บทที่ 9
คาลมิลยอมรับว่าจับมองเมขลาแทบไม่กะพริบตา พอหญิงสาวยกเท้าขึ้นในท่านั้น แก่นกายลำใหญ่ก็ยิ่งปวดหนึบ จนเจ้าตัวต้องรีบบอกกับหญิงสาวว่า
“ผม...ผมจะไปเอาน้ำแข็งมาประคบเท้าให้คุณนะครับ”
คราวนี้คาลมิลไม่รอช้าอีกแล้ว เขาเอ่ยบอกเมขลาพร้อมกับก้าวเท้ายาวๆ เกือบเป็นวิ่งออกจากห้องพัก เพราะเกรงว่าจะหักห้ามใจตัวเองไม่ไหวและทำตามที่หัวสมองสั่งการ
“ค่ะ กัปตัน รีบกลับมานะคะ ฮันนี่ปวดข้อเท้ามากเลยค่ะ ปวดจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้วค่ะ”
เมขลาเอ่ยไล่หลังปนเสียงสะอื้น แสดงอากัปกิริยาสำออยให้คาลมิลได้เห็นในตลอด
เวลาที่อยู่ด้วยกันในห้องพัก แต่พอกัปตันหนุ่มออกจากห้องไปแล้ว ก็เลิกบีบน้ำตา ผุดลุกขึ้นนั่งก่อนจะเคลื่อนตัวลงจากเตียงใหญ่ แล้วควานหาบุหรี่จากกระเป๋าสะพายมาสูบอย่างสบายอารมณ์
พ่นควันบุหรี่จนลอยคละคลุ้งอยู่ทั่วห้องพักสุดหรูได้ชั่วครู่ เมขลาก็ต้องหัวเราะร่วนกับคำแซวที่ดังมาจากประตูห้องพัก
“รีบกลับมานะคะ ฮันนี่ปวดเท้าจนทนไม่ไหวแล้วค่ะ นี่ถามจริงเถอะ ที่บอกว่าทนไม่ไหว คือทนหิวผู้ชายหล่อๆ อย่างกัปตันคาลมิลไม่ไหวใช่ไหม”
ไทซี่เดินเข้ามาในห้องพักพร้อมกับเหน็บแนมด้วยความหมั่นไส้ดาราสาว ที่ใช้ร้อยแปดพันเก้ามายาเพื่อหลอกล่อให้เจ้าของโรงแรมแห่งนี้ติดกับดักของเธอ
เมขลาหัวเราะร่วนไม่ได้สนใจกับสายตามองค้อนของไทซี่ พ่นควันบุหรี่ออกจากปากแล้วก็เอ่ยตอบกลั้วเสียงหัวเราะ
“ก็รู้ๆ กันอยู่แล้ว จะถามอีกทำไมละคะ พี่ไทซี่”
ไทซี่ทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับเมขลา ชี้นิ้วมายังใบหน้างามของดาราสาว แล้วเอ่ยถามแกมเหน็บอีกครั้ง
“แล้วนี่ร้องไห้กี่ยกแล้ว มาสคาร่าถึงได้เลอะไปหมด บอกให้ใช้แบบกันน้ำก็ไม่เชื่อ”
ได้ยินเช่นนั้น เมขลารีบทิ้งบุหรี่ลงบนที่เขี่ยบุหรี่ แล้วสอยเท้าวิ่งตรงไปยังกระจกบานใหญ่ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง เพื่อดูหน้าตาของตัวเองว่าเลอะไปด้วยมาสคาร่าปัดขนตาจริงหรือเปล่า
“กรี๊ดดด ตายแล้ว มาสคาร่าเลอะขอบตาจริงด้วย”
เมขลาร้องโวยวายเสียงดัง และไทซี่ก็อดต่อว่าไม่ได้
“ใช้ของถูกไม่มีราคาก็แบบนี้แหละ”
ไทซี่แบะปากใส่ขณะนั่งมองเมขลารีบดึงทิชชู่ออกมาเช็คขอบตาและรอยเลอะตามพวงแก้ว แล้วเอ่ยถามถึงแผนการต่อไปของหญิงสาว
