บท
ตั้งค่า

เด็กหญิงวันหนึ่ง

หลายสิบปีก่อน ณ.สถานเลี้ยงเด็กกรำพร้าแห่งหนึ่ง

"เด็กๆ พวกนี้ทั้งน่ารักทั้งน่าสงสารนะว่ามั้ย เกิดมาพ่อแม่กลับไม่ต้องการเอามาทิ้งไว้ที่นี่บางคนก็พ่อแม่เสียชีวิตไม่มีญาติพี่น้องคนไหนต้องการรับไปเลี้ยงดู เด็กๆ พวกนี้จะรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างสักแค่ไหนกันนะ....ตาพงค์แม่สิตาพวกแกดูเด็กผู้หญิงที่ใส่ชุดสีชมพูคนนั้นสิแม่รู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก" พงค์หันไปมองตามมือผู้เป็นแม่ที่ชี้ไปยังเด็กหญิงตัวเล็กคนหนึ่งอายุน่าจะประมาณสามขวบที่กำลังนั่งทานอาหารกลางวันอย่างเอร็ดอร่อยราวกับอาหารตรงหน้าคืออาหารที่แกไม่เคยได้กินมาก่อน

"เธอล่ะแม่สิตาว่าไง" คุณหญิงพิสมัยหันมาถามลูกสะใภ้ที่ยังไม่ตอบคำถาม

"เอ่อก็...น่ารักค่ะคุณแม่" สิตาตอบแม่สามีแบบขอไปทีทั้งที่ใจจริงแล้วเธอไม่เคยมองว่าเด็กคนนี้หรือเด็กคนอื่นๆ ที่นี่น่ารักอย่างที่แม่สามีบอกเลยสักนิด เธอไม่ชอบและรังเกียจเด็กพวกนี้ ทุกครั้งที่เด็กพวกนี้รู้ว่าครอบครัวของสามีเธอจะมาเลี้ยงอาหารพร้อมกับมอบทุนการศึกษามอบของเด็กกำพร้าน่ารังเกียจพวกนี้จะกระดี้กระด๊าดีใจยกใหญ่วิ่งมากอดมาขอบคุณเพราะจะได้กินของดีๆ ได้เงินได้ขนมได้เสื้อผ้าสวยๆ ใหม่ๆ ไว้ใส่ การมาสถานที่แห่งนี้มันเป็นอะไรที่เธอไม่ชอบเป็นอย่างมาก เธอไม่ชอบให้เด็กเหลือขอพวกนี้มาจับตัวแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เธอต้องทำตัวเป็นผู้หญิงแสนดีเป็นหญิงสาวที่รักเด็กมีจิตใจโอบอ้อมอารีเพื่อให้แม่สามีรักเพื่อให้ท่านเห็นว่าเธอเป็นคนจิตใจดี เพราะในสายตาของแม่สามีเธอเป็นผู้หญิงแสนดีอ่อนหวานสุภาพเรียบร้อยเหมาะสมกับเป็นสะใภ้ของท่าน แม้ว่าจริงๆ แล้วมันตรงกันข้ามกับเธอทุกอย่างเพราะเธอไม่ใช่คนจิตใจดีขนาดนั้นยิ่งกับพวกเด็กพวกนี้เธอสุดแสนจะรังเกียจเพราะเคยมีอยู่ครั้งหนึ่งแม่สามีของเธอขอให้เธอลองอุ้มเด็กเผื่อว่าเธอจะท้องซึ่งไม่รู้ว่าเป็นความเชื่อที่สุดแสนจะงมงายแต่เธอก็ต้องยอมทำ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเด็กคนนั้นร้องไห้ไม่หยุดซ้ำยังอาเจียนใส่เธอจนชุดสวยราคาหลักหมื่นของเธอเปรอะไปด้วยคราบนมคราบอาหารของเด็กนรกนั่น

"แกจะว่ายังไงถ้าแม่จะให้พวกแกรับเด็กคนนี้ไปเป็นลูกบุญธรรม"

"แม่ว่าไงนะครับ" พงค์ถามมารดาอีกรอบเพราะเขาคิดว่าตัวเองหูฝาดที่ได้ยินแม่ของตนเองพูดแบบนั้น ส่วนสิตาก็ยืนอึ้งพูดอะไรไม่ออกเมื่อได้ยินเช่นเดียวกับสามี

"ก็ในเมื่อแกกับแม่สิตายังไม่มีหลานให้แม่อุ้มสักที แม่เองก็แก่แล้วแม่อยากอุ้มหลานเร็วๆ ก่อนที่แม่จะตาย"

"สิตาขอโทษนะคะที่มีหลานให้คุณแม่ไม่ได้สักทีทั้งที่แต่งงานกับพี่พงค์มาตั้งหลายปี" สิตาพูดเสียงสั่นแสร้งบีบน้ำตาเพื่อให้แม่สามีเห็นใจ

"ไม่ต้องร้องไห้แม่สิตา แต่ที่แม่อยากให้แกสองคนรับเด็กมาเลี้ยงแม่มีเหตุผลนะ"

"เหตุผลอะไรครับ"

"พวกแกเคยได้ยินเรื่องลูกอิจฉาไหม"

"คะ??"

"ครับ??"

"ถ้าครอบครัวไหนแต่งงานกันแล้วแต่ไม่มีลูกสักทีเค้าว่ากันว่าให้รับเด็กมาเลี้ยงสักคนแล้วอีกไม่นานก็จะท้อง เค้าเรียกว่าลูกอิจฉา เพราะแบบนี้แม่อยากให้พวกแกรับเด็กผู้หญิงคนนี้ไปเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม"

สองปีต่อมา....

