ตอนที่ 1 เจ้าสาวจำเป็น
'ฮ่องกง' คือเมืองที่มีความศรีวิไลสำหรับใครหลายคน แต่สำหรับใครบางคนแล้วมันคือนรกดีๆนี่เอง เขาเป็นคนทำให้เมืองแห่งนี้กลายเป็นนรกสำหรับเธอ ผู้ชายที่เธอเตะตาตั้งแต่เจอกันครั้งแรก…แต่ทว่านิสัยของเขากลับสวนทางกับหน้าตา
เธอต้องทนอยู่ที่นี่..รอจนกว่าเขาจะปล่อยตัวพ่อของเธอไป
เรณุกา หรือ เรน เธอคือหญิงสาวชาวไทยที่จับพลัดจับผลู เข้ามาอยู่ในฮ่องกงด้วยเหตุบังเอิญโดยมีใครบางคนเป็นผู้กุมชะตาชีวิตของเธอเอาไว้
"งานแต่งจะเริ่มขึ้นแล้วนะคะคุณเรน ยิ้มหน่อยๆ เดี๋ยวไม่สวยน้าาา~"
"ค่ะ" เรณุกาพยายามฝืนยิ้มทั้งๆที่ในใจร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด การแต่งงานที่ไม่ได้เกิดจากความประสงค์ของเธอและเจ้าบ่าว ไม่อาจทําให้เธอฝืนยิ้มหน้าระรื่นได้
เธอคือเจ้าสาวจำเป็น เจ้าสาว…ที่จู่ๆก็ได้แต่งงานอย่างไม่ทันคาดคิด เพียงเพราะเจ้าสาวตัวจริงนั้นไม่อาจกลับมาแต่งงานได้ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ทั้งฝ่ายพ่อของเธอและฝ่ายของเจ้าบ่าวตกลงกันไว้แล้วและเจ้าสาวตัวจริงก็รับปากว่าจะกลับมาแต่งงาน แต่ทว่าเมื่อถึงวันจริงเจ้าสาวตัวจริงนั้นกลับไม่ได้มาตามนัด ข่าวการแต่งงานก็ถูกแพร่กระจายออกไปว่อนโลกโซเชียลจนไม่อาจทำให้การแต่งงานในครั้งนี้ยุติลงได้แม้จะไม่มีเจ้าสาวก็ตาม นั่นคือเหตุผลที่เรณุกาต้องเข้าพิธีวิวาห์แทนพี่สาวต่างสายเลือด
"คุณลลินานี่ก็เกินไป เล่นหายไปอย่างไร้ร่องรอยแบบนี้คนซวยคือใครถ้าไม่ใช่พ่อของตัวเอง!"
"อย่าโทษพี่ลีเลยนะคะ พี่ลีเขาคงมีธุระด่วน"
"จะด่วนหรือไม่ด่วนมันก็ไม่สำคัญหรอก เพราะลีเป็นคนตกลงแต่งงานกับเขาเองนะ แล้วค่าสินสอดก็ได้ไปแล้วด้วย แบบนี้ก็เท่ากับว่าชิงเงินเขาไปฟรีๆสิ"
"เรื่องนั้นเรนไม่รู้หรอกค่ะ" หญิงสาวปรายตามองไปยังกระจก สะท้อนภาพของหญิงสาวรายหนึ่ง เธออยู่ในชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์แบรนด์ดังจากประเทศฝรั่งเศส หากแต่ใบหน้าของเธอกลับเศร้าหมอง
"เรนยอมพี่สาวตลอดเลยหรอ"
"ก็พี่ลีทั้งสวยทั้งเก่ง แถมยังเป็นหัวหน้าครอบครัวด้วย เรนก็ต้องยอมค่ะ"
"เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ไม่ได้เรื่องเอาซะเลย ปล่อยให้น้องกับพ่อรับชะตากรรมอยู่เพียงฝ่ายเดียว แล้วนี่คุณเฟยเขาว่ายังไงบ้าง"
"โกรธค่ะ แถมยังจับพ่อเรนเป็นตัวประกันด้วย"
"ตายจริง!! แล้วแบบนี้จะทำยังไง"
"เรนต้องเข้าพิธีแต่งงานแทนพี่ลีก่อนค่ะเพื่อไม่เป็นการหักคุณเฟย อีกอย่างตอนนี้แขกก็มางานเยอะแล้ว ถ้างานล่มกลางคันคุณเฟยต้องตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งแน่ๆ"
"อดทนนะเรน" ช่างแต่งหน้ากอดปลอบหญิงสาวตัวเล็กด้วยความสงสาร การแต่งงานที่ไม่ได้เกิดจากความรักรู้ดีว่ามันอึดอัดแค่ไหน
'หลี่ หยางเฟย' คือชื่อของนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงของประเทศฮ่องกง เขามีธุรกิจมากมายหลายอย่าง ทั้งธุรกิจสีเทา คาสิโน รวมไปถึงกิจการนำเข้าและส่งออกรถหรู เขาแอบชอบลลินามานานแล้วตั้งแต่เห็นเธอครั้งแรกที่คาสิโนเพราะพ่อของเธอเป็นพนักงานแลกชิป ลลินาเองก็แอบมีใจให้หยางเฟยเหมือนกันเพราะเขาเพียบพร้อมทั้งการงาน หน้าตาและฐานะทางสังคม ซึ่งแตกต่างจากตัวของลลินาที่พ่อเป็นเพียงพนักงานในคาสิโนเท่านั้น แต่หยางเฟยกลับมองข้ามจุดนี้ไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามลลินาคือคนที่เขารัก ถ้ารักใครแล้วเขาจะมองข้ามสิ่งนั้นไป ทั้งคู่คบหากันมานานจนกระทั่งลลินาขอไปเรียนต่อที่อังกฤษเพราะอยากจะกลับมาสานต่อธุรกิจที่หยางเฟยเป็นคนทำและอยากให้ตนคู่ควรกับการเป็นว่าที่ภรรยาของนักธุรกิจแถวหน้าของประเทศฮ่องกง เมื่อเรียนจบลลินาสัญญาว่าจะแต่งงานกับหยางเฟยทันที
เขาเตรียมงานแต่งงานไว้หมดแล้ว รอแค่ลลินากลับมาแต่เธอควรบินกลับมาตั้งแต่เมื่อวาน จู่ๆก็ไม่มีใครติดต่อลลินาได้ซักคนนั่นทำให้หยางเฟยโกรธจนเลือดขึ้นหน้า คิดว่าครอบครัวของลลินารวมหัวกันหลอกเอาเงินค่าสินสอดของเขาไป ซึ่งเป็นจำนวนถึงหนึ่งร้อยล้านบาทและเงินทั้งหมดก็อยู่ในบัญชีของลลินา!!
"เชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวสวมแหวนแต่งงาน"
กึก!
หยางเฟยขบกรามแน่นก่อนคว้ามือของเรณุกาขึ้นมาบีบ เธอสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ยังปั้นหน้ายิ้มต่อ เพราะตอนนี้ช่างภาพกำลังรัวถ่ายรูปของคู่รักอยู่
ลูกสาวคนโตชิงหายไปกับเงินหนึ่งร้อยล้า แต่กลับแก้เกมส์ด้วยการเอาลูกสาวคนเล็กเข้ามาสวมพิธีวิวาห์แทน คิดว่าเขาโง่นักใช่ไหม อยากเอาลูกสาวอีกคนล้างน้ำใส่ตะกร้าเรียกค่าตัวเพิ่มอีกล่ะสิท่า แต่คนอย่างเขาเสียค่าโง่แค่ครั้งเดียวเท่านั้นเพราะหลังจากนี้ครอบครัวของลลินาจะเผชิญหน้ากับคำว่า 'นรก!!'
"สาแก่ใจเธอหรือยัง"
"ปะ..เปล่านะคะ เรนกับพ่อ..."
"หุบ!ปากของเธอเดี๋ยวนี้" เขาเค้นน้ำเสียงลอดไรฟัน "อยากได้เงินเพิ่มสินะ แต่เสียใจด้วยเพราะหลังจากนี้ฉันไม่มีเงินให้ มีให้แค่..น้ำตา!!"
เรณุกาไม่ตอบโต้อะไร เธอเม้มปากจนเป็นเส้นตรงแล้วหันไปส่งยิ้มให้กล้องหลังจากสวมแหวนแต่งงานเสร็จ ต่อจากนี้ชีวิตของเธอและพ่อถูกกำหนดด้วยหยางเฟยจนกว่าจะเจอตัวลลินา!
"ขอให้คุณทั้งสองซื่อสัตย์ต่อกันและกันทั้งในยามทุกข์และยามสุข เจ็บไข้หรือสบายดี รักและให้เกียรติกันไปตลอดชั่วชีวิต"
เฮ้ๆๆๆๆ~
วู้ววววว!!
แช้ะ! แช้ะ! แช้ะ!
"ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าเรือนหอ!"