7 เนื้อคู่ยังไม่เกิด
หลังจากใช้ทุนที่โรงพยาบาลรัฐบาลในต่างจังหวัดครบ 3 ปีแล้วธีรกานต์ก็ตัดสินใจเรียนต่อทางด้านอายุรกรรมโดยใช้ทุนส่วนตัวเพราะครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่เขาจึงต้องมาช่วยงานของครอบครัว แต่ชายหนุ่มก็รับผิดชอบในส่วนของการตรวจรักษาผู้ป่วยและการบริหารทางการแพทย์เท่านั้น ส่วนการบริหารงานด้านอื่นๆ ธีรกานต์ยกให้เป็นหน้าที่ของน้องชาย
“พี่กานต์ว่าหมอออกตรวจน้อยไปหน่อยไหม” พีรกันต์เข้ามาปรึกษาพี่ชายระหว่างพักกลางวันเพราะวันจันทร์ที่ผ่านมาฝ่ายบริการแจ้งว่ามีการร้องเรียนถึงเรื่องที่ปล่อยให้ผู้ป่วยรอนาน
“พี่ก็กำลังคิดอยู่ว่าจะหาหมอมาเด็กและหมอสูติฯ มาเพิ่มแผนกละคน”
“หมอนิวก็เป็นหมอเด็กนะ พี่ลองชวนเธอมาสิได้คนกันเองมาทำงานก็น่าจะดี” พีรกันต์หมายถึงหมอณิชาภัทรซึ่งเรียนจบเฉพาะทางกุมารแพทย์และยังเป็นเพื่อนของพี่ชายตนเองอีกด้วย
“พี่อยากได้หมอปิญชาน์กับหมอไอรดามากกว่านะ จ้างทั้งคู่มาทำพาร์ทไทม์เสาร์กับอาทิตย์”
“พี่กานต์ไม่อยากเจอหมอนิวเหรอ” พีรกันต์รู้ว่าพี่ชายกับคุณหมอณิชาภัทรนั้นเคยคบกันมาก่อนจึงถามเพราะคิดว่าพี่ชายลำบากใจที่จะต้องกลับมาเจอหน้ากัน
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกพี่ก็แค่อยากได้หมอสูติกับหมอเด็กที่ทำงานเข้าขากันดี” เพราะหมอปิญชาน์กับหมอไอรดานั้นเป็นสามีภรรยากัน (จากเรื่องพ่ายรักแม่หม้ายป้ายแดง)
“ผมก็นึกว่าพี่กลัวถ่านไฟเก่าจะคุ” เขามองพี่ชายแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“ระหว่างพี่กับนิวมันไม่เหลือแม้แต่เถ้าถ่านแล้ว เราสองคนเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกัน” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่จริงจังเพราะตนเองไม่คิดจะกลับไปคบกับเธอจริง
“หมอนิวไม่ดีตรงไหนเหรอ” พีรกันต์ถามในสิ่งที่ตนเองสงสัยมานาน เขามองว่าพี่ชายคนเองกับหมอณิชาภัทรนั้นเหมาะสมกันมากทั้งหน้าตาและอาชีพ
“นิวเป็นคนนิสัยดีน่ารักใครอยู่ใกล้ก็หลงรักทั้งนั้นแหละแต่พี่คิดว่าเธอยังไม่ใช่สำหรับพี่” ธีรกานต์รู้สึกว่าหญิงสาวนั้นดีทุกอย่างแต่เขาไม่ต้องการคนดี เขาแค่ต้องการคนที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกดี
“เพอร์เฟกต์ขนาดนั้นยังไม่ใช่อีกเหรอ ผมอยากรู้จังว่าแบบไหนที่ใช่สำหรับพี่”
“นายเอาแต่ถามพี่แล้วนายล่ะ เมื่อไหร่จะมีแฟน” เขาถามกลับเพราะน้องชายของตนนั้นควงผู้หญิงไปทั่วจนมารดากลุ้มเพราะกลัวจะได้สะใภ้ไม่ถูกใจ
“ผมกำลังจีบอยู่”
“อย่างนายต้องจีบด้วยเหรอ พี่เห็นแต่สาวๆ เข้ามาจีบ”
“คนนี้ผมจีบเขาก่อน นี่ก็สองเดือนแล้วยังไม่ยอมใจอ่อน” เวลาสองเดือนสำหรับพีรกันต์ซีอีโอหนุ่มนั้นถือว่านานมากเพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยจีบใครนานขนาดนี้มาก่อน ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เขาเจอก็มักจะเป็นฝ่ายเข้าหาเสียมากกว่า
“ดูนายจริงจังมากนะ”
“คนนี้ผมจริงจังมาก แม่ของลูกเลยล่ะพี่กานต์”
“พี่ชักอยากเห็นหน้าแล้วสิ เธอคงสวยมากสินะถึงทำให้นายรอได้นานขนาดนี้”
“สวยสิ สวยมากด้วย” เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปให้พี่ชายดู
