บทที่ 2 (1)
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
คิวากรเอ่ยถามโดยไม่จำเพาะเจาะจงว่าถามเพื่อนคนไหน ดวงตาคมกริบยังคงจับจ้องมองอยู่ที่หญิงสาวร่างเล็กที่กำลังเดินเข้ามาในร้านอาหาร
ที่ต้องถามและอยากรู้ว่าหญิงสาวหน้าตาธรรมดาๆ แถมยังแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาไม่กี่บาท เสื้อยืดคอกลมกางเกงยีนส์เข้ารูป ซึ่งผิดกับบรรดาเพื่อนสาวคนอื่นๆ ที่แต่งตัวจัดเต็มราวกับยกแคตตาล็อกมาก็ไม่ปาน เป็นที่ฉงนสงสัยของเจ้าภาพงานเลี้ยงมาก เพราะคิวากรคิดว่าหญิงสาวคนนี้น่าจะเข้ามาผิดงาน หรือไม่ก็อาจมาสมัครงานก็เป็นได้
และเฌอมาลย์ก็เป็นฝ่ายเอ่ยตอบหลังจากเบะปากใส่หญิงสาวที่แต่งตัวเฉยๆ ที่เพิ่งเดินเข้ามาร่วมงานเลี้ยงและตรงไปยังกลุ่มเพื่อนของเธอซึ่งมีแค่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
“ยัยฟ้าคราม ยัยเด็กบ้านนอกที่มีข่าวแว่วๆ ว่าได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเพราะเธอได้เกรดเฉลี่ย 4.00”
“เรื่องเรียนนั้นเป็นที่หนึ่ง และเรื่องเฉย บ้านนอก ยัยฟ้าครามก็ยืนหนึ่งเหมือนกัน”
รวิภาเอ่ยเยาะพร้อมกับหัวเราะร่วน และก็มีเฌอมาลย์ร่วมวงถากถางอีกคน
“บ้านนอกแค่ไหนก็ดูเอาสิ ใส่เสื้อยืดคอกลมมางานเลี้ยง ยังดีที่ไม่ลากรองเท้าแตะมาด้วย ไม่งั้นพนักงานคงไม่ให้เข้าร้านแน่”
พากันล้อเลียนถากถางถึงหญิงสาวที่ตกเป็นหัวข้อการสนทนาแล้ว ทั้งเฌอมาลย์ทั้ง
รวิภาก็พากันหัวเราะร่วน
ถึงแม้ฟ้าครามจะไม่เคยตอแย ไม่เคยสุงสิงกับกลุ่มเพื่อนที่เป็นลูกมหาเศรษฐี เป็นไฮโซ แต่กระนั้นฟ้าครามก็ยังเป็นที่ชังของบรรดาเพื่อนสาวกลุ่มนี้
เพราะถึงแม้ฟ้าครามจะเป็นเด็กบ้านนอกที่มาร่ำเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดัง ถึงแม้จะไม่มีเงินทองมากมายเหมือนเพื่อนๆ แต่หญิงสาวก็มีดีเรื่องการเรียนที่โดดเด่น ได้เกรดเฉลี่ย 4.00 ทุกเทอม และแน่นอนว่าเธอได้รับทุนให้ไปเรียนต่อในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำให้เธอเป็นที่เกลียดชังของบรรดาเพื่อนสาวในคณะเป็นอย่างมาก
จากที่ตั้งใจจะออกไปเต้นเพื่อเรียกเหงื่อสักหน่อย คิวากรก็เปลี่ยนใจทรุดตัวลงนั่งบน
เก้าอี้ตามเดิม พร้อมกับหันมามองเพื่อนสนิททั้งสองคน และออกปากไล่เพื่อนสาวออกจากวงสนทนาอย่างไม่เกรงใจ และไม่สนใจว่าจะเป็นการหักหน้าพวกเธอ
“สาวๆ เชิญไปหาอะไรดื่ม หรือไม่ก็ออกไปเซลฟี่ตามสบาย ผมอยากคุยเป็นการส่วนตัวตามภาษาสุภาพบุรุษ โดยไม่มีผู้หญิงมาเกี่ยวข้อง”
ไล่เพื่อนสาวแล้วคิวากรก็หันมาจ้องมองฮานานางแบบสาวที่ยังนั่งเกาะติดราวกับลูกลิงเกาะติดแม่ก็ไม่ปาน จากนั้นก็ออกปากไล่เธออีกคน
“คุณกลับไปได้แล้วฮานา คืนนี้ผมไม่มีอารมณ์พิศวาสคุณ ถ้า ‘หิว’ ผมจะโทร.หาคุณเอง”
เป็นที่รู้กันว่าคิวากรหมายถึงอะไรกับการพูดแค่เพียงสั้นๆ ว่า ‘หิว’ และถึงแม้จะถูกออกปากไล่ แต่ฮานาก็ไม่คิดจะไปง่ายๆ ทำท่าจะยกมือโอบจับต้นแขนของคิวากร แต่ก็ถูกชายหนุ่มถลึงตามองพร้อมกับออกคำสั่งเสียงห้วนจัด
“กลับไปฮานา! อย่าให้ผมต้องสั่งให้คนของผมมาลากคอคุณออกจากร้านอาหาร ไม่
เช่นนั้นชีวิตหน้าที่การงานของคุณจะพังในทันที”
