บทนำ 2
ก็หวังว่าเรื่องนี้มันจะเป็นแค่ฝันร้ายระหว่างฉันกับไอ้ตรีจริงๆ เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นฉันกับมันก็ยังเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่ดี
แต่ฉันยอมรับว่าตอนนี้ไม่อยากเห็นหน้ามัน ซึ่งมันเองก็คงเหมือนกัน ป่านนี้ไม่รู้หายจากอาการขวัญผวาที่ได้นอนกับผู้หญิงอย่างฉันหรือยัง
เพราะฉะนั้นเมื่อกลับมาถึงที่พักของตัวเอง ที่เดินจากหอพักของไอ้ตรีแค่สิบนาที โดยไม่ลืมซื้อยาคุมฉุกเฉินมากินด้วย เมื่อคืนแม้จะเห็นว่าไอ้ตรีใช้ถุงยาง แต่ฉันก็ไม่อยากพลาด
อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก็นอนยาว เพราะไม่อยากตื่นขึ้นมาคิดฟุ้งซ่านเรื่องเดิมๆ
ฉันหลับใหลไปไม่รู้กี่ชั่วโมง ตื่นขึ้นมาในห้องนอนก็มืดสนิท เพราะนอนมากไปหรือคิดมากไปก่อนนอน ตื่นขึ้นมาปวดหัวมาก แถมก็ยังหิวมากด้วย ดึกขนาดนี้แล้ว แถวหอพักคงไม่มีอะไรให้ซื้อกิน คงต้องกินมาม่ารองท้อง เพราะสั่งไรเดอร์ก็คงทนหิวไม่ทัน
ฉันลุกจากที่นอนอย่างเกียจคร้าน เปิดประตูออกจากห้องนอนก็ต้องสะดุ้งโหยง เพราะมีใครบางคนนอนหลับอยู่บนโซฟาเบดในห้องนั่งเล่น แถมมีกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่พร้อมเป้อีกใบหนึ่ง และกระเป๋ากีตาร์โปร่ง
“เฮ้ย ไอ้ตรี มึงมาทำอะไรดึกดื่นป่านนี้” ฉันหยิบหมอนอิงฟาดที่ลำตัวมันเต็มแรง
“โอ๊ย ไอ้บ้า กูเจ็บนะโว้ย” มันสะดุ้งตื่นพร้อมกับโวยวายหน้าตางัวเงีย
“แล้วมึงมาทำไรห้องกูล่ะ” จริงๆ มันมีคีย์การ์ดห้องฉัน และฉันก็มีคีย์การ์ดห้องมันเช่นกัน แต่ไม่เข้าใจว่าเพิ่งเกิดเรื่องแท้ๆ มันโผล่หน้ามาให้เห็นทำไม จิตใจมันทำด้วยอะไร
“กูซื้อก๋วยจั๊บกับเครปมาให้มึง นู่นบนโต๊ะกินข้าว” มันชี้มือไปยังห้องโต๊ะกินข้าว จากนั้นมันก็ทำท่าจะล้มตัวลงนอนต่อ แต่ฉันดึงแขนมันไว้
“แล้วกระเป๋าอะไรของมึงเนี่ย เยอะแยะ”
“มึงลืมอะไรไปหรือเปล่า มะรืนนี้เราต้องไปเที่ยวกันแล้วไง”
“แล้วไง ตั้งมะรืนนี้นู่น เราถึงเดินทางกัน แล้วมึงหอบกระเป๋ามาทำไมตั้งแต่วันนี้”
ฉัน ไอ้ตรีและเพื่อนสนิทอีกสามคนจะไปเที่ยวชะอำ ตามด้วยหัวหิน และปราณบุรี ตามที่แพลนกันไว้ว่าเรียนจบ เราจะเที่ยวให้ฉ่ำ ก่อนเริ่มทำงาน ซึ่งฉันกับไอ้ตรีนั้นตัดสินใจจะทำงานที่คาเฟ่ของป้าดา ป้าแท้ๆ ของฉัน ซึ่งกำลังวางแผนไปใช้ชีวิตอยู่อเมริกากับแม่ฉันในเดือนหน้า เพราะไปเยี่ยมแม่ครั้งหนึ่ง แม่แนะนำให้ป้าดารู้จักผู้ชายคนหนึ่ง ป้าดาก็คุยกับผู้ชายคนนั้นมาหลายมาหลายปี จนตกลงปลงใจจะไปใช้ชีวิตด้วยกันที่อเมริกา หลังจากโสดมาจนอายุสี่สิบตอนปลาย