"วันหนึ่งมาหาย่านี่ซิลูก" คุณหญิงพิสมัยกวักมือเรียกหลานสาวบุญธรรมตัวน้อยวัยห้าขวบกว่าที่เพิ่งเลิกเรียนให้เข้ามาหา ท่านยิ้มให้หลานสาวบุญธรรมที่ถึงแม้ว่าแกจะเป็นเพียงเด็กที่ท่านขอมาเลี้ยงจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแต่ท่านก็รักและเอ็นดูวันหนึ่งมากเพราะแกเป็นเด็กนิสัยดีอ่อนน้อมถ่อมตนมารยาทเรียบร้อยแกเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่ายไม่เคยดื้อเลย ตอนนี้วันหนึ่งเรียนอยู่อนุบาลสามแล้วปีหน้าก็จะขึ้นปอหนึ่ง อยากจะบอกว่าแกเป็นเด็กเรียนดีตั้งใจเรียนกลับมาถึงบ้านก็จะเอาหนังสือมาอ่านหัดเขียนหนังสือแกไม่เคยไปวิ่งเล่นซุกซนเหมือนเด็กคนอื่นๆ เลยพวกตุ๊กตาหรือของเล่นก็ไม่เคยรบเร้าจะอยากได้นอกจากท่านจะซื้อมาฝากเอง ท่านคิดไม่ผิดที่รับวันหนึ่งมาเลี้ยง ซึ่งชื่อนี้ท่านก็เป็นคนตั้งให้เองเพื่อให้เด็กหญิงได้เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่กับชีวิตใหม่

"สวัสดีค่าคุณย่า" เด็กหญิงวันหนึ่งในวัยห้าขวบคลานเข่าเข้ามาหาผู้เป็นย่าที่ห้องรับแขกเด็กหญิงนั่งลงที่พื้นแทนการนั่งบนโซฟา

"ไปนั่งที่พื้นอีกแล้วมานั่งข้างบนนี้กับย่าสิ" คุณหญิงตบโซฟาข้างๆ เพื่อให้หลานสาวขึ้นมานั่ง

"ไม่เป็นไรค่าคุณย่าเด็กไม่ควรนั่งเสมอผู้ใหญ่ค่า" เด็กหญิงบอกกับผู้เป็นย่าแม้เธอจะอายุแค่ห้าขวบแต่เธอก็รู้ว่าอะไรควรไม่ควรเด็กหญิงรู้ตัวเองดีว่าเป็นเพียงเด็กที่ท่านขอมาเลี้ยงเท่านั้นไม่ใช่หลานสาวจริงๆ ของท่านเธอต้องเจียมตัวและรำลึกอยู่เสมอว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน

"ย่ามีข่าวดีจะบอกหนึ่งด้วยนะลูก^^"

"ข่าวดีอะไรเหรอคะคุณย่า"

"พ่อเราเพิ่งโทรมาบอกข่าวดีว่าตอนนี้แม่เราตั้งท้องแล้วนะ เรากำลังจะมีน้องแล้วนะรู้มั้ยวันหนึ่ง^^"

"มีน้องเหรอคะ"

"ใช่จ๊ะ อีกหน่อยหนึ่งก็จะได้เป็นพี่สาวแล้วนะลูก หนึ่งต้องช่วยพ่อกับแม่ดูแลน้องนะลูกเข้าใจมั้ย"

"เข้าใจค่าคุณย่า^^" เด็กหญิงตอบผู้เป็นย่าอย่างตื่นเต้นและดีใจเมื่อรู้ว่าเธอกำลังจะมีน้อง เรื่องที่จะให้เธอช่วยเลี้ยงน้องเธอยินดีและเต็มใจเป็นอย่างมากที่จะทำแต่...แม่บุญธรรมของเธอท่านอาจจะไม่ยอมเพราะท่านพูดกรอกหูเธอแทบจะทุกวันตั้งแต่เธอถูกขอมาเลี้ยงแม้ว่าตอนนั้นเธอจะอายุเพียงแค่สามขวบกว่าๆ ก็ตาม

"แกจำไว้เลยนะว่าฉันไม่ได้ยินดีและเต็มใจทื่จะรับแกมาเป็นลูกบุญธรรม แล้วถ้าในอนาคตถ้าฉันกับพี่พงค์มีลูกเป็นของตัวเองแกก็คงจะรู้นะว่าแกต้องทำตัวยังไง"

"ค่ะคุณแม่."

"อยู่ที่นี่หัดเจียมกะลาหัวเอาไว้ด้วยแกอย่าลืมว่าแกเป็นแค่เด็กกำพร้าที่ถูกขอมาเลี้ยง ถึงแม้ว่าแกจะได้ชื่อว่าเป็นลูกบุญธรรมของฉันกับพี่พงค์อย่างถูกต้องตามกฎหมายก็ตามแต่กำพืดของแกก็มาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเด็กที่พ่อแม่แท้ๆ ไม่ต้องการ"

".............."

"อ่อ แล้วก็อย่าปากมากไปบอกคุณแม่บอกพี่พงค์ล่ะว่าฉันพูดฉันสอนอะไรแกบ้าง อ่ออีกเรื่อง..ของมีค่าหรือแม้แต่เงินที่คุณแม่หรือญาติคนอื่นๆ เค้าให้แกเป็นการส่วนตัวแกต้องเอามาให้ฉันเก็บไว้เข้าใจไหม"

"เข้าใจค่ะคุณแม่" เด็กหญิงก้มหน้าตอบผู้เป็นแม่บุญธรรม

"ดี ถ้าแกอยากอยู่ที่นี่นานๆ แกก็ต้องเชื่อฟังฉันเข้าใจไหม"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel