ผู้หญิงคนนี้มึงไม่มีสิทธิ์มายุ่ง
เมษา...
"ย่าอยากให้ไปหา"
"คะ??"
"หูไม่ดี??กูบอกว่าย่าอยากให้ไปหา"
"ฉันได้ยินค่ะแต่ไม่รู้ว่าคุณพูดกับฉันหรือเปล่า"
"ก็ทั้งห้องมีแค่กูกับมึงสองคนไม่พูดกับมึงแล้วจะให้พูดกับใคร"
"........."
"เดี๋ยวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เอาชุดไปเปลี่ยนด้วยเพราะคงต้องไปค้างหลายวัน"
"ค่ะ"
"อ่อแล้วถ้าไปถึงอย่าพูดเรื่องอะไรที่ทำให้ย่ากูไม่สบายใจเข้าใจไหม"
"ถ้าคุณหมายถึงเรื่องคุณกับฉัน ฉันไม่พูดหรอกค่ะสบายใจได้"
"ดี เพราะถ้ามึงพูดให้ย่าไม่สบายใจกูไม่เอามึงไว้แน่" เขาชี้หน้าฉันเหมือนคาดโทษ ถึงเขาจะไม่บอกฉันก็คงไม่พูดหรอกค่ะเพราะฉันไม่อยากทำให้ท่านไม่สบายใจ ยิ่งช่วงนี้ท่านยิ่งไม่ค่อยสบายอยู่
หลายชั่วโมงต่อมา...
"มากันแล้วเหรอลูกพีเจ เมษา" พอเดินเข้ามาในห้องคุณยายก็ยิ้มทักทายแต่ใบหน้าของท่านดูอิดโรย
"ย่าเป็นไงบ้างครับ ทำไมดูไม่ค่อยสดชื่นเลย" คุณพีเจเดินไปนั่งข้างเตียงแล้วจับมือคุณยายมากอดมาหอม เขาในตอนนี้ดูเป็นผู้ชายอบอุ่นมากยิ่งเวลาที่เขาพูดเพราะๆหรือเวลาอยู่กับคุณยายตอนนี้ มันทำให้ฉันอดคิดถึงเขาตอนนั้นไม่ได้ตอนที่เขาเป็นคุณพีเจที่แสนอบอุ่นใจดีซึ่งฉันคงไม่ได้เจอเขาในแบบนั้นอีกแล้วล่ะเพราะที่เขาทำให้ฉันเห็นมันเป็นเพียงแผนการเป็นเพียงฉากบังหน้าที่เขาเอาไว้หลอกลวงให้ฉันเชื่อใจเท่านั้นและในเมื่อตอนนี้แผนการของเขาสำเร็จแล้วเขาก็คงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดีกับฉันอีกต่อไป
"คุณท่านไม่ค่อยทานข้าวเลยค่ะคุณพีเจ"
"รำภาเธอไปฟ้องหลานฉันทำไมเนี้ยเดี๋ยวตาพีเจก็กังวลใจหรอก"
"ก็คุณท่านไม่ค่อยยอมทานข้าวนี่คะ ขนาดคุณไทด์มาป้อนก็ยังไม่ค่อยยอมทาน"
"ก็คนมันไม่หิวนี่หน่า "
"ไม่ได้นะครับยังไงคุณย่าต้องทานข้าวไม่อย่างนั้นจะไม่สบายแล้วเข้าต้องได้โรงพยาบาลอีก"
"ถ้าอยากให้ย่าทานข้าวได้เราก็มาหาย่าบ่อยๆสิ หรือไม่อย่างนั้นก็กลับมาอยู่ที่บ้าน"
"เอ่อออ คือ..."
"นะคะคุณพีเจ คืออย่าหาว่าป้าฟ้องเลยนะคะตั้งแต่คุณพีเจแต่งงานแล้วพาหนูเมษาไปอยู่ที่คอนโดคุณท่านก็เอาแต่บ่นคิดถึงทุกวันเลย แต่พอป้าจะโทรหาคุณพีเจคุณท่านก็บอกไม่ให้โทรกลัวจะรบกวนเพราะคุณพีเจกับหนูเมษาเพิ่งแต่งงานกันอยากให้อยู่ด้วยกันสองต่อสองเผื่อจะมีเหลนให้คุณท่านไวๆ" ฉันถึงกับทำหน้าไม่ถูกเพราะตอนที่ป้ารำภาพูดถึงมีเหลนคุณยายก็มองมาที่ฉันด้วยแววตามีความสุขเพราะท่านคงคิดว่าฉันอาจจะท้อง แต่มันคงเป็นไปไม่ได้เพราะฉันกับคุณพีเจเราไม่เคยมีอะไรกันและคงจะไม่มีเพราะทุกเขารังเกียจฉันยิ่งกว่าอะไรแต่ก็ยังดีที่เขายกห้องนอนห้องนอนเล็กให้ฉันทำให้ฉันไม่ต้องไปนอนที่ห้องเก็บของ ซึ่งบางคืนเขาก็จะพาผู้หญิงมานอนด้วยและแต่ละคนที่เขาพามาแทบจะไม่ซ้ำหน้ากันเลยซึ่งฉันก็พยายามทำใจให้ชินแม้มันจะเจ็บปวดมากแค่ไหนก็ตามที่เห็นคนที่ตัวเองรักคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีพาผู้หญิงเข้ามาเย้ยถึงคอนโด แต่ฉันก็อดทนมาตลอดถึงเขาจะดุจะด่าจะดูถูกอะไรฉันก็ไม่เคยตอบโต้ฉันหวังเพียงแค่ว่าวันหนึ่งฉันจะเลิกรักเขาได้และพอถึงวันนั้นฉันก็จะไม่เจ็บปวดอีก ฉันจะถือว่าตัวเองชดใช้กรรมที่ชาติก่อนฉันอาจจะเคยทำกับเขาเอาไว้แบบนี้ชาตินี้เขาถึงตามมาเอาคืน พอฉันคิดแบบนี้ฉันก็สบายใจขึ้น มันเหมือนการปลอบใจตัวเอง
"ว่าแต่นี่ก็แต่งกันมาเป็นเดือนแล้ว หนูเมษามีแววหรือมีอาการแพ้ท้องบ้างหรือยังลูก" คุณยายถามฉันเหมือนสิ่งที่ฉันคิดเองไว้ แต่พอฉันจะตอบเขาก็รีบตอบแทนซึ่งก็ดีแล้วล่ะเพราะฉันก็ยังไม่รู้จะตอบท่านไปว่ายังไง
"คงยังไม่มีหรอกครับ ผมเคยบอกย่าไปแล้วว่าผมยังไม่อยากมีตอนนี้"
"แล้วเมื่อไหร่จะมีล่ะลูก ย่าก็แก่ลงไปทุกวันจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ ก่อนตายย่าก็อยากเห็นหน้าเหลนตัวน้อยๆ"
"คือผม..." ฉันลอบมองหน้าเขาที่ทำหน้ากระอักกระอ่วนใจ ฉันรู้ว่าเขาคงไม่อยากตอบเพราะมันไม่มีคำตอบ
"เอ่อ คุณยายอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะเดี๋ยวเมไปทำให้ทาน"
"ดีเลยหนูเม ที่คุณท่านไม่ค่อยกินข้าวสงสัยเป็นเพราะไม่ได้ทานอาหารฝีมือหลานสะใภ้ ใช่ไหมคะคุณท่าน"
"อืม อาจจะเป็นไปได้นะ เพราะตั้งแต่เมษาย้ายไปอยู่คอนโดกับตาพี ฉันก็กินอะไรไม่ค่อยได้มากสงสัยจะเป็นอย่างที่เธอพูดรำภา"
"ถ้าอย่างงั้นเดี๋ยวเมไปทำอาหารให้คุณยายนะคะ"
"ขอบใจนะลูก"
จากนั้นฉันก็เดินลงมาข้างล่างเพื่อเข้าครัวทำอาหารให้คุณยาย แต่พอเข้ามาในครัวฉันก็เจอคุณไทด์ที่ยืนหันหลังอยู่ในชุดทำงานแบบที่ฉันเคยเห็นจนชินตาเขาใส่ผ้ากันเปื้อนเหมือนเขากำลังยืนทำอาหาร
"คุณไทด์คะ"
"อ้าวเมษา เธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมฉันไม่รู้ แล้วนี่มากับใคร"
"เมมากับคุณพีเจน่ะค่ะ"
