จำได้ไม่รู้เลือน
สองพี่น้องที่จากกันไปนับสิบปีโผเข้าหาแล้วกอดกันแน่น น้ำตาลูกผู้ชายไหลหลั่งออกมาจากทั้งสอง ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมา มีเพียงอ้อมกอดที่ถ่ายทอดความรู้สึกมากมายออกไปให้กันและกันได้รับรู้
“ พี่ แม่ตายแล้วนะ ”
ปราณเอ่ยขึ้นทั้งที่ยังสะอึกสะอื้น ปราบหัวในกระตุกวาบ ทั้ง ๆ ที่บอกกับตัวเองเสมอว่าอย่าไปคิดถึง อย่าไปห่วงใย แม่เคยทำอะไรไว้กับเขาและพ่อ เขาต้องเจ็บปวดและทนทุกข์ทรมานมาตลอด แต่ทำไมเมื่อได้ยินสิ่งที่ออกจากปากน้องชายว่าแม่ตายแล้ว เขากลับรู้สึกแย่ ไม่มีคำพูดใดจากปาก มีเพียงน้ำตาที่ไหลออกมา ปราณดันตัวเองออกมาจากอ้อมกอดพี่
“ ผมคิดถึงพี่ ”
“ พี่ก็คิดถึงแก ”
“ พ่อล่ะพี่ ”
“ พ่อตายไปนานแล้ว ตายไปตั้งแต่สองปีหลังจากที่แม่ทิ้งไป ตายเพราะกินเหล้าแล้วรถคว่ำ ตายเพราะตรอมใจที่แม่ทิ้งไป ”
ปราณนิ่งเงียบ ปวดร้าวในหัวใจ พ่อตายแล้ว แต่เขากลับไม่มีโอกาสแม้จะได้มากราบศพ ไม่มีแม้โอกาสจะมาร่ำลาเป็นครั้งสุดท้าย
“ แล้วแม่เป็นอะไรตาย ”
“ มะเร็งครับ ”
สองคนพี่น้องนั่งลงบนโซฟา กอดคอกัน แลกเปลี่ยนเรื่องราวที่ต่างฝ่ายต่างได้ประสบพบเจอในยามที่จากกันไปเป็นเวลาสิบกว่าปี เขายังคงเป็นพี่น้องที่รักกันเช่นเคย วันเวลาและระยะทางที่แยกพวกเขาออกจากกันมิอาจแยกความสัมพันธ์ลงได้
ปราณกับแม่ไปอยู่ประเทศออสเตรเลีย โดยแม่แต่งงานใหม่กับฝรั่งคนหนึ่ง เขาดูแลทั้งแม่ลูกเป็นอย่างดี จวบจนเขามาเสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว และปีนี้แม่เขาก็จากไป ปีนี้ปราณอายุยี่สิบเอ็ดปี กำลังศึกษาบริหารธุรกิจอยู่มหาวิทยาลัยปีสาม เมื่อแม่เสีย เขาก็ไม่รู้จะอยู่ที่นั่นทำไมเพราะไม่เหลือใครอีกแล้ว อีกอย่างในใจเขาก็เฝ้าแต่คิดถึงพี่ชายอยู่เสมอ แต่ไม่รู้จะติดต่ออย่างไร หนทางเดียวที่เขาคิดออกก็คือกลับมาหาพ่อกับพี่ชาย
ปราบยกมือขึ้นลูบศีรษะน้องชายอย่างที่เคยทำมาตลอดสมัยเด็ก ๆ น้องชายเขาอ่อนโยน ขี้อ้อนเพราะติดแม่ ส่วนตัวเขาแข็งกร้าว เด็ดเดี่ยว เพราะติดพ่อ แต่ปราบเป็นพี่ชายที่รักน้อง ให้ความอบอุ่น เป็นที่พักพิงให้ปราณอยู่เสมอ
“ กลับมาอยู่กับพี่ เรามีกันอยู่แค่สองพี่น้อง พี่บริหารกิจการของพ่อจนเติบโตไปมาก แล้วพี่ก็สร้างรีสอร์ทขึ้นมาสองที่ ดีเหมือนกัน แกกลับมาจะได้ช่วยพี่ดูรีสอร์ทด้วย ส่วนเรื่องเรียนเดี๋ยวไปคุยกับทางมหาวิทยาลัย ที่นี่มีทั้งเอกชนและรัฐบาล ” ปราณพยักหน้า
“ พี่ครับ ”
“ ว่าไง ”
“ ผมอยากเล่นน้ำ ” ปราบหัวเราะ
“ โตแล้วนะ ไม่ใช่เด็ก ๆ ”
“ นะพี่ ผมอยากไปวิ่งเล่นที่ชายหาด เหมือนที่เคยเล่นกับพี่ตอนเด็ก ๆ ” ปราบแกล้งนั่งนิ่ง
“ นะ นะครับ ”
“ เออ ก็ได้ ขี้อ้อนไม่เคยเปลี่ยนเลยนะแก ”
ปราบหัวเราะ แล้วสองพี่น้องก็วิ่งลงไปที่ชายหาด เล่นน้ำ เก็บหอยวิ่งไล่จับกันเหมือนสมัยเด็ก ๆ ระลึกถึงความหลังกันจนชุ่มปอด ความสุขกลับคืนมาสู่นายหัวปราบผู้ไร้หัวใจ จากวันนี้ไปคงไม่มีสิ่งใดจะมาพรากจากพี่น้องทั้งสองไปได้อีกแล้ว
เมื่อเล่นน้ำจนจุใจ ทั้งสองกลับขึ้นมาอาบน้ำอาบท่า ปราบนั้นพลันฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง เขาเดินตรงไปยังหัวเตียง หยิบกล่องแสตนเลสเล็ก ๆ ออกมาเปิด เผยให้เห็นสิ่งของที่อยู่ในนั้น
นั่นคือเปลือกหอยขาวสะอาดที่เด็กหญิงแก้มยุ้ยมอบให้เขาที่ริมชายหาด ขณะที่เขาไปนั่งร้องไห้เพราะความโศกเศร้าในวันที่แม่พาน้องชาย หนีไป เธอบอกให้เขาอธิษฐานกับเปลือกหอยถึงสิ่งที่ต้องการ แรก ๆ เขาเชื่อเป็นตุเป็นตะ เฝ้าแต่วอนขอกับเปลือกหอยทุกวัน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีวี่แววของแม่กับน้องเลย อีกสองปีให้หลังพ่อกลับต้องมาจากไปอีก เขาจะโยนเปลือกหอยทิ้งไปเสียแล้วในวันหนึ่ง แต่ก็เปลี่ยนใจเก็บมันไว้ ด้วยความหวังเล็ก ๆ ที่คิดว่ามันอาจจะมีความมหัศจรรย์อยู่จริง จะสามารถทำให้น้องชายกลับมาหาเขาได้ และแล้ววันนี้มันก็เกิดขึ้นจริง ๆ ปราณกลับมาหาเขาแล้ว
ชายหนุ่มหยิบเปลือกหอยขึ้นมาแล้วยิ้ม ยี่สิบกว่าปีผ่านไปแล้ว ถึงแม้เขาจะเกลียดผู้หญิงมากแค่ไหนก็ตามที แต่แปลก ที่เขายังจำชื่อเด็กหญิงที่ส่งเปลือกหอยให้มิรู้เลือน เขายิ้มแล้วเอ่ยถ้อยคำจากหัวใจออกมาเบา ๆ
“ ขอบใจมากนะ อันดา ”