“ตกลงแล้วจะเล่นละครเจ็บข้อเท้าจนกระทั่งไม่ออกไปทัวร์กับพี่และคนอื่นๆ ใช่ไหม”
“ไม่ไปค่ะ”
เมขลาเอ่ยตอบโดยไม่ได้หันหน้ามามองไทซี่ ยังคงจ้องหน้าอยู่กับกระจกเงาบานใหญ่ เพื่อเช็คคราบมาสคาร่าออกจากหางตาของตน
“จะอยู่วางกับดักกัปตันคาลมิลต่อใช่ไหม”
ไทซี่เอ่ยถามทั้งๆ พอจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว และก็เตรียมหาคำแก้ตัวให้กับเมขลาด้วยเมื่อลูกทัวร์คนอื่นๆ ถามถึงดาราสาว
“ใช่แล้วค่ะ อีกนิดเดียวปลาก็กินเหยื่อแล้วค่ะ ขืนไม่อยู่อ่อยเหยื่อต่อ ปลาอาจจะหลุดมือไปได้ค่ะ”
“ถ้ายังงั้นก็ตามใจ ไม่ออกทัวร์ก็ไม่เป็นไร แต่เงินที่คุณน้องจ่ายค่าทัวร์ต่างๆ ให้กับพี่แล้ว พี่ไม่คืนให้นะครับ”
ไทซี่รีบเอ่ยบอกไว้ก่อน เพราะเกรงว่าดาราสาวจะมาขอเงินค่าทัวร์คืน เพราะคิดคำนวณแล้วก็เป็นเงินหลายพันบาทเลยทีเดียว
เมขลาปาทิชชู่ในมือลงถังขยะ แต่ไม่แม่นสักเท่าไร ทิชชู่หลายแผ่นจึงตกเกลื่อนใกล้ๆ กับถังขยะ แต่หญิงสาวก็ไม่คิดแยแสที่จะหยิบใส่ในถังขยะ จากนั้นก็หันมาเอ่ยตอบให้ไทซี่สบายใจว่า
“เงินค่าทัวร์เรื่องเล็กค่ะ พี่ไทซี่ก็รู้นี่คะว่าฮันนี่เลือกมาเที่ยวกับบริษัททัวร์ของพี่ไทซี่เพราะอะไร”
“เพราะกัปตันคาลมิล” ไทซี่ตอบกลับในทันที
และเมขลาก็ชี้นิ้วไปยังไทซี่ เลียนกริยาของพิธีกรชื่อดังในประเทศไทย พร้อมกับตอบเสียงดังว่า
“เป็นคำตอบที่ถูกต้องค่า...”
คราวนี้ทั้งเมขลา ทั้งไทซี่ต่างก็หัวเราะเสียงดังลั่นพร้อมกัน เพราะต่างก็รู้ใจกันและกัน จึงไปด้วยกันได้ ไทซี่รู้ว่าเมขลาต้องการเก็บแต้มกับผู้ชายหล่อล่ำ เพื่อเอาไปเกทับเพื่อนในแก๊ง จึงเอารูปภาพของกัปตันคาลมิลล่อและขายแพคเก็จทัวร์ให้กับดาราสาวแพงกว่าลูกทัวร์คนอื่นๆ โดยที่ดาราสาวไม่รู้แม้แต่นิดเดียว
ส่วนเมขลาไม่ได้สนใจเรื่องการท่องเที่ยวเลย ไม่ได้อ่านโปรแกรมทัวร์ด้วยว่า แต่ละวันไกด์ไทซี่และไกด์ท้องถิ่นจะพาไปเที่ยวที่ไหนบ้าง เธอตัดสินใจซื้อทัวร์และจ่ายเงินก็เพราะอยากเผด็จศึกกัปตันคาลมิล
เสียงหัวเราะของเมขลากับไทซี่คงดังนานไปกว่านี้หากทั้งสองไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ห้องพัก และด้วยคิดว่าคงเป็นกัปตันคาลมิลที่กลับมาในห้องหลังจากไปเอาน้ำแข็งและยามาให้กับเธอ เมขลาจึงรีบวิ่งกลับไปที่เตียงนอนใหญ่ แล้วทิ้งตัวลงนอนแซ่วเพื่อเล่นละครตบต่อชายหนุ่มต่อ
แต่แล้วเมขลาก็ต้องเต็มไปด้วยความผิดหวัง แต่ก็ไม่เท่ากับความหงุดหงิดใจ เพราะคนที่เดินเข้ามาในห้องพักหลังจากเคาะประตูห้องแล้ว กลับกลายเป็นพนักงานของโรงแรมแทน ส่วนผู้เป็นเจ้าของโรงแรมหายตัวไปไหน เมขลายังไม่อาจหาคำตอบได้
“มาดามคะ ดิฉันเอาน้ำแข็งมาให้มาดามประคบข้อเท้า รวมทั้งยาแก้ปวดด้วยค่ะ”
เมขลาลุกพรวดจากเตียงนอน เดินกระแทกเท้ามาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา แล้วถามพนักงานเสียงดัง “เจ้านายของเธอไปไหน ทำไมเขาไม่เอายามาให้ฉันเอง”
“คุณคาลมิลถูกคุณท่านไอเดอร์เรียกตัวไปพบด่วน ก็เลยไม่สามารถเอายามาให้มาดามได้ค่ะ”
พนักงานของโรงแรมซึ่งสามารถสนทนาภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี ได้วางถาดเงินซึ่งมีน้ำแข็งที่ถูกห่อด้วยผ้าขาวสะอาด กับยาแก้ปวดและน้ำดื่มวางลงบนโต๊ะหน้าโซฟา จากนั้นก็ทำท่าจะเดินออกจากห้อง แต่ก็ถูกแขกของโรงแรมเอ่ยถามเสียงห้วนๆ อีกครั้ง
“คุณท่านไอเดอร์ที่เธอพูดถึงคือใคร”
“คุณพ่อของคุณคาลมิลค่ะ”
พนักงานสาวตอบก่อนจะเดินออกจากห้องพัก ไม่เปิดโอกาสให้เมขลาได้เอ่ยถามอีก
“บ้าชะมัด! ปลากำลังจะฮุบเหยื่ออยู่แท้ๆ แต่ก็หลุดมือไปจนได้”
เมขลาทุบมือลงบนโซฟาเต็มแรง ใบหน้าแดงซ่าน ดวงตาลุกวาวเพราะความโมโห จนไทซี่ต้องรีบเข้ามาปลอบ
“ใจเย็นๆ นะครับ คุณน้อง กัปตันหลุดมือแค่เพียงชั่วขณะเท่านั้นครับ และวันนี้ก็เป็นวันแรกเท่านั้นเอง คุณน้องยังมีเวลาอยู่ในเมืองนี้อีกหลายวัน ถึงตอนนั้นกัปตันคาลมิลก็ไม่รอดมือคุณน้องไปได้หรอกครับ”
“ฮันนี่พนันกับพี่มอลลี่และพวกในแก๊งไว้ว่าจะจัดการกัปตันให้ได้ภายในสามวัน ถ้าหากฮันนี่ทำไม่ได้ งานนี้ได้เสียพนันหมดหน้าตักแน่ค่ะ”
“ถ้ายังงั้นไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวพี่ไทซี่จะช่วยคุณน้องเอง แต่ตอนนี้พี่ต้องไปดูแลลูกทัวร์คนอื่นก่อนนะครับ”
ที่คิดช่วยนั้นไม่ใช่เพราะหวังดีหรือเห็นใจดาราสาวหรอก แต่เป็นเพราะไทซี่เองก็เล่นพนันขันต่อในเรื่องนี้ไว้กับมอลลี่ผู้เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเมขลาเช่นเดียวกัน
“ค่ะ พี่ไทซี่ไปเถอะค่ะ”
เมขลาออกปากไล่ ไม่ได้สนใจมองว่าไทซี่เดินออกไปจากห้องหรือยัง เพราะยังโกรธไม่หายที่จู่ๆ เหยื่อสวาทของเธอหลุดมือไปได้