ฮานาถึงกับหน้าเสียกับคำขู่กลายๆ ของคิวากร แน่นอนว่าเธอก้าวเข้าสู่วงการนางแบบแถวหน้าได้ก็เพราะมีคิวากรเป็นคนช่วยผลักดันแบบลับๆ และถ้าหากเธอทำให้ชายหนุ่มไม่พอ
ใจ อาชีพที่สามารถทำเงินให้กับเธอได้อย่างง่ายดายก็จะมืดดับลงด้วยฝีมือของคิวากรเช่น
เดียวกัน จึงจำต้องยอมทำตามคำสั่งของชายหนุ่มในที่สุด
“ก็ได้ค่ะ ฮานาจะกลับก่อน คุณคิวาอย่าลืมโทร.หาฮานานะคะ”
คิวากรไม่ตอบรับคำขอร้องทิ้งท้ายของฮานา และไม่สนใจด้วยว่านางแบบสาวจะลุกเดินไปตอนไหน ชายหนุ่มหันมาจ้องมองเพื่อนสาวอีกสองคนที่ไม่มีท่าทีว่าจะลุกไปง่ายๆ
พอเจอกับสายตาดุๆ ของคิวากรอีกครั้ง ทั้งรวิภาทั้งเฌอมาลย์ก็จำต้องลุกขึ้น ทั้งๆ ในใจนั้นไม่อยากเดินจากไปเพราะอยากรู้ว่าคิวากรกำลังจะคุยเรื่องอะไรกับเพื่อนชายอีกสองคน
เมื่อไม่มีสาวๆ นั่งสอดรู้สอดเห็นแล้ว คิวากรก็ถามเพื่อนทั้งสองคนอีกครั้ง โดยที่ดวงตายังคงจับจ้องมองไปยังหญิงสาวในชุดเสื้อยืดคอกลมสีดำคนเดิม
“ทำไมกูไม่เคยเห็นเธอเลยวะ เธอเรียนคณะเดียวกับพวกเราจริงหรือวะ”
“ฟ้าครามนะหรือ” จักรินถามเพื่อความมั่นใจ ยกแชมเปญขึ้นดื่มแทบจะตลอดเวลาที่คุยกับกลุ่มเพื่อน
“ใช่ ฟ้าคราม” คิวากรรับคำเสียงลึก พลางเอ่ยพูดเบาๆ ราวกับถามตัวเองซะมากกว่า “ทำไมเราไม่เคยเห็นเธอเลย”
แม้จะพึมพำพูดเสียงแผ่วเบา แต่กระนั้นเพื่อนทั้งสองก็ได้ยิน และภูริศเป็นฝ่ายเอ่ยตอบกลั้วเสียงหัวเราะร่วน และแน่นอนว่ายังแฝงไว้ด้วยความดูถูกคนที่กำลังตกเป็นหัวข้อการสนทนา
“ยัยฟ้าครามไม่เคยอยู่ในสายตาของผู้ชายคนไหนทั้งนั้น นายดูสิ ใส่แว่นหนาเตอะตามประสาเด็กเรียน ชุดก็เฉย กางเกงยีนส์ก็สีซีดๆ จะขาดไม่ขาดแหล่ สงสัยใส่มาสิบยี่สิบปีแล้วมั้ง”
“เสื้อผ้าของเธอเก่ากว่าเสื้อผ้าของคนใช้ที่บ้านกูอีกวะ”
คราวนี้เป็นคิวากรที่ร่วมวงดูถูกหญิงสาวที่ตกเป็นหัวข้อการสนทนา จากนั้นก็พากันหัวเราะร่วนด้วยความขบขำ และเสียงหัวเราะของพวกเขาทำให้เพื่อนๆ หลายคนรวมทั้งฟ้าครามได้หันมามองเช่นเดียวกัน และกลุ่มก๊วนของลูกชายมหาเศรษฐีก็ยังวิจารณ์ฟ้าครามอย่างสนุกปากด้วยความคึกคะนอง
“เธอคงไม่มีเงินซื้อชุดสวยๆ เหมือนเพื่อนผู้หญิงคนอื่น จนแต่ไม่เจียมตัว อยากมาร่วมงานเลี้ยงจนต้องถ่อสังขารใส่เสื้อผ้าเก่าๆ มา ยังดีที่พนักงานให้เข้าในร้าน ไม่ไล่เธอออกเพราะคิดว่าเธอเป็นขอทาน”
“ฮ่าๆๆ” คิวากรแหงนศีรษะหัวเราะร่วนกับคำเปรียบเปรย ก่อนจะชกหมัดใส่ต้นแขนเพื่อนพร้อมกับต่อว่าไม่จริงจังนักที่บังอาจพูดถูกใจเขาเป็นที่สุด
“ไอ้จัก มึงก็ช่างยกตำแหน่งหน้าที่การให้กับฟ้าคราม เธอได้เกียรตินิยมเกรดเฉลี่ย 4.00 เลยนะเว้ย จะมาเป็นขอทานได้ยังไง”
“จะไปรู้หรือวะ ก็เสื้อผ้าที่เธอใส่มันเก่าจริงๆ นี่หว่า” จักรินยังหัวเราะร่วนและล้อเลียนฟ้าครามไม่มีหยุด
และเพื่อนเลวที่ไม่ได้จริงใจกับคิวากรแม้แต่ครั้งเดียว ก็เอ่ยถามแกมท้าทายลูกชายเพียงคนเดียวของมหาเศรษฐีว่า
“คิวา...นายกินผู้หญิงมามากหน้าหลายตาแล้ว ตั้งแต่ไฮโซยันแม่ม่าย นายไม่คิดจะกินยัยฟ้าครามเด็กบ้านนอกคนนี้บ้างหรือ”
คำถามแกมท้าทายจากภูริศทำให้คิวากรต้องหันขวับมามองคนถาม และก็ถลึงตามองพร้อมกับตอบเสียงห้วน