บทย่อ
เมื่อผมเจอคนที่ใช่ ต่อให้อายุห่างกันซัก 100 ปี ผมก็ไม่สน เหนือเมฆ ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาและรวยมาก เขาได้เจอกับพิรญา สาวสวยและเก่งมากๆ เขาตกหลุมรักเธอมาตั้งแต่แรกเห็นแม้อายุจะห่างกันมากแต่เขาก็ไม่เคยกลัว เขาพร้อมจะพิชิตหัวใจของเธอ แม้นเธอจะถือทะเบียนสมรสไว้ก็ตาม
ตอนที่ 1 เหนือเมฆ
คนเราอ่ะ บางทีก็ดิ้นรนหารักแท้ แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ สู้ผมก็ไม่ได้ครับ ไม่ต้องไปดิ้นรนอะไรเลย ทุกคนต่างก็วิ่งเข้าหาเองไม่ว่าจะเป็นสาวๆ เด็กๆ หรือจะเป็นสาวแก่แม่หม้ายเรียกว่าวิ่งพุ่งชนผมไม่เว้นวันเลยก็ว่าได้ ผมรู้ว่ามันไม่ใช่ความรัก แต่มันคือความเสน่หาที่เต็มใจกันทั้ง 2 ฝ่าย ต่างฝ่าถ้าพอใจก็เลิกคบหากัน ผมว่ามันง่ายดีนะครับแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องมายึดติดอะไรให้มันวุ่นวาย
ผมเหนือเมฆ จิราวิวัฒน์ น้องชายฝาแฝดของเหนือตะวัน ผมเป็นคนเจ้าสำราญครับ อย่าเรียกว่าเจ้าชู้เพราะมันจะดูไม่ดี เป็นคนเจ้าสำราญอัธยาศัยดีแบบนี้ถึงจะถูก หลังจากที่ลูกของตะวันกับรักร้ายเกิด เด็กน่ารักจนผมเกิดมีแวบนึงว่าอยากมีลูกขึ้นมาเลย แต่คงเป็นไปไม่ได้หรอกเมื่อผมเป็นคนอัธยาศัยดีแบบนี้คงลงหลักปักฐานกับใครไม่ได้ ทุกคนคงอยากจะรู้ว่าตะวันกับรักร้ายมีลูกได้ไงใช่มั้ยครับ แต่ผมไม่บอกหรอกเพราะนั่นมันเรื่องของตะวันไม่ใช่เรื่องของผม ผมจึงขอพ่อไปต่อโท ที่อเมริกา พ่อก็ยอมนะ เพราะตอนนี้มีหลานคนโปรดเกิดขึ้นมาแล้ว ผมก็หมาหัวเน่าแล้วหละครับ
ผมเดินทางมาใช้ชีวิตที่ อเมริกา 5 ปีครับ เพราะมันสนุกกว่าอยู่ที่ไทย ไม่ว่าจะเรื่องการใช้ชีวิต หรือเรื่องการเที่ยว มันอิสระมากๆ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย นั่นก็ไม่เป็นปัญหาเพราะพ่อเป็นคนส่ง นี่ก็เห็นตะวันส่งเมลล์มาบอกว่าพ่อบ่นหา อยากจะให้มาช่วยที่เซเว่นแอร์ไลน์ แต่ผมว่ามันน่าจะยากที่ผมจะไปสานต่อธุรกิจ เพราะตอนนี้ผมเป็นนายแบบให้กับแบรนด์สินค้าชั้นนำของอเมริกาไปแล้ว และก็มีแบรนด์ไทยติดต่อมาด้วย หรือว่าผมจะลองกลับไปทำที่ไทยดู เผื่อจะได้อะไรใหม่ๆให้ชีวิตบ้าง
ผมอยู่ที่นี่ก็มีเพื่อนเยอะแยะเลย ส่วนที่สนิทที่สุดก็จะเป็น พอล กับลูกพีช พอลนี่เป็นลูกครึ่งไทยเกาหลีครับ ส่วนลูกพีชเป็นไทยแท้ ทั้งคู่กับผมสนิทกันมากเรียกได้ว่าไปไหนไปกันเลย แต่ลูกพีชจะลึกลับซับซ้อนหน่อย เพราะผมไม่เคยเจอพ่อกับแม่เธอเลย และมักจะได้ยินเธอคุยแลละทะเลาะกับแม่เป็นประจำ ส่วนพอลนี่ จะนิ่งๆครับ แต่สมองโคตรฉลาด ไม่ต่างจากตะวันหรอก เหมือนมีตะวันคอยอยู่ใกล้ๆนั่นแหละ
“เมฆ อยู่ปะเนี้ย เมฆ” เสียงลูกพีชดังมาแต่ไกลเลย ซึ่งผมกำลังอาบน้ำไง ผมจึงรีบอาบและนุ่งผ้าขนหนูออกมาบอกเลยครับไม่อาย เพราะมากกว่านี้พีชก็เห็นมาแล้ว ก็สนิทกัน
“ว่าไงพีช มีอะไรรึเปล่า”
“มี”
“มีอะไร ทำไมต้องหน้าเครียดด้วย”
“ก็แม่อะดิ สั่งให้เรากลับไทย”
“เออก็ดีนี่ กลับไปสานต่อธุรกิจที่บ้าน ว่าแต่ บ้านพีชนี่ทำธุรกิจอะไรนะ”ผมคลับคล้ายคลับคลา แต่ก็จำไม่ได้ครับเพราะพีชเคยเล่าเรื่องที่บ้านให้ผมฟังแค่ครั้งเดียวเองตั้งแต่คบกันมา 5 ปี
“สถาบันเสริมความงาม”
“เออ นั่นแหละ พีชสวยอยู่แล้วไง ไปสานต่อธุรกิจที่บ้านได้ไม่ยากเลย”
“แต่เราไม่อยากกลับไง เราเกลียดแม่”
พูดว่าเกลียดแม่มาแบบนี้ 5 ปีแล้วครับ ซึ่งผมฟังจนชินหูละ ว่าแต่ผมก็อยากเจอแม่พีชเหมือนกันนะว่าจะร้ายกาจแค่ไหน ทำไมพีชถึงได้เกลียดฝังใจขนาดนี้
“เอาจริงนะพีช เราขอถามจริงๆเลย ทำไมต้องเกลียดแม่ขนาดนี้ด้วยอ่ะ แม่พีชร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ”
“อืม ร้าย ร้ายมาก แม่สนใจแต่เรื่องธุรกิจ ยอมทำทุกอย่างเพื่อธุรกิจ ถึงขนาดส่งเรามาอยู่ให้ไกลหูไกลตาเพื่อที่จะได้ทำธุรกิจได้สะดวก ขนาดพ่อเรายังทนไม่ไหวจนต้องมีผู้หญิงอื่นเลยนะ”
“โห แล้วแม่พีชว่าไงอ่ะ”
“แม่ก็ไม่ว่าอะไร แม่ก็ยอมให้พ่อเรามีผู้หญิงอื่นมาตลอด ขนาดที่โรงเรียนบอกว่าต้องให้ผู้ปกครองมาประชุม แม่ยังไม่มา พ่อโทรมาบอกเราว่าแม่ติดธุระต้องไปประชุมกับลูกค้า ส่วนพ่อก็มาไม่ได้เพราะต้องเร่งทำแผนโปรเจคโปรโมทสาขาใหม่ตามคำสั่งแม่ เมฆคิดดูดิว่าแม่เห็นแก่ตัวและรักธุรกิจมากกว่าครอบครัวขนาดไหน”
เอาจริงนะ เป็นผมผมก็ไม่ไหวจริงๆนั่นแหละเพราะเท่าที่ฝังพีชเล่านี่แม่พีชโคตรบ้างานเลย
“แล้วนี่จะเอาไง จะกลับไทยเลยมั้ย”
“ไม่กลับ เราจะอยู่ที่นี่ต่อ เรานัดกับพอลไว้แล้วว่าจะลงไปเป็นอาสาสมัครซักครึ่งปี เมฆไปด้วยกันมั้ย เรียนโทจบแล้วนี่”
“ก็อยากไปอยู่นะ แต่พอดีผู้จัดการเราเขารับงานที่ไทยเอาไว้ 3 เดือนอ่ะ เราเลยต้องลงไปเป็นนายแบบให้แบรนด์ที่นั่น”
“3 เดือนเลยเหรอ”
“อืม 3 เดือน เราคิดว่าถ้าเสร็จก็จะกลับมา”
“งั้นก็ตามใจ”
ลูกพีชหันไปนอนพิมพ์โทรศัพท์ต่อ ด้วยสีหน้าที่เครียดพอดู ส่วนผมก็เดินไปเก็บข้าวของลงกระเป๋าเตรียมตัวกลับไทย ผมกะว่าจะไปดูเจ้าหลานซักหน่อย เพราะที่ตะวันส่งรูปมาโคตรน่ารักเลย อยากฟัดจะแย่แล้ว