เรื่องลับ ๆ ที่น่าสงสัย
"ลงไป" เสียงเข้มสั่งการ เมื่อใกล้ถึงบริษัทในยามเช้าของวันทำงาน
"......" น้ำอุ่นปลดเข็มขลัดนิรภัย โดยไม่โต้ตอบเขากลับ แล้วเปิดประตูลงจากรถด้วยสีหน้าเรียบตึง
"ตอนเย็นกลับเองด้วยนะ เพราะฉันมีนัดและอาจจะกลับดึก แล้วก็ไม่ต้องรอง่วงก็นอนเลย พรุ่งนี้เธอต้องเดินทางไปคุยงานกับฉันที่ประจวบ" เพียงเธอเอี้ยวตัวหันหลังหวังลงจากรถ ประโยคบอกเล่าก็ดังเข้ามาทันที นัดหมายที่รู้ดีว่ามันเป็นแนวไหน คนที่มีใจย่อมรู้และเข้าใจความหมายมันดี
"ค่ะ" เธอตอบรับแล้วลงจากรถทันที ยืนนิ่งมองตามหลังรถของเขาตรงไปยังที่ตามท้องถนน ก่อนที่เธอจะถอนหายใจแรง แล้วยืนรอรถแท็กซี่เพื่อเข้าบริษัท
//////////
"อุ๊ย! นี่กูเข้าห้องทำงานผิดเหรอวะ" ไฟที่เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของตัวเอง ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นพ่อเจนั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่งในยามเช้า
"หึ ... ไม่ผิดหรอกเพื่อนรัก นี่ห้องทำงานของคุณมึงนั่นแหละ" พ่อเจเอ่ยท้วงขึ้นด้วยรอยยิ้มมุมปากและสายตาร้าย ๆ จ้องมองหน้าเพื่อนรักที่ขยับเท้าเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะนั่งลงตรงข้าม
"กูเริ่มกลัวคำว่าเพื่อนรักของมึงเจ" ไฟเอ่ยขึ้นพร้อมวางกระเป๋าเอกสารบนโต๊ะ
"กลัวทำไมวะ แค่คำว่าเพื่อน...รัก!" พ่อเจยังคงฝช้วาจาพูดแหย่ และที่มาดักรอวันนี้ก็แค่อยากพิสูจน์อะไรบางอย่างที่เพื่อนรักเก็บซ่อนเรื่องลับ ๆ เอาไว้
"มึงไม่ปกติ?" ไฟย้อนถาม
"แสนรู้จังนะมึง..." พ่อเจตอบกลับทันควันอย่างยียวน
"กูไม่ใช่หมาไอ้เจ"
"กูก็ไม่ได้บอกว่ามึงเป็นหมาสักหน่อยไอ้ไฟ"
"มีเรื่องอะไรกับกูก็ว่ามา" ไฟตัดบทและเอ่ยถามถึงจุดประสงค์ของการมาในยามเช้าแบบนี้
"ไม่มี" พ่อเจตอบ
"อ้าว~~ไอ้นี่กวนแต่เช้า" ไฟสวนขึ้นเริ่มไม่สบอารมณ์เมื่อพ่อเจนั้นเอาแต่เย้าแหย่
"ฮ่าฮ่า กูล้อเล่นแค่จะมาเตือนว่าพรุ่งนี้มึงอย่าลืมที่นัดคุยงานกับลูกค้าที่ประจวบด้วยนะ เรื่องที่พักและการรับจองกูให้แจงจัดการเรียบร้อยแล้ว"
"แค่เนี้ย!...เห็นกูขี้ลืมขนาดนั้นเชียว"
"แค่อยากมาย้ำเฉย ๆ ทั้งที่มึงก็ไม่เคยทำให้เสียงานหรอก แต่ตอนนี้ก็ไม่แน่! เพราะมึงคงยุ่งกับเรื่องลับ ๆ ที่เก็บซ่อนไว้อยู่"
"อะไรของมึงเจ เรื่องลับ ๆ อะไรของมึง"
"เปล๊า!!...กูไปทำงานดีกว่า"
ไฟที่เห็นท่าทางของพ่อเจนั้นมีลับลมคมใน สิ่งที่แอบซ่อนไว้เรื่องราวของคนใกล้ตัวที่ไม่มีใครรู้ คำพูดของเพื่อนสนิททำให้เขานั้นกังวล
"อ่อ..." พ่อเจที่เดินเลยไปหันกลับมาประจันหน้ากับเพื่อนสนิทอีกครั้ง
"...อะไร?"