"ฉันก็โง่ถามเนอะว่าเธอมากับใครเธอก็ต้องมากับสามีของเธออยู่แล้ว ว่าแต่เธอสบายดีมั้ย"
"ก็...สบายดีค่ะ" ฉันจำใจต้องโกหกทั้งที่ไม่อยากทำ
"แน่ใจเหรอ"
"ทะ ทำไมคุณไทด์ถึงพูดแบบนั้นคะ"
"เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ"
"รู้...อะไรคะ" ฉันเริ่มใจไม่ดีเมื่อเห็นแววตาของคุณไทด์ที่มองฉัน
"ช่างมันเถอะ ในเมื่อเธอบอกว่าเธอสบายดีฉันก็จะเชื่อ" พูดจบเขาก็หันหลังไปทำอาหารต่อ
"เอ่อ ว่าแต่คุณไทด์กำลังทำอะไรคะ" ฉันเปลี่ยนเรื่องพูดเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ถามอะไรให้ฉันลำบากใจที่จะตอบ
"ฉันทำอาหารให้คุณย่าน่ะ ท่านทานอะไรไม่ค่อยได้ฉันก็เลยอยากจะลองทำอาหารให้ท่านทาน ว่าแต่เธอเข้ามาในครัวมาเอาอะไรหรือเปล่าเดี๋ยวฉันหยิบให้"
"เอ่อคือเมกำลังจะลงมาทำอาหารให้คุณยายน่ะค่ะแต่เห็นคุณไทด์กำลังทำถ้างั้นให้เมเป็นลูกมือดีมั้ยคะ"
"เอาดิ ดีเลยเธอจะได้สอนฉันด้วยเพราะถ้าเธอกลับคอนโดฉันจะได้ทำสูตรของเธอให้คุณย่าได้ทานเพราะเมื่อก่อนเธอทำอาหารให้คุณย่าทานเป็นประจำและท่านก็ชมว่าเธอทำอาหารอร่อยจนท่านติดใจ"
"ก็ได้ค่ะแล้วเดี๋ยวเมจะจดสูตรให้ด้วยนะคะ"
"อื้มมมขอบใจนะ"
หลังจากนั้นฉันกับคุณไทด์ก็ช่วยกันทำอาหาร อยากจะบอกว่าฉันรู้สึกมีความสุขและรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูกที่ได้พูดได้คุยกับคุณไทด์ ฉันไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ คงจะตั้งแต่ที่รู้ความจริงว่าตัวเองเป็นเพียงผู้หญิงโง่ๆคนนึงที่ถูกหลอก แต่ก็ช่างมันเถอะคิดได้ตอนนี้มันก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้ ฉันต้องอยู่กับปัจจุบันฉันต้องเก็บซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ให้ลึกที่สุดเพื่อให้คนรอบข้างสบายใจ
"เธอลองชิมดูซิว่าฝีมือทำซุปปลาของฉันอร่อยสู้ฝีมือเธอได้หรือเปล่า" จู่ๆคุณไทด์ตักน้ำซุปใส่ช้อนเล็กๆแล้วยื่นมาให้ฉันชิม แต่พอฉันจะรับช้อนมาชิมเองเขาก็ไม่ยอมให้แถมยังปัดมือฉันออกอีกแล้วก็เอาช้อนมาใกล้ปากฉัน
"จะจับทำไมเล่า อ้าปากเดี๋ยวฉันจะป้อน"
"มันไม่ดีมังคะ"
"ก็แค่ชิมอาหารมันจะไม่ดียังไง"
"มันไม่ดีตรงที่คนที่มึงกำลังป้อนอยู่เค้าแต่งงานมีผัวแล้วน่ะสิ" ฉันรีบหันไปตามเสียงพูดปรากฏว่าเป็นคุณพีเจที่ยืนทำหน้าถมึนทึงเอามือกอดอกมองมาที่ฉันกับคุณไทด์อย่างไม่พอใจ
"พีเจ"
"คุณพีเจ"
"สวีตหวานกันเชียวนะ"
"สวีตอะไรของนายพูดให้มันดีๆ"
"ก็มึงกำลังทำอะไรกับเมียกูอยู่ล่ะ"
"ฉันก็แค่ขอให้เมษาชิมอาหารที่ฉันทำให้คุณย่า ว่าแต่ที่นายพูดว่าเมษาเป็นเมียนายนายแน่ใจเหรอ"
"มึงหมายความว่าไงไอ้ไทด์"
"นายอย่าคิดว่าฉันไม่รู้สิว่านายกำลังทำอะไรอยู่"
"มึงจะไปรู้อะไรมามันก็เรื่องของมึงแต่ที่แน่ๆผู้หญิงคนนี้มึงไม่มีสิทธิ์มายุ่ง"
"แต่ถ้าฉันอยากมีสิทธิ์ล่ะนายจะว่ายังไง"