เพลิงแค้นแรงพยาบาท บทที่2.....
“ไม่มีใครมาหรอกค่ะคุณหนู...พระสวดจบก็ปิดศาลาได้เลย”
ระหว่างที่พระสงฆ์กำลังทำพิธี นมย้อยกระซิบบอกคณานางค์ เมื่อทั้งศาลามีแต่คนเก่าแก่ที่คุ้นหน้าคุ้นตา แขกเหรื่อหรือคนรู้จัก ไม่มีมาให้เห็น
“ค่ะ” เธอรับคำ...โบราณว่าไว้ คนมั่งมีมีคนล้อมหน้าล้อมหลัง มีอำนาจมีแต่คนนบไหว้ พอสิ้นเงิน สิ้นวาสนา แม้แต่สุนัขข้างทางยังเมิน
คนสมัยนี้น่ากลัวกว่าที่คิด...
รถยนต์หรูสิบกว่าคัน วิ่งเข้ามาในบริเวณวัด...นมย้อยเหลือบมองก่อนจะหมดความสนใจ ในขณะที่คณานางค์ไม่สนใจเลย เธอกำลังซึมเศร้ากับการสูญเสีย
“คุณหนูคะ?”
เสียงของนมย้อยตื่นตระหนก! นางสะกิดคณานางค์ พร้อมทั้งเหลือบมองไปทางด้านหลัง
“คะนม!” หญิงสาวหมุนตัวกลับมามอง เธอขมวดเรียวคิ้ว เมื่ออาคันตุกะผู้มาเยือนดูภูมิฐานโอ่อ่า ขบวนกลุ่มคนในชุดสูทนำทัพโดยผู้ชายหน้าตาคุ้นๆ
“พวกเขาค่ะคุณหนู” นมย้อยเค้นเสียงแหบแห้ง นางพยายามบอกเจ้านายสาว ไอ้คนชั่วพวกนี้คือเจ้าหนี้ของคุณผู้ชาย พวกที่ทำตัวเหมือนโจร มาขนข้าวขนของออกไปจากบ้านของท่านจนหมด
“ใครคะ...นม?”
คณานางค์ขมวดคิ้ว เธอถลึงตาใส่คนแปลกหน้า เขาเดินเข้ามาแบบไม่มีความเกรงกลัว ตรงมายังเธอพร้อมกับทรุดนั่งด้านข้าง โดยที่คนอื่นๆ กระจายตัวอยู่รอบๆ ทำตัวเหมือนนักเลงใหญ่ที่ต้องมีคนป้องกัน
“คุณมาทำไมคะ! ที่นี่ไม่มีใครต้อนรับคุณ” นมย้อยพูดเสียงแข็ง นางขยับเขาไปใกล้คณานางค์ เหมือนกำลังปกป้องเจ้านายสาว
มิเกลเหลือบตามองหญิงชรารูปร่างท้วม เขาปรายตามองเธอก่อนจะยกมือโบกไล่
“ออกไปก่อน ฉันจะคุยกับลูกสาวคชา...อย่ายุ่ง!”
ชื่อของบิดาหลุดออกมาจากปากคนมาใหม่ เขาเรียกชื่อท่านด้วยคำเรียกที่เธอไม่ชอบใจ หน้าตาของคนมาใหม่อ่อนวัยกว่าบิดาเธอมากนัก เขาน่าจะให้เกียรติท่านบ้าง
“นมเป็นคนของฉันค่ะ ฉันยินดีให้นมอยู่ใกล้ๆ มากกว่าคนแปลกหน้าอย่างคุณ!”
แววตาสู้คนของคณานางค์มองสบนัยน์ตาคมกริบของมิเกล เธอเชิดหน้าขึ้น เม้มเรียวปากแน่น รู้สึกไม่ชอบมาพากล เมื่อคนของตัวเองดูกริ่งเกรงคนแปลกหน้า
“ตามใจ...ฉันก็แค่ไม่อยากให้เธออายคนรับใช้ แต่อยากให้โพนทะนาก็ได้”
ชายหนุ่มพูดเสียงเย็นชา...เขากระตุกยิ้มมุมปากเหมือนกำลังเย้ยหยันใคร
“ฉันชื่อมิเกล...เป็นเจ้าหนี้พ่อเธอ...มาเพื่อเจรจากับเธอ เรื่องจำนวนหนี้ที่ค้างอยู่”
คณานางค์เบิกตากว้าง มือที่พนมอยู่หว่างอกตกผล็อย เธอถลึงตามองเขาก่อนจะอ้าปากตาโต เมื่อนึกเค้าหน้าเขาได้รางๆ ‘ไอ้วายร้าย! ไอ้สารเลว’
คำสบถที่เธอพอนึกออก พรั่งพรูออกมาจากจิตใต้สำนึก แต่ไม่ได้เปล่งเสียงออกมาเพราะมัวแต่ตกตะลึง
“นม...ฝากที่นี่ด้วยนะคะ ขอนางไปคุยกับเขาก่อน เดี๋ยวนางมา” เธอสะกดความโกรธ หันไปกระซิบบอกคนข้างตัว พร้อมกับเชิดหน้าขึ้นเหมือนท้าทายอีกฝ่าย
“ที่นี่ไม่เหมาะเชิญข้างนอกเถอะค่ะ คนโสโครกอย่างคุณไม่ควรมาทำให้งานพ่อฉันกร่อย”