"บางอย่างหากมันตรงกับใจก็ไม่จำเป็นต้องร้าย แต่ถ้ายังไม่อยากมีสิ่งรั้งมัดไว้ก็รีบปลดปมนั้นออกไป ก่อนที่มึงจะเป็นฝ่ายทรมานเสียเอง" พ่อเจพูดทิ้งท้ายก่อนจะเอี้ยวตัวแล้วเดินจากมา
...ห้องทำงานที่เงียบสงบ ทำให้คนที่อยู่เพียงลำพังนั้นได้หวนคิดในคำพูดของเพื่อนสนิท คำพูดที่เพื่อนบอกกล่าวแม้จะบอกโดยอ้อม แต่เขาก็พอจะเดาออกได้เพราะรู้ใจกันดี เรื่องราวที่เขามีลับหลัง แม้ปากไม่ได้พลาดพลั้งบอกออกไป เพื่อนคนนี้ก็คงคาดเดาได้ เอ๊ะ!! หรือว่าเขาได้ยินอะไรมา
"น้ำอุ่น!" เมื่อนึกทวนจนวนมาถึงสิ่งที่คาดถึงความเป็นไปได้ จึงสบถเรียกชื่อเธอออกมาพร้อมแววตาที่ค่อนไปทางเกรี้ยวโกรธ
"คะ?" บรรจบเหมาะกับจังหวะเดียวกันที่น้ำอุ่นเปิดเข้ามา พร้อมเอกสารในมือตามหน้าที่งานของเธอต้องรับผิดชอบ
"เธอ! เธอใช่ไหมที่แล่นไปเล่าเรื่องราวที่ฉันสั่งห้ามให้ใครฟัง"
"อ๊ะ โอ๊ย!! หนูเปล่านะคะ"
ไฟที่คิดโดยไม่ตรองปรี่ประชิดตัวแล้วบีบต้นแขนของเธอเต็มแรง ความเจ็บจนน้ำอุ่นต้องนิ่วหน้างอ และบอกปฏิเสธข้อครหานั้นด้วยสัตย์จริง
"ถ้าไม่ใช่เธอแล้วมันจะเป็นใคร เพราะเรื่องนี้ไม่มีใครรู้!" ไฟขบฟันแน่นพูดออกมาอย่างเคืองโกรธ จ้องหน้าเธอไม่วางตาข่มขู่
"หนูไม่เคย ฮึก อึก บอกใครจริง ๆ ค่ะ ...คุณไฟ ฮึก ๆ หนูเจ็บ" น้ำอุ่นเจ็บปวดต้นแขนที่เขาออกแรงบีบเต็มแรง จนน้ำตาไหลสะอึกสะอื้นสั่นกลัวชายตรงหน้า
"ถ้าฉันจับได้เห็นดีแน่!"
"อึก ฮึก หนูไม่พูดหรอกค่ะ หนูรู้ดี" น้ำอุ่นตอบกลับด้วยม่านน้ำตาแห่งความกลัวและเสียใจ จนเขาปล่อยเธอให้เป็นอิสระด้วยการสะบัดแรงจนเธอนั้นเซถลาเกือบล้ม
"ก็ดี!"
-----
"อาไฟคะ"
เสียงเรียกแหลมดังพร้อมกับร่างกายสมส่วนของหลานสาวคนโตที่เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานแบบพรวดพราด จนชายหญิงทั้งสองนั้นรีบดีดตัวออกจากกัน น้ำอุ่นรีบเช็ดน้ำตาแบบลวก ๆ แล้วก้มหน้าหลบสายตาของไอติมที่กำลังมองคนทั้งสองด้วยความสงสัย
"ว่าไงคะไอติม"
ผู้เป็นอาฉีกยิ้มอ่อนแล้วเอ่ยถามหลานสาวออกไป ปั้นหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้า เหรียญอีกด้านที่ไม่เคยแสดงให้คนรอบข้างได้เห็น สิ่งที่เป็นในด้านลบที่เก็บไว้ไม่ค่อยใช้กับคนใกล้ตัว
"น้ำอุ่น ตาแดงเชียว เป็นอะไรอ่ะร้องไห้เหรอ?"
"เปล่าค่ะพี่ไอติม อุ่นแค่ฝุ่นเข้าตาเฉย ๆ ขยี้แรงไปหน่อยมันเลยแดง..."
ไอติมไม่ได้สนใจในสิ่งที่ผู้เป็นอาถาม เมื่อเธอนั้นมองเห็นเพื่อนรุ่นน้องที่น่าสนใจกว่า ท่าทางที่เป็นน่าห่วงเป็นใยจนไอติมต้องเอ่ยถามออกไป
"แน่ใจนะ?...น้ำอุ่น" ไอติมถามย้ำออกไปพร้อมกับเอื้อมมือจับไหล่น้ำอุ่นแสดงถึงความห่วงใย
"...(การกระทำและคำพูดสองมาตรฐาน ที่กับเราดุเอา ดุเอา ไม่คิดจะเข้าใจอะไรสักนิด)...แน่ใจค่ะ อุ่นขอตัวก่อนนะคะ" คนที่ถูกจ้องมองด้วยแววตากร้าว กล่าวพร่ำในใจเพียงลำพัง สื่อสายตามองไปยังชายที่ยืนมองไม่กะพริบตา ก่อนจะเอ่ยบอกออกไปพร้อมกับเดินเลี่ยงตรงไปยังประตูจนลับสายตาที่ดุร้ายของเขา
"อาไฟคะ? แน่ใจนะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น" ไอติมที่มองตามหลังน้ำอุ่น เมื่อพ้นสายตาจึงเอ่ยถามผู้เป็นอาอีกครั้งอย่างไม่คิดเชื่อในสิ่งที่เธอนั้นให้คำตอบด้วยท่าทางพิรุธ
"ทำไมหนูถามอาแบบนั้น" ผู้เป็นอาย้อนถามหลานสาว หลบเลี่ยงสายตาคมกลมโตที่เอาแต่จ้องมองไม่วางตา ก่อนจะก้าวขาหันหลังให้แล้วเดินไปนั่งยังเก้าอี้ประจำกายในถัดมา
"ก็อาไฟกับน้ำอุ่นดูเหมือนมีอะไร...?" ไอติมที่ขี้สงสัยเดินมานั่งตรงข้ามอาไฟ แล้วเอ่ยออกไปตามสิ่งที่นึกคิดในภาพการณ์ที่เธอนั้นจับสังเกตได้
"ยังไง?" ผู้เป็นอาเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ ด้วยท่าทีสบายกลบเกลื่อนเรื่องราวที่เก็บซ่อนไว้ด้านหลัง เพราะยังไงก็ไม่คิดจะเปิดเผยให้ใครรับรู้ในสิ่งที่กำลังกระทำ ทั้งที่รู้ว่ามันคือการย่ำยีเพศแม่ก็ตามที
"ก็เหมือนมีอะไรปิดบัง...หรืออาไฟมีอะไรปิดบังไอติมจริง ๆ คะ?" หลานสาวที่โตจนมองโลกภายนอกออก ประสบการณ์ในการดำเนินชีวิตทำให้เธอนั้นมองสิ่งรอบกายได้ดีขึ้น
"โธ่ ไอติมอาจะไปมีอะไรปิดบังหนูล่ะลูก...แล้วนี่มาหาอาถึงที่มีอะไรหรือเปล่า" ผู้เป็นอาเอ่ยเสียงอ่อยอ้อยอิ่งต่อหน้าหลานสาว ก่อนจะเอ่ยถามหวังเลี่ยงเบี่ยงประเด็นที่ไอติมนั้นฉงนใจ
"แน่ใจนะคะ ไม่มีอะไรปิดบังไอติมแน่นะ" เธอยังคงไม่คิดเชื่อเอ่ยย้อนถามออกไป พลางชี้นิ้วคาดโทษข่มขู่
"เดี๋ยวนี้รู้จักคาดคั้นและข่มขู่อาด้วย...ชักจะเก่งขึ้นนะเราอ่ะ" ผู้เป็นอายิ้มอ่อนมุมปากเอ่ยแซวเธอ พลางส่ายหัวในกิริยาของหลานสาวคนโต ที่เขานั้นรักและเอ็นดู เห็นเธอมาแต่เยาว์วัยมอบความรักไม่ต่างไปจากลูกแท้ ๆ
"แล้วจะบอกอาได้ยังว่ามีอะไร ทำไมถึงเดินมาหาด้วยตัวเอง โทรมาก็ได้หรือไลน์ก็มี หากเป็นห่วงกลัวหลานสาวคนสวยเหนื่อย"
"ห้องอยู่ข้างกัน?"
อาไฟผู้รักหลานเอ่ยยาวเหยียดด้วยความยียวน จนไอติมนั้นขมวดคิ้วชนกันเชิงคำถาม พร้อมกับชี้นิ้วไปยังห้องทำงานของเธอที่อยู่ติดกันกับผู้เป็นอา
"มีอะไรก็พูดมาเร็ว...อาจะทำงานแล้ว เดี๋ยวพ่อของหนูไม่ปันผลสิ้นปี" อาไฟเร้าหรือถึงจุดประสงค์ของการมาในครั้งนี้ และตามด้วยคำแซวที่พาดพิงถึงเพื่อนสนิทในถัดมา
"ชิ! อย่าให้ไอติมรู้ทีหลังว่ามีอะไรปิดบังไว้ และไอติมจะมาบอกว่าที่นัดคุยงานประจวบพรุ่งนี้ลูกค้านัดตอนบ่ายสองนะคะ กลัวอาไฟไม่รู้ค่ะ" เธอพูดข่มขู่ผู้เป็นอา แล้วถัดมาจึงชี้แจงในจุดประสงค์ของการมาให้อาไฟรับรู้
"อายังไม่รู้ ดีเหมือนกันอาจะได้ไม่ต้องเดินทางแต่เช้า"
"มีเรื่องแค่นี้แหละค่ะ คิดถึงไม่ค่อยเห็นหน้าอาไฟ เลยอยากเดินมาหา เพราะว่าอาไฟไม่ค่อยจะมาให้หลานสาวเห็นหน้าเท่าไหร่ เนื่องจากว่าคุณอาสุดหล่อมัวแต่ไปดูงานข้างนอกกับเลขาสุดสวย"
"ไปทำงานครับผม" คนที่ได้ยินรีบออกตัว เมื่อหลานสาวนั้นเหมือนกำลังต้อนเขาเข้ามุมด้วยคำพูดที่เหมือนจะเดียงสา แต่ว่ากลับจี้อกให้คับแน่นในการกระทำเบื้องหลัง
"ก็ใช่ไงคะ? ไอติมยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย นั่นไงเริ่มมีพิรุธอีกละ" ไอติมดีดตัวลุกยืน สองแขนค้ำกับโต๊ะทำงาน จ้องมองหน้าอาไฟด้วยแววตาขึงขัง
"พิรุธอะไร ไอติมนี่ไป ๆ กลับไปห้องตัวเองได้ละ เจทบ่นคิดถึงแล้วมั้งอ่ะ"
"แถเก่ง...วันนี้ไอติมจะปล่อยไปก่อนนะคะ อย่าพลาดแล้วกัน"
"อารักไอติม...ไป ๆ จะไปไหนก็รีบไป"
"รักแล้วทำไมต้องไล่ด้วยล่ะคะ...เชอะ! ไปก็ได้"
"หึ...หลานคนนี้ รักสิครับอารักหนูจะตาย ตอนเด็กรักมากมายตอนนี้ก็รักเท่าเดิมนั่นแหละ...งอนเหรอ แต่อาไม่ง้อหรอกนะ เก็บไว้ให้เจทง้อแทน ฮ่าฮ่าฮ่า"
"อาไฟอ่ะ...ไปดีกว่า"
บทสนทนาอากับหลานที่ดูน่ารัก การบ่ายเบี่ยงหลีกเลี่ยงจนสำเร็จ ไอติมสะบัดเสียงอย่างเง้างอนเพราะอาไฟไม่มีหลุดปากในสิ่งที่เธอนั้นสงสัย ยอมอ่อนให้แล้วเดินจากไป ทำให้ผู้เป็นอานั้นทอดถอนลมหายใจอย่างคนโล่งอกในบัดดล