บท
ตั้งค่า

12 ก็แค่ห่วง

ธีรกานต์เก็บเอาเรื่องที่คุยกับน้องชายมาคิดแล้วก็ทำให้ตนเองนั้นเครียดมากกว่าเดิมไปอีกเพราะดูเหมือนว่าพีรกันต์กำลังสนใจเอวาริณอยู่ไม่น้อยทั้งที่เพิ่งจะบอกกับเขาไปว่ากำลังจีบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่

เขารู้สึกเป็นห่วงเอวาริณเพราะกลัวจะตามความเจ้าชู้ของน้องชายไม่ทันและในฐานะพี่ชายที่แสนดีธีรกานต์จึงคิดจะปกป้องเอวาริณจากพีรกันต์

เช้าวันใหม่ในห้องอาหารของบ้านหลังใหญ่มีสมาชิกเพิ่มมาอีกคนหนึ่งซึ่งตอนนี้กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ธีรกานต์ได้ยินเสียงหัวเราะที่สดใสตั้งแต่ยังเดินมาไม่ถึง

“มอร์นิ่งค่ะพี่กานต์” เอวาริณกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มที่สดใสทำให้คนมองยืมตามโดยไม่รู้ตัว

“วันนี้นายกันต์ตื่นมากินข้าวกับเขาด้วยเหรอเนี่ย” เขาแก้เขินด้วยการหันไปคุยกับน้องชาย

“ก็ผมนัดเอวาไว้”

“วันนี้จะพาน้องไปเที่ยวไหนล่ะกันต์” เอกวิทย์ผู้เป็นบิดาถามลูกชาย

“ไม่ได้ไปเที่ยวไหนหรอกครับพ่อแค่จะพาเอวาไปเดินซื้อของใช้แล้วก็พวกเสื้อผ้า”

“ถ้าพี่กันต์งานยุ่งเอวาไปคนเดียวก็ได้นะคะ” เอวาริณบอกด้วยความเกรงใจ ถึงจะไม่ได้กลับมาเมืองไทยหลายปีแต่ก็พอรู้ว่าร้านอะไรอยู่ตรงไหน

“งานยุ่งยังไงพี่ก็แบ่งเวลาได้ เอวาเพิ่งกลับมาอาจจะไม่ค่อยคุ้นกับสถานที่เท่าไหร่”

“ไปเป็นเพื่อนน้องก็ดีเหมือนกันแม่จะได้ไม่ห่วงมาก”

“สบายใจได้ครับแม่ผมจะดูแลเอวาอย่างดี”

“กันต์อย่าลืมพาน้องไปดูรถด้วยนะอาแก้วฝากบอกมา”

“ได้ครับแม่ ผมว่าวันนี้จะซื้อของให้ครบก่อนพรุ่งนี้เราค่อยไปดูรถดีไหมเอวา”

“พี่กันต์ต้องขาดงานสองวันเลยนะคะ เอวาว่าเราไปวันนี้ก็ได้”

“ดูรถมันต้องใช้เวลา ส่วนเรื่องงานไม่น่ามีปัญหาเพราะถ้ามีเรื่องด่วนพี่กานต์ก็อยู่ที่โรงพยาบาล ผมฝากด้วยนะพี่” พีรกันต์หันมาบอกพี่ชายที่นั่งทานอาหารอย่างเงียบๆ

“อือ” ชายหนุ่มรับปากน้องชายแม้ว่าจะรู้สึกขัดใจที่เห็นว่าเขาทิ้งงานเพื่อนพาเอวาริณไปทำธุระและมันทำให้เขาเห็นว่าตอนนี้น้องชายของตนนั้นกำลังเดินหน้าจีบเอวาริณอย่างจริงจังซึ่งเขาจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปไม่ได้แต่จะห้ามต่อหน้ามารดาก็กลัวว่าน้องชายจะยิ่งต่อต้าน

“กานต์รีบไปทำงานไหมลูก”

“ไม่ครับ วันนี้ผมไม่ต้องราวน์คนไข้มีแค่ออกตรวจโอพีดี”

“งั้นกินข้าวเสร็จแล้วแม่ขอคุยด้วยหน่อยนะ”

“ผมต้องอยู่ด้วยไหมครับแม่”

“ไม่ต้องจ้ะ แม่จะคุยกับพี่กานต์นิดหน่อย กันต์พาเอวาไปซื้อของเถอะ”

“เช้าแบบนี้ห้างยังไม่เปิดเลยนะแม่ ผมว่ารอสักสิบโมงค่อยไปดีกว่า”

“เอวาขอไปรอที่บ้านนะคะ จะได้ดูด้วยว่าต้องซื้ออะไรเพิ่ม”

“ได้สิ สิบโมงพี่ไปรับที่หน้าบ้านเลยนะ”

“ได้ค่ะ”

ทุกคนแยกย้ายกันหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ คุณเอกวิทย์เข้าห้องทำงานของตนเอง พีรกันต์กลับไปยังห้องนอนส่วนธีรกานต์นั้นเดินตามมารดามายังห้องนั่งเล่น

“เรื่องสำคัญเหรอครับแม่”

“สำคัญสิ”

“ว่ามาเลยครับผมพร้อมฟังแล้ว”

“กานต์ว่าเอวาเป็นยังไงบ้าง”

“ก็ดีครับ”

“ดีพอจะมาเป็นสะใภ้ของแม่ได้ไหม”

“แม่หมายความว่ายังไงครับ”

“แม่อยากได้เอวามาเป็นลูกสะใภ้ เท่าที่ดูหนูเอวากับน้องชายของเราก็เข้ากันได้ดีเรื่องนี้แม่คุยนี้กับอาแก้วและสามีแล้วเขาก็ไม่ว่าอะไร”

“แล้วเจ้าตัวล่ะครับผมหมายถึงเอวาจะยอมให้คลุมถุงชนเหรอครับ”

“มันไม่ใช่การคลุมถุงชนหรอก มันก็แค่เป็นการเปิดโอกาสให้ทั้งสองคนทำความรู้จักกันมากขึ้นที่แม่บอกกานต์ก็เพราะช่วงนี้กานต์อาจจะต้องทำงานแทนน้องบ้าง”

“เรื่องนี้นายกันต์เห็นด้วยเหรอครับ”

“แม่ยังไม่ได้บอกน้องเลย แต่เท่าที่ดูก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรนะ สองคนนั้นเขาติดต่อกันมาตลอดยิ่งได้กลับมาใกล้ชิดกันแบบนี้ความเป็นไปได้ก็มากขึ้น"

“แต่ถ้าสองคนนั้นไม่คบกันแม่ก็จะไม่บังคับใช่ไหม”

“ไม่หรอกกานต์ที่แม่บอกลูกก็เพราะอยากลูกช่วยแม่เชียร์สองคนนั้นอีกแรง แม่กลัวว่าพอเอวาเริ่มไปทำงานเธอจะมีคนเข้ามาจีบเยอะขึ้น หมอโรงพยาบาลของเราก็เป็นโสดกันหลายคนถ้าได้กานต์ช่วยกันท่าก็คงจะดีไม่น้อย”

“ผมจะช่วยให้แม่ได้เอวามาเป็นลูกสะใภ้อย่างเต็มที่แล้วกันนะครับ” เขาตกปากรับคำแต่ไม่ได้บอกมารดาว่าเอวาริณจะได้เป็นสะใภ้ใหญ่หรือสะใภ้เล็ก

ในเมื่อมารดาของตนคุยกับครอบครัวของเธอแล้วมันก็ไม่ผิดเท่าไหร่ถ้าเขาจะจีบเธอบ้าง เปลี่ยนจากสะใภ้เล็กมาเป็นสะใภ้ใหญ่มันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร

“ขอบใจมากนะลูก”

“ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับแม่”

“เย็นนี้จะกลับมากินข้าวกับแม่ไหม”

“ไม่ครับผมว่าจะออกไปดื่มกับเพื่อนสักหน่อยว่าจะเลยไปค้างที่คอนโดเลย”

“ดูแลตัวเองด้วยนะลูกถ้าเมามากก็อย่าขับรถเอง”

“ครับแม่”

ธีรกานต์ขับรถออกจากบ้านและมองไปยังบ้านของเอวาริณที่ตอนนี้ประตูรั้วเปิดแง้มอยู่ ชายหนุ่มจึงจอดรถและเดินเข้าไปในบริเวณบ้าน

“เอวา” เขาตะโกนเรียกเมื่อเข้ามาถึงห้องรับแขกแล้วไม่เห็นเจ้าของบ้าน

“ใครคะ” เสียงหวานตะโกนกลับมาจากบริเวณชั้นสอง

“พี่เอง”

“พี่กานต์มีธุระอะไรกับเอวาหรือเปล่าถึงได้มาหา”

“เปล่าหรอก พี่ขับรถผ่านแล้วเห็นว่าเอวาไม่ปิดประตูรั้ว”

“เดี๋ยวเอวาก็ต้องออกไปแล้วก็เลยขี้เกียจปิด”

“คราวหลังอย่าเปิดทิ้งไว้แบบนี้อีกนะมันอันตราย”

“อันตรายที่ไหนแถวนี้ก็คนรู้จักกันทั้งนั้น”

“มันก็ใช่ว่าคนรู้จักแต่ถ้าคนอื่นเขาผ่านไปผ่านมาเห็นเข้าล่ะ อย่าลืมนะว่าเราโตเป็นสาวแล้วและอยู่บ้านคนเดียว”

“เป็นห่วงเหรอคะ”

“อือ”

“ถ้าเป็นห่วงจริงก็คงไม่หายไปนานหรอกค่ะ” หญิงสาวพูดด้วยอารมณ์น้อยใจจะพยายามคิดว่าที่เขาไม่ติดต่อเพราะเรียนและทำงานอย่างหนักแต่มันก็อดน้อยใจไม่ได้อยู่ดี เพราะตลอดเวลาตนเองนั้นพยายามติดต่อเขาตลอด

“พี่ขอโทษ”

“ใครอยากจะฟังคำขอโทษของพี่”

“แล้วจะให้พี่ทำยังไงเราถึงจะกลับมาสนิทกันเหมือนเดิม แต่ก่อนเอวาสนิทกับพี่มากกว่านายกันต์อีกนะ”

“ก็เพราะตลอดเวลาที่เอวาไปอยู่กับแม่พี่กันต์เขาเสมอต้นเสมอปลาย เขาติดต่อเอวาอยู่ตลอดบางครั้งเอวามีปัญหากับเพื่อนพี่กันต์เขาก็คอยให้คำปรึกษา”

“เราคงไม่คิดอะไรกับน้องชายของพี่ใช่ไหม”

“ถ้าเอวาคิดล่ะคะ”

“พี่ขอเตือนเอวาไว้เลยนะว่าน้องชายของพี่มันเจ้าชู้มาก ถ้าไม่อยากผิดหวังก็อย่ายุ่งจะดีกว่า”

“เอวาโตแล้วพอจะมองคนออกค่ะ ว่าใครเป็นยังไงพี่กานต์ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ”

“ถึงเราจะโตแค่ไหนพี่ก็ยังห่วงเราอยู่ดี”

“ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง เอวาจะลองเก็บไปคิดดูนะคะ”

“พี่ไปทำงานก่อนนะ”

“พี่กานต์คะ”

“ว่าไง”

“เรื่องที่เอวาเคยถามไว้พี่กานต์ลืมไปแล้วใช่ไหมคะ”

“เรื่องอะไรล่ะ” ธีรกานต์แกล้งทำเป็นจำไม่ได้เพราะอยากจะฟังคำขอของเธออีกครั้งแล้วเขาจะตอบตกลงทันที

“มันไม่สำคัญอะไรหรอกค่ะ ถ้าพี่จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เอวาขอตัวไปจัดห้องต่อนะคะฝากพี่กานต์ปิดประตูรั้วให้ด้วยนะคะขอบคุณค่ะ”

“เดี๋ยวสิเอวา พี่ว่าเราต้องคุยกันก่อนนะ”

“อย่าเสียเวลาเลยค่ะพี่ต้องรีบไปตรวจคนไข้นะคะ” พูดจบหญิงสาวก็เดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ทิ้งให้ธีรกานต์มองตามตาละห้อย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel