อย่าเรื่องมาก
((Line))
Big boss : "สี่โมงเย็นไปรอฉันที่หน้าบริษัท ห้ามช้า! เพราะฉันไม่ชอบรออะไรนาน ๆ"
น้ำอุ่น : "ค่ะ"
ยามบ่ายใกล้เลิกงาน เสียงของการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันสีเขียวดังขึ้น สายตากลมโตมองหน้าจอแล้วเปิดอ่านทันที ข้อความที่เห็น คำสั่งที่เผยต่อสายตาทำเอาน้ำอุ่นถึงกับถอนลมหายใจแรง ก่อนจะพิมพ์แป้นอักษรตอบกลับเขาไปอย่างรับรู้ด้วยคำตอบสั้น ๆ
"ไอ้คนบ้าอำนาจ!...สั่ง ๆ ๆ สั่งอยู่ได้" เธอสบถเสียงกร้าวต่อว่า สายตาจ้องมองหน้าจอที่เป็นหน้าโปรไฟล์ของเขา และแลบลิ้นใส่อย่างขุ่นเคืองก่อนจะวางโทรศัพท์ลงข้างตัวกระแทกกับพื้นโต๊ะเสียงดัง
("ว่าใคร!?") เสียงเข้มดังขึ้นจากด้านหลัง น้ำเสียงอันทรงพลังทำให้คนที่ได้ฟังสะดุ้งตัวโหยง ก่อนจะตั้งสติแล้วหันกลับไปมอง
"เปล่าค่ะ" น้ำอุ่นลุกยืนอย่างให้เกียรติเอ่ยตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ก้มหน้ามองพื้นหลบสายตาคมดุที่จดจ้อง
"เวลาฉันพูดด้วยต้องมองหน้า อย่าหลบสายตา ฉันไม่ชอบ!" ใบหน้าเข้มขรึม สายตาดุดันที่มองอย่างสั่งการ พร้อมเรียวนิ้วมือที่เชยคางคนที่อยู่ใต้ความสูงให้มองสบตา
".........." เธอเงียบนิ่งมองสบตาเขา ยอมให้เขากระทำตามแต่ใจราวกับว่าเธอนั้นเป็นหุ่นยนต์ไร้หัวใจ เมื่อยังไงก็ไม่อาจที่จะฝืนหรือต่อต้านชายตรงหน้าได้
"อย่าใช้สายตาแบบนั้นกับฉัน!"
("จะเอายังไงกันแน่ ไอ้คนแก่เอาแต่ใจ")
น้ำอุ่นที่ตามไม่ทันอารมณ์ ทั้งที่เธอนั้นทำตามที่ใจเขาต้องการ แล้วยังถูกต่อว่า เธอจึงกร่นด่าเขาในใจ กำมือแน่นอย่างเก็บกลั้นอารมณ์ที่สุมในอก อยากจะตบหน้าเขาสักทีให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เมื่อเขานั้นคือเจ้านายและคนที่เหมือนเจ้าชีวิตของเธอในตอนนี้
"มองหน้าแบบนี้ เธอกำลังด่าฉันในใจใช่ไหม?"
"เปล่าค่ะ" ((อ่านใจออกอีก เก่งเกินไปแล้วคุณอภิวัฒน์))
สายตาของชายตัวสูงมองเธอด้วยแววตาที่อ่อนลง เอ่ยออกไปอย่างกับคนรู้ทัน จนหญิงสาวนั้นแอบสงสัยและพึมพำในใจอีกครั้ง ขยับตัวออกห่างเมื่อสถานที่ตอนนี้คือที่ส่วนรวมไม่ใช่ส่วนตัว ที่จะกระทำอะไรตามแต่ใจอย่างไม่คิดรักษาภาพลักษณ์
"ไปได้ละ...ฉันจะไปเอารถ" เขาพูดออกคำสั่งเสียงเรียบ บอกกล่าวถึงสิ่งที่สั่งการผ่านเครื่องมือสื่อสารก่อนหน้า
"บอกได้ไหมคะว่าจะไปไหน เพราะมันยังไม่ถึงเวลาเลิกงานของหนู" น้ำอุ่นตัดสินใจเอ่ยถามออกไปเพราะสงสัย แม้จะหวาดหวั่นเกรงกลัว เป้าหมายที่จะไปไม่รู้เรื่องราว ทั้งที่เธอนั้นดูตารางงานแล้วว่างเปล่าไม่มีไปไหน
"มีหน้าที่ไปกับฉันก็ไปเถอะน่า ถามมากอยู่ได้"
"ก็แค่อยากรู้" น้ำอุ่นก้มหน้ามองพื้นแล้วขยับปากพูดเบา ๆ การอยากรู้ที่หมายปลายทางกลับเป็นทำให้เธอนั้นถูกต่อว่า น้ำตาที่พยายามเก็บกลั้นฝืนไว้ ก็รื้นขอบตาขึ้นมาเสียดื้อ ๆ
"ไปห้าง...ซื้อของเตรียมตัวไปดูงานพรุ่งนี้ โอเคไหม?" เมื่อเห็นแล้วว่ากิริยาของหญิงสาวนั้นเป็นอย่างไร คนที่แข็งกระด้างเริ่มเปลี่ยนทิศทางการพูดทันที เหมือนบางอย่างสั่งการให้เขาหันเหการพฤติกรรม ยอมอ่อนข้อให้แก่เธอในตอนนี้ เพราะเจ้าน้ำตาตัวดีของเธอทำใจเขาโอนอ่อน
"ค่ะ หนูเข้าใจแล้ว" น้ำอุ่นเงยหน้ามองด้วยดวงตาที่เริ่มแดง และสะพายกระเป๋าก่อนจะเดินนำหน้าเขาไป แยกย้ายพบเจอกันตรงที่นัดหมายก่อนหน้าอย่างรู้งาน
"เด็กคนนี้นี่...แล้วกูเป็นอะไรวะเนี้ย ใจเต้นแรงอย่างกับวัยรุ่นพบรักงั้นแหละ...ท่าจะบ้าแล้วกู" ชายตัวสูงที่ยืนมองตามแผ่นหลังบางเดินนำไป เขายืนกุมอกข้างซ้ายที่สั่นไหวไว้มั่น แล้วเอ่ยสบถต่อว่าตัวเองเพียงลำพังด้วยความไม่เข้าใจในสิ่งที่รู้สึก แค่เพียงเพราะดวงตากลมที่เริ่มแดง เสียงหวานที่เอื้อนเอ่ยก็เหมือนที่ผลต่อระบบการเต้นของหัวใจชายวัยสี่สิบให้เต้นระรัว
"มาแบบนี้คุณไม่กลัวคนอื่นเห็นเหรอคะ?" น้ำอุ่นที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยถามเพราะสงสัย เมื่อเขาเคยลั่นปากไว้เองว่าห้ามให้ผู้ใดรู้ความสัมพันธ์ลับ ๆ ที่เป็นอยู่
"กลัว...แต่คนอย่างฉันเอาตัวรอดได้" คนที่ขับรถด้วยความตั้งใจ เอื้อนเอ่ยออกมาอย่างไม่คิดอะไรให้วุ่นวาย เพราะเขาหาทางหนีทีไล่ได้สบายอยู่แล้ว หากเกิดเหตุการณ์ใด ๆ ขึ้น
"ค่ะ"
"ถามทำไม?" เขาย้อนถามเมื่ออยู่ ๆ เหตุใดเธอจึงกล้าที่จะพูดกับเขาก่อน เพราะไม่เคยว่าคิดจะกระทำ
"หนูถามเฉย ๆ ค่ะ แค่จำได้ว่าคุณให้ปิดบังไว้" น้ำอุ่นตอบอย่างไม่ติดขัด พลันสายตามองหน้าคมเพียงครู่ ก่อนจะกลับสู่ท่านั่งแบบเดิมในถัดมา น้ำเสียงและวาจาที่ใช้นั่นแผ่วเบานุ่มนวล แม้จะถูกเพิกเฉยจากเขาด้วยนิสัยที่เธอเป็นก็ไม่วายโอนอ่อนอยู่ดี
"ดีที่จำได้ แต่ไม่ต้องห่วงไป เมื่อฉันกล้าชวนมาด้วยแสดงว่าฉันพร้อมที่จะรับมือกับเหตุการณ์นั้น ๆ" เขายืดมั่นให้คำตอบ คำถามที่เหมือนหญิงสาวนั้นกังวล คนที่ประสบการณ์มากพอย่อมเดาทางออกได้ง่ายดาย
คำพูดจากชายที่นั่งเคียงข้าง ทำเอาบ่อน้ำตาของเธอรื้นทันใด เมื่อสิ่งที่ได้ยินนั้นเหมือนเขาไม่สนใจในตัวเธอแม้แต่น้อย แม้จะรู้ดีว่าอยู่ในฐานะอะไร แต่ยังไม่อาจทำใจได้เพราะสายตาและเสียงกร้าวของเขามีผลต่อหัวใจของเธอ การพลั้งเผลอมีใจให้กับคนที่ไม่ไยดีย่อมเจ็บปวดคณานับ จนบางครั้งก็ไม่อาจจะรับได้ไหว
"ร้องไห้?" เมื่อเห็นว่าเธอนั้นเงียบผิดปกติ สายตาคมดุจึงหันมามอง ต้องพบกับหญิงร่างเล็กที่นั่งก้มหน้า จิกปลายเล็บลงแขนตัวเอง เขาจึงเอ่ยถามออกไปเสียงเข้ม
"ปะ เปล่าค่ะ หนูไม่ได้ร้อง" น้ำอุ่นรีบตอบทันที เพราะเธอรู้ดีว่าเขานั้นมักหงุดหงิดง่ายใส่เธอ
"อย่าเรื่องมาก ทั้งที่ไม่ได้มีอะไรให้เธอต้องมาร้องไห้สักนิด หงุดหงิดว่ะ" คนที่ไม่สบอารมณ์ปล่อยระดมคำพูดต่อว่า แม้น้ำตาของเธอตอนนี้ก็ไม่มีผลต่อเขา
"หนูเปล่าเรื่องมากนะคะ...แค่มันห้ามน้ำตาไม่ได้ก็แค่นั้น ฮึก อึก" หญิงสาวที่เริ่มสะอึกสะอื้น ยิ่งเสียงเข้มดุต่อว่ายิ่งเรียกธารน้ำตาของเธอให้รินไหลต่อเนื่อง แม้จะพยายามเก็บกลั้นก็ไม่อาจฝืนทน
"หยุด!! อย่ามาทำให้ฉันเสียอารมณ์นะน้ำอุ่น" เขาตะคอกเสียงแข็งดังลั่นรถที่กำลังขับเคลื่อน เสียงที่กร้าวทรงพลังทำให้เอาหญิงสาวนั้นสะดุ้งตัวโหยงหวาดกลัว
"ฮึก ฮึก หนูหยุดร้องไม่ได้ ฮือ หนูกลัว"
"กลัวบ้ากลัวบออะไรฉันไม่ใช่ยักษ์ใช่มารที่ไหน?"
น้ำอุ่นตอบเขาไปตามความรู้สึกที่เธอเป็น แต่คนที่เห็นน้ำตาหญิงสาวรินไหลหาได้สนใจ กลับต่อว่าเสียงหนักจนเธอนั้นสั่นเทาไปทั้งร่าง
"อย่าเสียงดังได้ไหมคะ อึก ฮึก ไม่ตะคอกหนูได้ไหม?" น้ำอุ่นเงยหน้ามองเขาทั้งน้ำตา ดวงตากลมโตแดงก่ำจากการร้องไห้ สายตาที่มองสื่อไปอย่างอ้อนวอน ทำเอาคนที่มองสบตาคืนหัวใจอ่อนไหวทันใด
"........." เขานิ่งเงียบไปเมื่อเสียงหวานเอื้อนเอ่ยอย่างสะอึกสะอื้น แล้วหักพวงมาลัยรถตบไฟเลี้ยวจอดรถข้างถนนที่ยังไม่ถึงที่หมาย
"ฮึก อึก หนูคงขอมากไป ..." เมื่อเห็นแล้วว่าเขาไม่ตอบโต้ใด ๆ เธอจึงใช้มือปาดน้ำตาแบบลวก ๆ พยายามสูดหายใจเข้าลึก ๆ หักห้ามม่านน้ำตาไม่ให้รินไหลต่อหน้าเขา เพราะการร้องขอของเธอไม่มีผลต่อคนใจด้านชา "หนูเข้าใจแล้ว เข้าใจ...." คนที่ร้องไห้พลั่งพลูพูดตอบอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ แต่ต้องชะงักทันใดเมื่อมือหนานั้นเชยคางมนให้เงยมองสบตาคม
"จะเงียบได้หรือยัง?" น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปทำเอาคนฟังใจสั่นไหว การถูกสัมผัสด้วยมือหนาแบบอ่อนโยน ตั้งแต่ได้อยู่กับเขาไม่เคยเลยที่จะเป็นเช่นนี้ การกระทำที่ทำให้เธองวยงง เดาไม่รู้เลยว่าเขาจะดีหรือจะร้าย แต่สายตาของเขาตอนนี้ดูเปลี่ยนไป จนทำให้หัวใจของหญิงสาวนั้นเต้นแรง
"...อึก อึก" แม้จะถูกข่มขู่ด้วยสายตาและน้ำเสียงทุ้ม ก็ยังคงมีเสียงสะอื้นเล็ดลอดเบา ๆ
"เช็ดน้ำตาแล้วหยุดร้องไห้ เพราะถ้าไปแบบนี้ฉันจะหงุดหงิดและโมโหร้ายใส่เธออีก"
"....ขะ ค่ะ"
เขาพยายามที่จะควบคุมโทนเสียงในการพูดจา ปล่อยใบหน้าจิ้มลิ้มให้เป็นอิสระ แล้วบังคับพวงมาลัยเหยียบคันเร่งรถยนต์ไปตามท้องถนนดังเดิม คนที่โอนอ่อนต่อการกระทำตอบกลับอย่างเรียบง่าย และใช้สายตามองหน้าคมนั้นด้วยก้อนเนื้ออกข้างซ้ายที่สั่นไหว