“สวยมากจริงๆ ด้วยเธอทำงานที่โรงพยาบาลของเราเหรอ” ธีรกานต์ถามเพราะเห็นว่าหญิงสาวนั้นสวมชุดพยาบาล
“เปล่าเธอทำที่โรงพยาบาลรัฐ”
“ทำไมไม่ชวนเธอมาทำงานที่โรงพยาบาลของเราล่ะ”
“พี่คิดว่าผมไม่ชวนเหรอ ผมพยายามชวนแล้วแต่เธอก็ปฏิเสธ”
“ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจดีนะกล้าปฏิเสธนาย”
“ขนาดพี่ยังไม่เคยเจอพี่ยังบอกว่าเธอน่าสนใจถ้าพี่ได้เจอพี่ได้คุยรับรองเลยว่าพี่จะต้องรู้สึกดีกับเธอ”
“ถ้างั้นก็พาเธอมาเจอพี่สิ”
“ผมกำลังหาโอกาสอยู่ ว่าแต่พี่เถอะเมื่อไหร่จะหาแฟนสักทีล่ะ ผมอยากจะอุ้มหลานแย่แล้ว”
“ไม่ต้องมารออุ้มลูกฉันนายได้นั่นแหละรีบจีบเธอให้ติด”
“ผมก็พยายามอยู่”
“ถ้านายแต่งงานไปสักคนแม่ก็คงได้อุ้มหลานสมใจ”
“พี่อายุมากกว่าผมนะ เมื่อไหร่จะมีแฟนสักทีล่ะหรือว่าพี่รอใครหรือรออะไรอยู่ทำไมถึงไม่มองใครเลย” คำถามของน้องชายทำให้ธีรกานต์ฉุกคิดว่าเพราะอะไรตัวเองถึงยังไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนหรือคบผู้หญิงคนไหนได้นานเลยสักครั้งแต่เขาก็นึกไม่ออกว่าเหตุผลนั้นมันคืออะไร
“เนื้อคู่ของฉันอาจจะยังไม่เกิดมั้ง”
“บางทีเธออาจจะเกิดแล้วนะแต่ยังไม่เจอก็ได้หรือบางทีอาจจะเจอแล้วแต่ไม่รู้ตัว”
“ช่างมันเถอะพี่ว่าเป็นโสดแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ”
“แต่ก่อนผมก็ชอบนะได้ควงสาวไปเรื่อยๆ แต่พอผมเจอกับเนยความคิดผมก็เปลี่ยนไป ผมอยากสร้างครอบครัวกับเธออยากตื่นมาเจอเธอทุกวัน” เมื่อพูดถึงหญิงสาวที่ตนเองชอบเขาก็ยิ้มกว้าง
เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของน้องชายธีรกานต์ก็รู้สึกยินดีไปกับเขาด้วย แต่สำหรับตนเองนั้นยังไม่เคยมีใครที่ทำให้ตนเองยิ้มกว้างแบบนั้นมาก่อนนอกจากเอวาริณเด็กสาวข้างบ้าน
“ตกลงพี่จะลองตามหมอปิญชาน์กับหมอไอรดาดูก่อนนะ”
“ครับพี่”
“เรื่องหมอพี่ว่าเราค่อยๆ ปรับไป แต่เรื่องพยาบาลพี่ว่าควรจะรับเพิ่มอีกสักหน่อย คนไข้เราเยอะขึ้นเรื่อยๆ”
“ผมแล้วแต่พี่เลยครับ”
“อย่าลืมถามคนของนายนะว่าอยากมาทำงานกับเราไหมถ้าไม่อยากลาออกจากโรงพยาบาลรัฐบาลจะมาแค่พาร์ทไทม์ก็ได้นะ”
“ผมจะลองถามดูครับ พี่กินข้าวหรือยังลงไปหาอะไรกินด้วยกันไหม” เขาดีใจที่วันนี้จะมีเรื่องไปคุยกับรัญรวีเพราะถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับงานหญิงสาวจะคุยกับเขาได้นานกว่าเรื่องอื่น
“ไม่ล่ะ เดี๋ยวพี่สั่งมากินในห้องเอง”
“งั้นผมไปก่อนนะ เย็นนี้คงไม่กลับกินข้าวที่บ้านฝากพี่บอกแม่ให้ด้วยนะ”
พอน้องชายออกจากห้องตรวจไปแล้วธีรกานต์ก็โทรสั่งอาหารมาทานระหว่างรอก็นั่งทำงานไปด้วย เขาเปิดอีเมลเพื่อเช็กเรื่องงานและตอบจนครบทุกฉบับยกเว้นก็แต่อีเมลของเอวาริณที่เปิดอ่านและไม่ได้ตอบเพราะไม่อยากให้ความหวังกับเด็กสาว
ธีรกานต์คิดว่าการทำแบบนี้จะทำให้เอวาริณค่อยๆ ลืมตนเองไปทีละนิดเขาไม่อยากให้เธอเสียเวลาอยู่กับเรื่องในอดีตเพราะความเป็นไปได้ที่จะกลับมาเจอกันมันน้อยมากในเมื่อครอบครัวของเธอย้ายไปอยู่ที่อังกฤษอย่างถาวรแล้วอีกอย่างในสายตาของเขาเอวาริณก็เป็นแค่น้องสาวเพียงคนหนึ่งเท่านั้น
แม้ว่าตอนนี้อายุของตนเองจะมากแล้วแต่ธีรกานต์ก็ยังไม่คิดมีครอบครัวเพราะชอบการใช้ชีวิตแบบอิสระและงานของเขามันก็มากจนคิดว่าถ้ามีครอบครัวคงมีปัญหาตามมาแน่ๆ