ยังไม่ถึงเวลาปล่อย
เมษา...
"มึงจะไปรู้อะไรมามันก็เรื่องของมึงแต่ที่แน่ๆ ผู้หญิงคนนี้มึงไม่มีสิทธิ์มายุ่ง"
"แต่ถ้าฉันอยากมีสิทธิ์ล่ะนายจะว่ายังไง"
"หึ ก็ไม่ว่าไง ถ้ามึงอยากมีสิทธิ์ในตัวผู้หญิงคนนี้มึงก็คงต้องรอให้กูเบื่อก่อนละกันไอ้ไทด์"
"ไม่เป็นไรฉันรอได้"
"ถ้างั้นมึงก็รอไปเถอะเพราะกูจะไม่มีวันปล่อยยัยนี่ไปง่ายๆแน่ๆ" ถ้าเป็นคนอื่นมองพวกเขาอาจจะคิดว่าคุณพีเจเขาหึงหวงฉันแต่เปล่าหรอกค่ะมันเป็นไปไม่ได้และไม่มีวันเป็นไปได้ด้วยเขาแค่ต้องการเอาชนะคุณไทด์อยากแย่งทุกสิ่งทุกอย่างมาจากคุณไทด์ก็เท่านั้นเองโดยมีฉันเป็นเหยื่อให้เขากลั่นแกล้งจนกว่าจะพอใจเพราะเขารู้ว่าคุณไทด์รู้สึกยังไงกับฉันซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทนอยู่กับเขาในฐานะสามีภรรยาปลอมแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนทุกสิ่งมันขึ้นกับเขาเพียงคนเดียว แต่สิ่งที่ทุกคนไม่รู้อีกเรื่องก็คือทะเบียนสมรสที่จดกันในวันแต่งงานมันไม่ใช่ของจริงเขาแค่ทำมันขึ้นมาเพื่อตบตาทุกคนว่าเขารักและจริงใจกับฉัน นั่นยังไม่รวมถึงแหวนแต่งงานที่เขามอบให้ฉันที่ทุกคนคิดว่ามันมีราคาหลายล้านแต่ใครจะรู้ว่าว่ามันเป็นแค่แหวนในร้านกิ๊ฟชอปที่มีราคาแค่ไม่กี่ร้อยบาท บอกตามตรงว่าฉันไม่ได้รังเกียจหรือรู้สึกแย่ที่มันเป็นแหวนราคาถูกเพราะต่อให้มันมีราคาแค่สิบยี่สิบบาทฉันก็เต็มใจที่จะสวมมันเอาไว้ถ้ามันมาจากความจริงใจที่เขามีให้ ฉันไม่เคยต้องการแหวนราคาเป็นล้านฉันแค่ต้องการใครสักคนที่รักฉันด้วยหัวใจที่แท้จริงซึ่งฉันคิดว่าคงจะเป็นเขาแต่ฉันหวังสูงมากเกินไป หวังจนลืมนึกถึงความเป็นจริงความน่าจะเป็นว่าคนระดับเขาน่ะเหรอจะมาชอบผู้หญิงที่ไม่มีอะไรอย่างฉัน ฉันยอมรับว่าตอนนั้นฉันหลงไปกับคำพูดและการกระทำที่แสนดีของเขาจนไม่ฟังคำเตือนของคุณไทด์ที่เคนเตือนฉันก่อนแต่งงาน มาวันนี้ฉันจึงไม่โทษใครนอกจากโทษตัวเองที่เชื่อใจเขาคิดว่าเขารักจริง ฉันมันโง่เอง ทุกวันนี้ฉันยังสวมแหวนวงเดิมที่เขาให้ติดนิ้วนางข้างซ้ายอยู่ตลอดเพื่อเตือนใจตัวเองและเพื่อไม่ให้คนผิดสังเกตุว่าทำไมถึงไม่สวมแหวนแต่งงาน ฉันก้มลงไปมองแหวนที่นิ้วของตัวเองแล้วสมเพชในใจฉันรู้ว่าสถานะปลอมๆของฉันมันต้องมีวันสิ้นสุดเขาคงไม่เก็บฉันไว้นานหรอก วันนึงเขาจะต้องเจอคนที่เขารักและจริงใจด้วย เมื่อวันนั้นมาถึงเขาก็คงจะปล่อยฉันออกมาจากกรงที่เขาขังฉันไว้ตอนนี้
"หึ นายพูดเหมือนนายรักเมษามากถึงไม่ยอมปล่อยง่ายๆ"
"จะรักไม่รักก็ไม่เกี่ยวกับลูกเมียน้อยอย่างมึง"
"อ้าว อยู่กันที่นี่หมดเหรอคะเนี้ย มีอะไรกันหรือเปล่าคะ คุณไทด์ คุณพีเจ เมษา" ในขณะที่ทั้งคุณไทด์กับคุณพีเจกำลังมีเรื่องกันป้ารำภาก็เดินเข้ามาพอดีทำให้ฉันโล่งใจเพราะดูท่าทางคุณพีเจจะไม่ยอมง่ายๆแต่ดูเหมือนป้ารำภาจะสงสัยเพราะสีหน้าคุณพีเจตอนนี้ดูไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ขาเอาแต่จ้องหน้าฉันอย่างไม่พอใจเอามากๆ
"ไม่มีอะไรหรอกครับป้ารำภา พีเจเค้าหึงผมที่เห็นผมอยู่กับเมษาในครัวกันสองต่อสอง"
"ไอ้ไทด์!!!"
"ไม่มีอะไรค่ะคุณไทด์พูดเล่นน่ะค่ะ คือเมมาช่วยคุณไทด์ทำซุปให้คุณยายน่ะคะ นี่ก็เสร็จทำพอดีเลย"
"ดีจังเดี๋ยวป้าเอาขึ้นไปเสริฟให้คุณท่านเองค่ะ คุณไทด์เพิ่งเลิกงานมาไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนเถอะนะคะ"
"ครับแต่ผมว่าเดี๋ยวผมขึ้นไปดูคุณย่าก่อนดีกว่าแล้วค่อยไปอาบน้ำ เมษาไว้เราค่อยคุยกันนะไม่ได้เจอกันนานคงคุยกันยาวเลยล่ะ" คุณไทด์หันมาพูดกับฉันด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอีกทั้งคำพูดที่เหมือนจงใจให้คุณพีเจไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะมีป้ารำภายืนอยู่ตรงนี้
"หึ" ไม่ต้องเดาว่าเสียงของใคร จากนั้นคุณไทด์ก็ถอดผ้ากันเปื้อนแล้วเดินออกไปจากห้องครัวตามด้วยป้ารำภาที่ยกอาหารที่คุณไทด์ทำตามออกไปอีกคน
"หึคงดีใจจนเนื้อเต้นเลยสินะที่ได้ยินมันพูดแบบนั้นน่ะ"
"ดีใจเรื่องอะไรคะฉันไม่เข้าใจ"
"อย่ามาแกล้งทำเป็นโง่"
"ฉันไม่ได้แกล้งโง่ค่ะฉันแค่ไม่เข้าใจว่าที่คุณบอกว่าฉันดีใจจนเนื้อเต้นหมายถึงเรื่องอะไร"
"ก็เรื่องที่มันบอกว่ามันรอมึงได้ยังไงล่ะ มันจะรอวันที่กูเลิกกับมึง"
"..........."
"แต่มึงอย่าหวังเลยว่ากูจะยอมปล่อยมึงไปมีความสุขกับมันเพราะกูจะไม่มีวันยอมให้มันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ถึงกูจะไม่ได้รักมึงถึงกูจะขยะแขยงผู้หญิงอย่างมึงกูก็ไม่ปล่อย มึงต้องทนอยู่กับความเจ็บปวดแบบนี้ไปอีกนาน"
"คุณมีความสุขเหรอคะที่ทำแบบนี้"
"ใช่กูมีความสุขมากที่เห็นมันมองมึงด้วยสายตาเว้าวอนมองมึงด้วยสายตาแห่งความรักแต่ก็ครอบครองมึงไม่ได้ มันคงเจ็บปวดน่าดู"
"ฉันถามคุณตรงๆนะคะว่าคุณทำแบบนี้คุณมีความสุขจริงๆหรือเปล่า"
"ถ้าไม่มีกูจะทำทำไม"
"ค่ะ ฉันก็ขอให้คุณมีความสุขมากๆนะคะ ส่วนฉันก็จะทนรับกรรมในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อจนกว่าคุณจะพอใจ" ฉันพูดอย่างคนปลงตกก่อนจะเดินออกมา
คืนนั้น....
ตอนนี้ฉันต้องเดินตามคุณพีเจเข้ามาในห้องนอนของคุเขาทั้งที่ไม่ได้อยากเข้ามา แต่เขาบังคับเพราะเขาไม่อยากให้คุณยายกับป้ารำภาสงสัยถ้าเราต้องนอนแยกห้องกัน
"มึงจะนอนตรงไหนก็เรื่องของมึงแต่อย่ามานอนบนเตียงของกู" พอเดินเข้ามาเขาก็เอ่ยปากก่อนเลยคงจะกลัวว่าฉันจะไปนอนที่เตียงร่วมกันกับเขาสินะ อยากจะบอกว่ามันไม่มีความคิดนี้อยู่ในหัวสมองของฉันเลยเพราะฉันรู้ตัวเองดีว่าควรทำยังไง
"ค่ะฉันไม่นอนหรอกค่ะเพราะฉันรู้ตัวเองดีว่าอยู่ในฐานะอะไร"
ก๊อก ก๊อก ก๊อก จู่ๆเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นฉันกับคุณพีเจหันไปมองตรงหน้าประตูพร้อมกันซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าใครมาเคาะห้องของเขาตอนนี้
"ใครมาเคาะห้องกูวะ"
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"เมษา เมษา" คนที่มาเคาะคือคุณไทด์ค่ะซึ่งฉันไม่รู้ว่าเขามาเคาะเรียกฉันทำไมเหมือนกัน
"ไอ้ไทด์!!!" ฉันที่กำลังจะเดินไปเปิดประตูห้องตูเพื่อถามคุณไทด์ว่ามาเรียกฉันทำไมแต่ก็โดนคุณพีเจกระชากแขนเอาไว้ก่อน
"มึงจะไปไหน"
"คุณไทด์มาเรียกฉันคุณไม่ได้ยินเหรอคะ"
"กูไม่ได้หูหนวกทำไมจะไม่ได้ยิน แต่กูไม่ให้มึงออกไปหามัน"
"คุณไทด์อาจจะมีเรื่องสำคัญก็ได้"
"เรื่องสำคัญอะไรกูไม่สนแต่กูไม่อนุญาตให้มึงออกไปคุยกับมัน มึงอย่าลืมว่าตอนนี้มึงอยู่ในฐานะเมียของกูถึงจะเป็นแค่เมียปลอมๆก็ตาม"
"ฉันไม่ลืมหรอกค่ะแต่ฉันคงต้องออกไปเพราะถ้าคุณไม่ให้ฉันออกไปฉันจะคิดว่าคุณหึงฉันหวงฉันจริงๆอย่างที่คุณไทด์พูดในครัว"
"มึงว่าไงนะ กูนี่นะหึงมึง เหอะเอาสมองส่วนไหนคิด"
"ขอโทษค่ะแต่การกระทำของคุณทำให้ฉันอดคิดไม่ได้" ที่ฉันพูดแบบนี้ก็เพื่อต้องการให้เขายอมให้ฉันออกมาทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่ได้หึงไม่ได้หวงอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
"ถ้ามึงอยากออกไปหามันก็เชิญ"
"ขอบคุณค่ะ" พูดขอบคุณสร็จฉันก็รีบเดินไปที่ประตูเพราะฉันเดาเอาว่ามันต้องมีเรื่องสำคัญมากๆไม่เช่นนั้นคุณไทด์คงไม่มาเคาะเรียกฉันที่ห้องคุณพีเจแบบนี้
ในสวน...
