บทที่ 2/4
“เอ้ามากันแล้วเหรอลูก มามาพ่อรออยู่”
ศศินาเดินเข้าไปกราบเจ้าสัวอนันต์ที่อก
หญิงสาวเป็นที่รักที่เอ็นดูของเจ้าสัวอนันต์มาตั้งแต่คนทั้งคู่เป็นแค่เพื่อนกัน
เพราะนึกเวทนาหญิงสาวที่เป็นกำพร้าแต่ก็เป็นเด็กดีรักเรียน
จึงอนุญาตให้หญิงสาวเรียกพ่อตั้งแต่ไหนแต่ไร
ยิ่งพอความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่เป็นมากกว่าเพื่อนท่านเจ้าสัวก็ยิ่งยินดี
เพราะลูกชายผู้แสนจะดื้อรั้นเป็นผู้เป็นคนมาได้ก็เพราะผู้หญิงคนนี้
พอเรียนจบปริญญาตรีในไทย
ท่านเจ้าสัวก็บังคับเคี่ยวเข็ญให้คนทั้งคู่ไปเรียนโทที่อเมริกาด้วยกัน
โดยที่ท่านเจ้าสัวจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด
เอาง่ายๆ คือรับหญิงสาวเป็นลูกสะใภ้ด้วยความเต็มใจ
หลังอาหารมื้อนั้นผ่านไป เจ้าสัวอนันต์ก็เรียกทั้งคู่เข้าไปคุยในห้องนั่งเล่นต่อ
“เมื่อไหร่จะแต่งงานกันสักทีล่ะลูก พ่ออยากอุ้มหลานเต็มทีแล้ว
คนแก่อยู่บ้านมันเหงา แต่งเลยดีไหม พ่อจะไปหาฤกษ์ให้”
ชายชราถามว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยความหวังที่จะได้อุ้มหลาน แต่ลูกชายดันตอบว่า
“โธ่ พ่ออยากมีหลาน ถามคนทำก่อนไหม ว่าพร้อมจะมีหรือยัง”
“เอ๊ะยังไงของแกว่ะไอ้พีท แกทำไม่เป็นหรือไง
ถึงจะปล่อยให้ฉันรอนานขนาดนี้
ปีนี้พ่อของแก หกสิบห้าเข้าไปแล้วนะโว้ย เมื่อไหร่แกจะพร้อมสักที ห๊า”
“นี่ใครพ่อ พีทนะครับ ทำเป็นตั้งแต่อายุสิบห้า
แต่ยังไม่อยากมีอ่ะ ยังอยากอยู่กับนาสองคนก่อน”
ชายหนุ่มหันไปส่งสายตาหวานซึ้งให้คนรัก
“นี่แกกับหนูนาใช้ชีวิตอยู่กันสองคนมาตั้งหลายปี
ยังไม่เบื่ออีกเหรอ มีลูกสักทีดีกว่ามั้ง หรือว่าไงลูกหนูนา”
หญิงสาวเหลือบมองชายหนุ่มผู้เป็นคนรักอย่างเข้าใจ
เธอรู้จักเขาดี พอๆ กับที่รู้จักตัวเอง
ภัทรพลแอบกลัวการแต่งงานเพราะกลัวว่าชีวิตคู่จะล้มเหลว
เหมือนที่พ่อกับแม่ของเขาเป็น ตอนเป็นแฟนกันก็มีความสุขดีอีกแบบ
แต่พอเป็นสามีภรรยากัน กลับเป็นอีกอย่าง
แต่ชายหนุ่มลืมคิดไปว่า ตอนที่พ่อกับแม่ของเขาคบกันนั้น
ทั้งสองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่อังกฤษ
ในช่วงที่ต่างฝ่ายต่างมาเรียนโทและพบรักกันที่นั้น
แต่พอแต่งงานกันแล้ว แม่ของเขาต้องย้ายตามพ่อของเขา
มาใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทย สภาพแวดล้อมเปลี่ยน สังคมเปลี่ยน
มาอยู่ในวัฒนธรรมที่ไม่คุ้นเคยก็เลยเกิดความระหองระแหงในชีวิตคู่
กอปรกับการไม่มีเพื่อนไม่มีคนคอยปรับทุกข์
ในขณะที่พ่อของชายหนุ่มมุ่งมั่นกับการทำงานสืบทอดธุรกิจ
เลยไม่มีเวลาให้ สุดท้ายเลยตัดสินใจเลิกรากันในที่สุด
ในส่วนของเธอเองนั้น มีความสุขดีกับการมีชายหนุ่มอยู่ข้างๆ
สถานะไหนก็ไม่ได้สำคัญสำหรับเธอเลย ขอแค่ให้เขารักเธอคนเดียวก็พอ
“นาว่าอยากจะรออีกสักสองปีค่ะคุณพ่อ
ตอนนี้งานค่อนข้างยุ่งเพราะบริษัทเรากำลังขยายงานไปในส่วนของประกันชีวิต
นาอยากทำให้บริษัทของเรามีมาร์เกตแชร์ในส่วนของประกันชีวิต
สักสิบเปอร์เซนต์ค่อยคิดเรื่องแต่งงานค่ะ
คุณพ่อรออีกนิดนะคะ คุณพ่อยังแข็งแรงรับรองได้เลี้ยงหลานแน่ๆ ค่ะ
เดี๋ยวนากับพีทจะมีให้คุณพ่อหลายๆ คนเลยค่ะ เอาฝาแฝดเลยดีไหมคะ”
หญิงสาวเอ่ยเอาใจผู้สูงวัย นี่ล่ะเมียเขาเจ๋งเสมอในทุกเรื่อง
จากที่หงุดหงิดอารมณ์เสียพ่อของเขาก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที
เมื่อได้อยู่ในห้วงความฝันว่าจะได้อุ้มหลานในเร็วๆ นี้
ทั้งที่ในความเป็นจริงเวลาที่ศศินาขออีกตั้งสองปี
ชายหนุ่มมองหญิงสาวอย่างรักใคร่และบอกกับตัวเองว่า
ยังไงเสีย ชาตินี้เขาจะแต่งงานกับศศินาแน่นอน