ตอนที่ 5 ดุยิ่งกว่าหมา
ในที่สุดวันหยุดสุดสัปดาห์ก็มาถึง ครั้งนี้ไอร์เป็นคนมาหาต๋องถึงที่บ้าน นั่นเพราะถูกไอ้เพื่อนตัวดีรบเร้าให้มาติวหนังสือให้ เจ้าตัวยืนอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่หรือจะเรียกว่าคฤหาสน์ก็เห็นจะได้ นั่นเพราะบ้านหลังนี้ใหญ่โตและหรูหรากว่าบ้านทั่ว ๆ ไป มือเรียวกดที่กริ่งหน้าบ้านไม่นานนักก็มียามเฝ้าประตูเดินมาหา
“ผมมาหาต๋องครับลุง” ไอร์ยิ้มให้อย่างคุ้นเคย
“อ้าวเพื่อนคุณต๋องนี่เอง เชิญครับ ๆ” เมื่อรู้ว่าแขกผู้มาเยือนเป็นเพื่อนของลูกชายเจ้าของบ้าน ลุงยามก็เปิดประตูให้ทันที
“ขอบคุณครับลุง” เจ้าตัวยิ้มให้แล้วเดินสะพายกระเป๋าผ้าเข้าไปด้านใน
ไอร์มาบ้านหลังนี้หลายต่อหลายครั้งจนทุกคนจำหน้าได้ดี โชคดีที่พ่อกับแม่ของต๋องไม่รังเกียจที่เขาเป็นแค่ลูกแม่ค้าขายข้าวแกง ท่านทั้งสองเอ็นดูเขาไม่ต่างจากลูกชายแท้ ๆ เลยทีเดียว
เมื่อเดินมาถึงประตูหน้าบ้านก็พบไอ้เพื่อนตัวดีกำลังยืนยิ้มแฉ่งรออยู่ก่อนแล้ว ต๋องโบกไม้โบกมือให้ด้วยความดีใจ
“ดีใจขนาดนั้นเลยเหรอวะที่เห็นกูมา...ทำตัวอย่างกับหมาเห็นเจ้านายซะอย่างนั้น” พูดแล้วไอร์ก็อดขำไม่ได้
“อ่าว ๆ มาถึงก็ปากหมาซะแล้วเดี๋ยวกูจับขังไว้ที่นี่ซะเลย” คนพูดทำหน้ายุ่งใส่ทันที
“ลองขังกูดูดิรับรองมึงไม่ได้ผุดได้เกิดแน่ มึงก็รู้ว่าพ่อกับแม่มึงเชื่อกูมากกว่าลูกแท้ ๆ ซะอีก”
“อย่าเอาพ่อแม่กูมาอ้างกูไม่กลัวหรอก รีบเข้ามาเร็ว ๆ กูอยากติวจะแย่แล้วเนี่ย”
“คร้าบไอ้คนขยัน”
ไอร์เดินตามเพื่อนเข้าไปข้างใน สงครามน้ำลายยังไม่จบแค่นี้แน่ เขาไม่แน่ใจว่าวันนี้จะได้ติวสมใจอยากคุณชายต๋องหรือเปล่า เกรงว่าจะต่อปากต่อคำกันจนไม่มีเวลาติวเสียมากกว่า
เมื่อเดินขึ้นมาถึงห้องนอนของเพื่อนแล้วไอร์ก็วางกระเป๋าผ้าลงบนโซฟา ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงในท่าทีสบาย ๆ ส่วนเพื่อนรักก็ไปหยิบน้ำดื่มในตู้เย็นมาให้
“อ่ะดื่มน้ำเย็น ๆ จะได้สดจื้นนนนน” คนที่ยื่นน้ำให้ลากเสียงยาวพร้อมกับทำหน้าตลก ๆ ทว่าเพื่อนรักกลับมองหน้านิ่งไม่ได้ตลกตามเลยแม้แต่น้อย “ไม่ขำเหรอวะ?”
“ขำบ้าขำบอมึงสิ มุขจืด ๆ” ไอร์เบ้ปากใส่เพื่อน
“แล้วทำยังไงมึงถึงจะขำอ่ะ” ไม่ว่าเปล่าต๋องรีบเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ เพื่อนทันที
“ไม่รู้โว้ยรีบ ๆ ติวดีกว่ากูจะได้รีบกลับบ้าน เอาหนังสือมึงมา” ไอร์รีบตัดบทก่อนที่เพื่อนจะเล่นพิเรนทร์อีก
“ก่อนติวกูจะทำให้มึงขำให้ได้ ไม่งั้นก็ไม่มีการติวเกิดขึ้น” เจ้าของห้องไม่ยอมแพ้
“โอ้ยย! ไอ้ต๋องกูปวดกบาลกับมึงจริง ๆ จะติวไม่ติว” ไอร์ตบเข้าที่หน้าผากตัวเองสองสามครั้ง เพราะปวดเศียรเวียนเกล้ากับความรั้นของเพื่อน หากไม่ติดว่าเคยสัญญาไว้ เขาไม่มีทางยอมมาที่นี่แน่นอน มาหาที่บ้านทีไรต๋องก็อ้อนเอาแต่ใจอย่างกับเด็กทุกครั้ง
“ติวสิวะแต่กูขอทำให้มึงอารมณ์ดีขึ้นมาก่อนไง” ต๋องมองหน้าเพื่อนอย่างเจ้าเล่ห์ สองมือก็คว้าหมับเข้าที่เอวคอดแล้วเอานิ้วจิ้มทันที
“ฮ่า ๆ ไอ้เหี้ยต๋องปล่อยกูดิวะ มันจั๊กจี้ ฮ่า ๆ”
“ขำยากมากนักใช่ไหม นี่แหนะ ๆ”
ต๋องยังคงจี้ที่เอวของเพื่อนไม่ยอมหยุด จนไอร์ต้องดิ้นพล่านเพื่อหาทางให้หลุดพ้นจากมือหนานั่น ไม่นานนักเจ้าตัวก็ต้องนอนราบลงบนโซฟาโดยมีเพื่อนรักคร่อมตัวไว้ มือหนาไม่ยอมห่างจากเอวเลยแม้แต่น้อย พอรู้ตัวอีกทีใบหน้าทั้งสองก็เกือบจะสัมผัสกัน เป็นอีกครั้งที่ทั้งสองสบตากันโดยไม่ได้ตั้งใจ และเป็นอีกครั้งที่หัวใจของไอร์มันเต้นแรงมากกว่าปกติ
“พะ..พอแล้ว รีบติวเถอะเสียเวลานานแล้ว” ไอร์หลบตาแล้วรีบลุกขึ้นนั่งในท่าปกติก่อนที่ใจมันจะเต้นแรงมากกว่านี้
ส่วนต๋องก็ยอมฟังเพื่อนโดยง่าย อาจเป็นเพราะการจ้องตากันเมื่อสักครู่ ทำให้ความเขินอายมันเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“วันนี้มึงจะติววิชาอะไรให้กูวะ”
“เอาเคมีละกัน รีบ ๆ ไปหยิบหนังสือมาเลยให้ว่อง ๆ”
“เออ ๆ รอแป๊บมึงนี่เวลาดุยิ่งกว่าหมาอีกนะ”