"คุณไทด์มีอะไรหรือเปล่าคะ"
"ฉันมีเรื่องไม่สบายใจเรื่องอาการป่วยของคุณย่าน่ะ"
"ทำไมคะคุณยายท่านเป็นอะไร" ฉันถามอย่างร้อนใจเพราะสีหน้าของคุณไทด์ไม่ค่อยสู้ดีนัก หลังจากนั้นคุณไทด์ก็บอกกับฉันว่าคุณหมอประจำตัวของคุณยายท่านโทรมาบอกอาการที่คุณยายเป็นอยู่ตอนนี้
"คุณย่าเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจกับความดัน คุณหมอประจำตัวของคุณย่าท่านเพิ่งโทรมาคุยกับฉันเมื่อครู่นี้นี่เองซึ่งคุณย่าท่านทราบดีว่าตัวเองเป็นอะไรแต่ท่านขอร้องแกมบังคับคุณหมอว่าไม่ให้บอกกับใครว่าท่านป่วยเพราะท่านเกรงว่าทุกคนจะเป็นห่วง"
"ป้ารำภาก็ไม่รู้ใช่ไหมคะ"
"ใช่ ไม่มีใครรู้เพราะคุณย่าบอกว่าท่านจะเป็นคนบอกกับทุกคนด้วยตัวเอง จนกระทั่งคุณหมอโทรมาถามเองว่ารู้เรื่องอาการที่คุณย่าเป็นหรือยังฉันก็บอกไปว่าไม่รู้ จนในที่สุดคุณหมอก็บอกอาการของคุณย่าทั้งหมด เธอรู้ไหมว่าตอนที่ฉันรับรู้ฉันแทบยืนไม่อยู่ ฉันไม่รู้เลยว่าท่านป่วยหนักขนาดนี้ทั้งๆที่ฉันอยู่ใกล้ชิดท่านมากที่สุดเจอหน้าท่านทุกวันแต่ฉันกลับไม่รู้อะไรเลย"
"คุณยายท่านเข้มแข็งค่ะท่านคงไม่อยากให้คุณไทด์หรือทุกคนเป็นกังวล"
"แต่ฉันกลัว กลัวว่าท่านจะจากฉันไป เพราะโรคหลอดเลือดหัวใจคุณหมอบอกว่ายังไม่มียารักษาให้หายขาดคุณย่าต้องกินยาไปตลอดชีวิต"
"แล้วเราจะต้องทำยังไงคะ"
"เราต้องดูแลท่านอย่างใกล้ชิดโดยที่ไม่ให้ท่านรู้ว่าเรารู้เรื่องนี้แล้วส่วนเรื่องอาหารที่ท่านทานก็ต้องดูแลเป็นพิเศษรวมถึงยาที่ท่านต้องทานด้วยเพราะแบบนี้ฉันถึงอยากขอร้องให้เธอกลับมาดูแลคุณย่าเพราะฉันไว้ใจเธอ คือไม่ใช่ว่าฉันไม่ไว้ใจคนอื่นนะแต่เธอเป็นคนเดียวที่รู้ว่าท่านไม่สบาย"
"เมว่าเราควรจะบอกกับทุกคนในบ้านนะคะทุกคนจะได้ช่วยกันดูแลคุณยายโดยเฉพาะป้ารำภา"
"ฉันก็อยากจะบอกนะแต่ป้ารำภาแกก็แก่มากแล้วฉันกลัวว่ามันจะยิ่งแย่หนักเข้าไปอีกเพราะป้ารำภารักคุณย่ามากถ้าป้ารำภารู้ฉันเกรงว่าป้ารำภาอาจจะเครียดวิตกกังวลจนล้มป่วยไปอีกคนเพราะแบบนี้ฉันถึงยังไม่กล้าที่จะบอกให้ใครรู้นอกจากเธอ"
"แล้วคุณพีเจล่ะคะ เมคิดว่าเรื่องนี้คุณพีเจควรจะรับรู้"
"เรื่องนี้ฉันก็กำลังคิดอยู่ว่าจะบอกหรือไม่บอกดี นิสัยของเขาเป็นคนใจร้อนวู่วามทำอะไรไม่ยั้งคิดฉันเกรงว่าถ้าพีเจรู้เรื่องอาการป่วยของย่ามันอาจจะควบคุมสติไม่ได้แล้วเข้าไปถามคุณย่าโดยตรงเพราะถ้าเป็นแบบนั้นฉันเกรงว่าคุณย่าท่านจะเป็นกังวลมากกว่าเดิมเพราะท่านห่วงพีเจมากกว่าใคร"
"มึงมีสิทธิ์อะไรที่จะมาปิดบังกูเรื่องย่า"
"คุณพีเจ"
"พีเจ"