ป้าดาเลยยกคาเฟ่ให้ฉันดูแลต่อไป รวมทั้งคอนโดฯ ที่ฉันต้องย้ายไปอยู่ นอกจากอยู่ใกล้คาเฟ่แล้ว มันจะทำให้ฉันประหยัดเงินค่าหอพัก เพราะเรียนจบแล้วฉันก็ไม่อยากขอเงินแม่ใช้ เพราะเงินที่แม่ให้ฉันก็เป็นเงินของพ่อเลี้ยงอีก แม้ลุงคริสจะใจดี แต่เรื่องเงิน มันเป็นความรับผิดชอบที่ฉันจะต้องดูแลตัวเองต่อไป
“ป้าสอนไล่กูออกจากหอแล้ว เพราะกูติดค่าห้องมาสามเดือนแล้ว”
“ไอ้ห่านี่ ทำไมมึงไม่จ่ายป้าเขาว่ะ”
“ก็กูไม่มี”
“มึงแดกเบียร์ทุกวัน แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าห้องนี่นะ!”
“เออ หมุนไม่ทันว่ะ มึงก็รู้หลายเดือนมานี้ก็ทุ่มเทกับการฝึกงาน กูก็ไม่ได้ไปร้องเพลงที่ผับเลยไง”
“มึงมายืมกู กับเพื่อนๆ ก็ได้ รวมๆ กันคงมีพอค่าหอ”
“กูไม่อยากรบกวนไง”
“ไม่อยากรบกวนเหี้ยไรล่ะ นี่มึงหอบกระเป๋ามาห้องกูเลยนะ!”
“เอาน่า ยังไงเราจะไปตะลอนเที่ยวกันอยู่แล้ว และจากนั้นก็ทำงานที่คาเฟ่ด้วยกันอีก ยังไงมึงให้ค่าจ้างกูแล้ว ค่อยหาที่อยู่ใหม่ไง”
“มึง ตอนนี้เราควรอยู่ด้วยกันมั้ย มึงคิดให้ดีสิ” ฉันทำเสียงซีเรียส แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ซีเรียสในเรื่องเดียวกัน
“ทำไมล่ะ มึงรังเกียจกูเหรอ” มันถามเสียงเศร้าๆ ทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่ความผิดของมัน ถ้าจะผิด ก็ที่มันชวนอีหมวยมาปาร์ตี้เมื่อคืนนั่นแหละ
“ถ้ามึงไม่สบายใจ กูไปหาไอ้พัทก็ได้” มันพูดด้วยท่าทีน้อยใจ แล้วลุกจากโซฟา มันทำให้ฉันจำเป็นต้องหยุดมันไว้ก่อน เพราะไม่ว่ายังไง มันก็ยังคือเพื่อนสนิทของฉันอยู่ดี
“มึงนอนเหอะ ดึกป่านนี้แล้ว ไอ้พัทมันคงหลับ เกรงใจที่บ้านมันด้วย” เพราะไอ้พัท มันย้ายกลับไปอยู่กับครอบครัวหลังเรียนจบ และบ้านมันก็ไกลจากที่นี่มาก ส่วนไอ้ปีก็พักอยู่กับแฟน และเพื่อนสนิทอีกคนนั้นเป็นผู้หญิง ไม่เหมาะที่จะไปค้างคืนด้วย
“งั้นกูนอนต่อนะ” มันพูดแค่นั้นก็ทิ้งตัวนอนตามเดิม เพิ่มเสียงกรนเบาๆ ให้ได้ยิน
จริงๆ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ไอ้ตรีมาค้างที่ห้องฉัน มันมาค้างกับฉันทุกอาทิตย์นั่นแหละ ส่วนใหญ่เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ที่พวกเราชอบมานั่งจับกลุ่มทำรายงาน อ่านหนังสือ หรือแม้จะจับกลุ่มเม้าท์มอย นั่งดื่มตามประสาเพื่อน
แต่เมื่อคืนย้ายไปปาร์ตี้ที่ห้องไอ้ตรี เพราะฉันไม่อยากให้คนที่ไม่สนิทมาที่ห้อง
พอคิดถึงอีหมวยแล้วฉันก็นึกโมโหขึ้นมาอีกครั้ง
“ต่อไปนี้มึงห้ามยุ่งกับอีหมวยนะ!”
“อือ” คนหลับครางรับเบาๆ ฉันจึงเดินไปยังโต๊ะกินข้าว หยิบถุงก๋วยจั๊บไปอุ่นในไมโครเวฟ ส่วนเครปอุ่นในหม้อทอดไร้น้ำมัน
ฉันกินของโปรดที่ไอ้ตรีซื้อมาฝากด้วยความเอร็ดอร่อย ข้อดีที่สุดของมันก็คือชอบซื้อของกินมาให้ตลอด ไม่ว่าจะตอนเป็นเด็กหรือตอนนี้
มันไม่ใช่แค่เพื่อน แต่เป็นเหมือนคนในครอบครัวมากกว่า
จำได้ตอนเจอมันครั้งแรกที่บ้านเกิด แม่ของไอ้ตรีเป็นคนบ้านเดียวกับครอบครัวฉัน แต่แม่ของไอ้ตรีใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ เสียส่วนใหญ่ เพราะพ่อแม่เสียชีวิตนานแล้ว มีเพียงญาติๆ อยู่คนหนึ่งที่อยู่บ้านเกิด
ตอนนั้นแม่ฉันบอกว่าแม่ของไอ้ตรีเลิกกับพ่อไอ้ตรี จึงกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิด ฉันกับไอ้ตรีอายุเจ็ดขวบ ไอ้ตรีตอนเป็นเด็กผู้ชายหน้าตาดี ตัวผอม ผิวขาว ติดแม่มาก งอแงไม่ชอบไปโรงเรียน เพราะถูกเพื่อนๆ แกล้ง
ขณะที่ฉันเป็นเด็กแสบของหมู่บ้าน ทั้งซนทั้งแก่นกะโหลก และฉันนี่แหละที่ปกป้องไอ้ตรีจากเพื่อนๆ ที่ชอบแกล้งมัน มีครั้งหนึ่งมันเกือบตาย เพื่อนคนหนึ่งผลักมันตกคลอง มันว่ายน้ำไม่เป็น ฉันกระโดดไปช่วยมันจึงรอดตายในครั้งนั้น หลังเหตุการณ์นั้นมันบอกว่าจะเป็นเพื่อนฉันตลอดไป
และฉันยังเป็นคนสอนมันว่ายน้ำจนเป็นด้วย ตอนแรกมันไม่ยอม มันกลัวน้ำมาก เพราะนั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่จมน้ำ อยู่กรุงเทพฯ มันบอกว่าถูกญาติคนหนึ่งแกล้งผลักตกน้ำจนเกือบตายมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่พอฉันบอกให้มันเอาชนะความกลัวนั้นให้ได้ และบอกมันจะไม่เป็นไร ฉันจะไม่ยอมให้มันจมน้ำตายหรอก ไอ้ตรีถึงยอมเชื่อใจฉัน
:::::::::::