บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 ป๋า

เมื่อนั่งรถมาถึงที่หมายแล้วทั้งสองก็เดินตรงมาที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทันที บรรยากาศช่วงเย็น ๆ มีผู้คนจำนวนมากมานั่งรับลมกันอย่างหนาตา ม้านั่งริมตลิ่งแทบไม่มีที่ว่าง ทั้งสองจึงยืนพิงราวกั้นแล้วชมทิวทัศน์สวย ๆ ของวัดอรุณราชวรารามหรือวัดแจ้งฝั่งตรงข้าม

“ทำไมมึงพากูมาที่นี่วะ” ไอร์หันไปมองหน้าเพื่อนที่ยังคงจ้องมองไปข้างหน้าอย่างสบายใจ

“มึงเป็นเพื่อนที่กูรักที่สุดในชีวิต กูถึงกล้าบอกกับมึงได้ทุกเรื่อง รู้หรือเปล่าวันนี้เมื่อหลายปีมาแล้ว พ่อกับแม่เคยพากูมานั่งเล่นที่นี่ วันนั้นกูมีความสุขมากที่สุดในชีวิต โดยไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นวันสุดท้ายที่พวกกูจะได้มาเที่ยวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน มึงยังคงไม่รู้ว่าที่จริงแล้วพ่อกับแม่กูมีครอบครัวใหม่ตั้งนานแล้ว แต่ที่อยู่ด้วยกันก็เพราะหน้าตาทางสังคมและเพื่อตัวกูด้วย” เจ้าของเสียงมีใบหน้าเศร้าสร้อยเมื่อนึกถึงครอบครัวที่แตกแยก บางครั้งก็รู้สึกเหมือนเป็นตัวถ่วงในชีวิตของพ่อกับแม่ เพราะหากไม่มีเขาสักคนทั้งสองคนก็คงใช้ชีวิตกับครอบครัวใหม่ได้อย่างเต็มที่

“อย่าทำหน้าเศร้าสิวะ มึงยังมีกูอยู่ข้าง ๆ ยิ้มสิวะยิ้ม” ไอร์เอื้อมมือไปจับที่มุมปากของเพื่อนยกขึ้น แล้วก็ยิ้มตาม

“ถ้าชีวิตกูไม่มีมึงอยู่ข้าง ๆ กูจะอยู่ได้รึเปล่าวะ” ต๋องหันมาถามเพื่อน

“อยู่ได้สิวะแต่มันจะไม่มีวันนั้น ทำไมมึงถึงคิดแบบนั้นล่ะ”

“ในอนาคตพวกเราก็ต้องมีชีวิตของใครของมัน มึงจะอยู่กับกูได้ตลอดไปจริง ๆ เหรอวะ” ต๋องถามเพื่อนด้วยความไม่แน่ใจ เขารู้สึกว่าไอร์คือส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว มันเกินคำว่าเพื่อนแต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่รู้ว่าขาดไอ้เพื่อนตัวดีคนนี้ไม่ได้

“กูไม่มีทางออกไปจากชีวิตมึง ยกเว้นว่ามึงจะเป็นคนบอกกูไปจากชีวิตมึงเอง” ไอร์ให้สัญญากับเพื่อน

“กูจะทำอย่างนั้นทำไมวะ ในเมื่อชีวิตกูขาดมึงไม่ได้ขนาดนี้ไอ้ไอร์”

“ถ้าถึงขนาดนั้นมึงมาเป็นเมียกูเลยไหมวะ ฮ่า ๆ” ไอร์พยายามสร้างบรรยากาศให้ดูสนุกสนานขึ้นมา

“มึงนั่นล่ะที่ต้องมาเป็นเมียกู ตัวแค่นี้กูจับกดได้สบาย ๆ อย่าทำเป็นเก่ง” ต๋องชี้หน้าเพื่อน

“อย่าทำเป็นเก่งไปไอ้ต๋องมึงเคยได้ยินจิ๋วแต่แจ๋วไหมวะ”

“เคยได้ยินแต่มันใช้ไม่ได้สำหรับมึงโว้ย” ต๋องยื่นหน้าหล่อเข้ามาใกล้ ๆ จนทั้งสองเผลอจ้องตากันอยู่ครู่หนึ่ง ต๋องค่อย ๆ โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ แต่ไอร์กลับตั้งสติได้ทัน ก่อนจะผละใบหน้าออกไปมองที่แม่น้ำเจ้าพระยาแทน

“วันนี้วิวฝั่งโน้นสวยจังมึงว่าไหม”

“อืม..สวยมากเอาไว้วันหลังกูจะพามึงมาอีกดีไหม” ต๋องเอ่ย

“ไม่เอา...กูต้องเป็นคนพามึงมาสิวะ วันนี้ในทุก ๆ ปีเดี๋ยวพ่อจะพาลูกมาเองนะครับคนดี” ไอร์ตบที่ท้ายทอยของเพื่อนเบา ๆ เชิงหยอก

“ได้ครับพ่อ ถุ๊ย! มึงชักจะมากเกินไปแล้วนะไอ้ไอร์” ต๋องเบิ๊ดกะโหลกเพื่อนคืนซะเต็มแรง จนศีรษะโน้มไปข้างหน้าตามแรงมือ

“เป็นลูกมาตบหัวพ่อได้ไงวะ ไอ้ลูกทรพี” ไอร์ทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บ

“เดี๋ยวกูจะเป็นลูกคนแรกในโลกที่เอาพ่อทำเมียลองไหมล่ะ” พูดจบก็เดินเข้ามาประชิดจนใบหน้าหล่อทั้งสองห่างกันแค่เพียงนิดเดียว

ไอร์ทำท่าอึกอักเพราะรู้สึกเขินอายอย่างบอกไม่ถูก

ไอ้เพื่อนเลวทำไมมึงชอบทำให้หัวใจกูสั่นอยู่เรื่อยเลยวะ...

“ทำไมมึงถึงชอบพูดว่าจะจับกูทำเมียบ่อยจังวะ กูยั่วสวาทมึงขนาดนั้นเลยเหรอไอ้ต๋อง” ไอร์ถามออกไปตรง ๆ

“ก็มึงยั่วเยกูไง”

“ตรงไหนวะ” เจ้าตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไรให้ไอ้เพื่อนตัวดีพิศวาสขนาดนั้น

“ทุกตรง! เวลากูพูดอย่างนี้แล้วหน้ามึงตลกอ่ะ ฮ่า ๆ”

“ตลกพ่องมึงดิ” ปากไวเท่าความคิด ไอร์รีบด่าเพื่อนกลับทันที

“เอ๊ะ! ไอ้นี่ด่าพ่อกูอีกแล้ว มึงโดนดีแน่” พูดแล้วก็เอานิ้วชี้ไปจิ้มที่เอวเพื่อน เพราะรู้ว่าไอ้เพื่อนตัวดีคนนี้มันบ้าจี้มากขนาดไหน

“ฮ่า ๆ โอ๊ย ๆ กูยอมแล้ว ขอโทษครับคุณชายต๋อง” หลังจากโดนรุกหนักไม่เลิก ไอร์ก็ยกมือไหว้เพื่อนปรก ๆ หากไม่ยอมศิโรราบมีหวังได้ขาดใจตายตรงนี้แน่นอน

“ถ้าขืนมึงยังปากดีอยู่อีกคราวนี้กูจัดมึงจริง ๆ แน่” ต๋องชี้หน้าเพื่อนทีเล่นทีจริง

“คร้าบ ผมจะไม่ทำผิดซ้ำสองแล้วครับเจ้านาย” ไอร์ก้มหัวให้รัว ๆ

“ดีมาก เชื่อป๋าแล้วทุกอย่างจะดีเอง มายืนใกล้ ๆ ป๋าดิ๊” เจ้าตัวกวักมือเรียก ไอร์เห็นอย่างนั้นก็เดินเข้าไปเอาใจเพื่อนโดยการยืนข้าง ๆ จนทั้งสองร่างแทบไม่มีช่องว่างระหว่างกัน

“มีอะไรครับป๋า” ไอร์เอียงศีรษะไปซบไหล่เพื่อนพยายามอ้อนเต็มที่

“อนาคตมึงอยากเป็นอะไรวะ” จู่ ๆ ต๋องก็ถามถึงอนาคตอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ไอร์ผงกศีรษะขึ้นแล้วมองหน้าเพื่อนทันที

“อนาคตหรอ...กูอยากเป็นหมอกูจะได้ดูแลแม่กูได้”

“เก่ง ๆ อย่างมึงจะเลือกเรียนอะไรก็ได้ทั้งนั้น”

“แล้วมึงล่ะอยากเป็นอะไร” ไอร์ถามกลับ

“พ่อกับแม่กูอยากให้เรียนบริหารแล้วมาช่วยกิจการที่บ้าน แต่กูคงไม่เอาด้วยเพราะกูอยากเป็นวิศวกร จะสาขาไหนก็ได้กูชอบ แต่ไม่รู้จะสอบติดรึเปล่าน่ะสิ กูเรียนไม่เก่งเหมือนมึงนี่นา”

“เหลือเวลาอีกตั้งหลายปีกูจะช่วยติวให้มึงเอง ขอแค่มึงตั้งใจซะอย่างความสำเร็จจะไปไหนเสียไอ้เพื่อนรัก” มือน้อย ๆ ยกขึ้นไปกอดคอเพื่อนรักเอาไว้อย่างเก้ ๆ กัง ๆ เพราะส่วนสูงที่ต่างกันมาก

“กูขอบใจมึงมากนะเว้ย แต่มึงช่วยเอามือลงจากคอกูได้ป่ะ” ต๋องหันมายิ้มให้เพื่อน

“ทำไมวะ” ไอร์มองหน้าเพื่อนแล้วกะพริบตาปริบ ๆ

“กูรำคาญน่ะสิ ตัวก็เตี้ยเสือกกระแดะอยากมากอดคอกู” ต๋องลดมือเพื่อนลงมาไว้ที่ข้างลำตัว ก่อนจะเอื้อมมือหนาไปกอดคอแทน “ต่อไปนี้กูจะเป็นคนกอดคอมึงเอง...เข้าใจ๊”

“คร้าบบคุณชายต๋อง”

“กลับกันเถอะเดี๋ยวแม่มึงจะรอนาน จริง ๆ แล้วกูไม่ได้โทรฯขออนุญาตท่านไว้หรอก ฮ่า ๆ” เมื่อหลอกเพื่อนออกมาได้แล้วต๋องก็บอกความจริงออกไป

“ไอ้เหี้ยต๋องมึงทำอย่างนี้ได้ไงวะ ไอ้เพื่อนเลวกูจะไม่เชื่ออะไรมึงอีกแล้ว” เมื่อรู้ว่าเพื่อนโกหกไอร์ก็หน้าบึ้งขึ้นมาทันที ก่อนจะเดินดุ่ม ๆ ออกมาจากตรงนั้นเพื่อขึ้นรถ

“โอ๋ ๆ อย่างอนนะครับคนดีของป๋า เดี๋ยวป๋าไปช่วยนะครับวันนี้”

“ป๋าแม่มึงดิกูอุตส่าห์ไว้ใจ” เจ้าตัวไม่ยอมอ่อนลง

“เค้าขอโทษน้า อย่าโกรธเค้าเลย ฮ่า ๆ ขึ้นรถเร็วเดี๋ยวแม่ก็ด่าเอาหรอก” ต๋องหยุดขำไม่ได้ก่อนจะดันตัวเพื่อนขึ้นรถไป

บางครั้งคำว่าเพื่อนมันอาจจะน้อยเกินไป หากในอนาคตใจของใครคนหนึ่งมันเปลี่ยนแปลง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel