคิลอีกแม้แต่วันเดียว คิริลขย้ำกระดาษในมือก่อนจะปาลงถังขยะอย่างไม่สบอารมณ์
“ผู้หญิงแพศยา”
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าแม่นี่เลวระยำแค่ไหน แต่ร่างกายของเขากลับผงาดทุกครั้งที่ได้เผชิญหน้ากับเจ้าหล่อน มันบ้า มันบ้ามากๆ แต่เขาก็ไม่สามารถควบคุมมันได้ มีบางอย่างในผู้หญิงคนนั้นที่ติดตราตรึงอยู่ในสมองของเขา อะไรบางอย่างที่แม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร
ศีรษะทระนงสะบัดแรงๆ แต่กระนั้นภาพเมื่อวานตอนเย็น ยามที่หล่อนอยู่ตรงหน้าของเขาก็ยังคงชัดเจนอยู่ในสมอง ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกยามที่อยู่ใกล้ชิดกับเขา ก่อนที่จะลนลานถอยหลังออกห่าง ท่าทางไม่เหมือนกับผู้หญิงเจนโลกเลยสักนิด เหมือนกับสาวไร้เดียงสาไม่เคยมือชายมากๆ ต่างหาก แต่มันจะใช่ได้ยังไงกันล่ะ เจ้าหล่อนแสนจะโชกโชนสังเวียนกามแบบสุดๆ แล้วคิริลก็กระแทกลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด เกลียดตัวเองนักที่เอาแต่คิดถึงเรื่องแม่นั่นตลอดเวลาแบบนี้แต่ช่างเถอะพอเขาได้เอวามาอยู่ในความดูแลของตนเองเมื่อไหร่ ยายแม่นรกนั่นก็จะหายไปจากหัวของเขาอย่างสิ้นเชิง
คิริลระบายยิ้มออกมา ก่อนจะลุกขึ้นยืนและก้าวออกไปจากห้องทำงานของตัวเอง
“วันนี้ผมจะไม่กลับเข้ามาอีก มีอะไรโน้ตเอาไว้และแจ้งผมพรุ่งนี้”
“ค่ะ ท่านประธาน”
ชายหนุ่มก้าวเข้าไปในลิฟต์แก้ว ขณะต่อสายหานักสืบที่ตัวเองเชื่อมั่นว่าฝีมือดีที่สุดในรัสเซีย
“สืบเรื่องคาวๆ ของแม่นี่ต่อไป เพราะบางทีฉันอาจจะต้องใช้มันขึ้นศาล”
“ครับคุณคิลล์”
“เอ่อ และที่สำคัญผมอยากรู้ว่าแม่นี่ชื่อเนื้อนางหรือเนื้อนวลกันแน่ เพราะตอนนี้ผมสับสนมาก”
“เอ่อ... ผมยืนยันว่าชื่อเนื้อนางครับ”
คิ้วเข้มของคิริลเลิกสูงด้วยความกังขา ขณะก้าวออกจากลิฟต์เมื่อถึงลานจอดรถ
“แต่แม่นั่นยืนยันว่าตัวเองชื่อเนื้อนวล”
นักสืบหัวเราะเบาๆ อย่างมั่นใจในตัวเอง
“คงจะเป็นชื่อเล่น ชื่อจริงมั้งครับ”
คิริลคิดตามและก็เลิกติดใจไปโดยปริยาย
“โอเค เอาล่ะงั้นคุณก็ทำงานของคุณไป สืบเรื่องราวของแม่นี่กับผู้ชายของหล่อนให้ละเอียด”
“รับทราบครับคุณคิลล์ เอ่อ... ว่าแต่คุณคิลล์ไม่อยากให้ผมสืบประวัติของเธอบ้างหรือครับว่าเธอเกิดที่ไหน อายุเท่าไหร่ และ...”
“หุบปาก ผมไม่ต้องการรู้เรื่องอะไรของผู้หญิงคนนี้ นอกจากความเลวระยำมักมากของหล่อนที่จะเป็นประโยชน์หากผมต้องฟ้องเพื่อขอสิทธิ์ในการดูแลลูกของไมเคิลเท่านั้น”
เมื่อคิริลยังยืนกรานคำเดิม คนฟังก็ตอบรับอย่างอ่อนน้อม
“ตกลงครับ ผมจะจัดให้ตามความต้องการของคุณคิลล์ครับ”
คิริลไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เขากดปิดสายการสนทนา และก้าวขึ้นไปนั่งบนรถสปอร์ตสีขาวสะอาดของตัวเอง ไม่นานรถราคาแพงระยับก็แล่นออกไปด้วยความเร็วสูงปานติดปีกมุ่งหน้าตรงดิ่งไปยังบ้านหลังกะทัดรัดของไมเคิลทันที ซึ่งก็ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงจุดหมาย รถสปอร์ตจอดสนิทอยู่ใต้ร่มไม้ ก่อนที่เจ้าของรถหล่อลากไส้ก้าวลงมา
นัยน์ตาสีเขียวมรกตทอดมองเข้าไปภายในบ้านนิ่ง เสียงร้องไห้กระจองอแงของเด็กซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเอวาลูกสาวของไมเคิลดังลั่นขึ้น
“บ้าชะมัด เลี้ยงลูกยังไงปล่อยให้ร้องไห้แบบนี้”
คิริลบ่นอุบอย่างไม่พอใจ และก้าวยาวๆ เข้าไปภายในบ้านหลังเล็กตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ตั้งใจจะไปเล่นงานเนื้อนวลให้ถึงที่สุด แต่พอก้าวขึ้นบันไดมาเสียงร้องไห้จ้าของเอวาก็มีเสียงครวญครางของชายหญิงคู่หนึ่งดังแทรกขึ้นมา
“อ๊า... อู้ย... อย่าเลียตรงนั้นพี่แทม...”
เนื้อตัวของคิริลเกร็งทื่อขึ้นมาในทันทีเมื่อสมองรู้ดีว่าเสียงที่ได้ยินมันเกิดขึ้นจากกิจกรรมอะไร เขากำหมัดแน่น ความเกลียดชังยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นมากมาย
“อ๊า... เร็วเข้าพี่... เข้ามาเร็วๆ เข้า เด็กร้องไห้แล้ว ซี๊ด...”
เสียงของฝ่ายหญิงยังดังไม่เลิก พอๆ กับเสียงครางที่กระหึ่มขึ้นนั่นแหละ แต่ตอนนี้ไม่ใช่มีแค่เสียงครางเท่านั้นที่ดังขึ้นมา มันยังมีเสียงพรึบพรับของเนื้อกระแทกเนื้อดังตามมาอีก
“ระยำ!”
คิริลทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาแทบจะกระโจนไปยังต้นเสียง มือหนากระชากประตูซึ่งมั่นใจว่ามันคือห้องนอนให้เปิดออก และก้าวเข้าไป ซึ่งภาพที่เห็นก็คือ...
“ว๊าย...! เข้ามาได้ยังไง...”
หญิงที่กำลังโยกอย่างเมามันอยู่กับหนุ่มร่างใหญ่ร้องลั่น และรีบดึงผ้ามาคลุมตัวอย่างรวดเร็วด้วยความอับอาย
คิริลไม่สามารถโกหกได้ว่าไม่ดีใจที่ผู้หญิงตรงหน้าไม่ใช่เนื้อนวล
“ฉันไม่ได้ตั้งใจเข้ามาขัดจังหวะ แต่เด็กกำลังร้องไห้อยู่ ตอนที่พวกคุณกำลังขย่มกันอย่างสนุกสนาน บนเตียงของเจ้าของบ้านเสียด้วย”
ผู้หญิงตรงหน้าของเขาหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งตอนนี้เขาเดาเหตุการณ์ได้อย่างง่ายดายว่าผู้หญิงตรงหน้านั้นคือใคร
“ฉัน... ฉันก็แค่...”
“เอาล่ะไม่ต้องแก้ตัว เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันอยากจะรับฟัง เอาเป็นว่าเชิญขย่มกันต่อไปให้สบายใจ ส่วนเด็กในเปล ฉันจะรับผิดชอบดูแลเอง”
แล้วคิริลก็ปิดประตูให้เมื่อพูดจบ จากนั้นก็รีบไปช้อนร่างตุ้ยนุ้ยของเอวาขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน ก้าวตรงไปยังรถสปอร์ตของตัวเองทันที
โอราลาที่คว้าผ้าขนหนูพันกายมาได้ผืนเดียวรีบวิ่งตาม แต่ก็ไม่สามารถเอาเอวากลับคืนมาได้ เพราะตอนนี้รถสีขาวราคาแพงระยับตรงหน้าได้แล่นออกไปจากบ้านเสียแล้ว
“แล้วจะทำยังไงดี พี่นวลฆ่าฉันแน่...”
โอราลาบ่นหน้าเสีย
“ไม่เอาน่าอย่าคิดมาก เราก็บอกว่าจู่ๆ ไอ้หมอนั่นมันมาอุ้มไป เราห้ามไม่ได้ก็แค่นั้นเอง”
แทมชายหนุ่มร่างใหญ่ยักษ์เสนอแนะทางออกให้แฟนสาวซึ่งนั่นก็ทำให้โอราลายิ้มออกมาได้เล็กน้อย
“จริงสินะ งั้นพี่แทมกลับไปก่อนนะ เดี๋ยวอีกไม่นานพี่นวลก็จะมาแล้ว ฉันไม่อยากให้พี่นวลรู้ว่าฉันทำอะไรบ้างตอนที่พี่นวลไม่อยู่ เดี๋ยวไม่ได้เงินค่าจ้างเลี้ยงหนูเอวา”
“แต่ว่าเรา... ยังไม่ถึงสวรรค์รอบสามกันเลยนะ”
แทมอิดออดเพราะยังไม่อิ่ม แต่โอราลากังวลใจเกินกว่าจะทำมันต่อได้อีก
“เดี๋ยวคืนนี้เราก็สนุกกันได้น่าพี่แทม เอาให้ฟ้าสางกันไปข้างหนึ่งเลย นะกลับไปก่อน เดี๋ยวฉันจะรีบโทรไปหาพี่นวล บอกเรื่องหนูเอวาถูกขโมย นะพี่แทมนะ”
คนถูกขอร้องระบายลมหายใจออกมาอย่างขัดใจ แต่ก็ไร้ทางเลือก
“ก็ได้ แต่คืนนี้ทั้งคืนจำเอาไว้นะ”
“จ๊ะพี่แทม ฉันให้พี่ทั้งคืนแน่”
แล้วโอราลาก็รีบดันตัวให้แฟนหนุ่มออกไปจากรั้วบ้าน จากนั้นก็รีบกระโจนกลับเข้าไปในบ้าน คว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหาเนื้อนวลทันที พร้อมๆ กับแสร้งทำสุ่มเสียงตกใจ
“พี่นวล... รีบกลับมาบ้านนะ หนูเอวาถูกขโมยไปแล้ว”