4
Chapter 4
“ใช่ ลูกไปเรียนต่อหลายปี สองบ้านโน้นเขาพัฒนาแซงหน้าเราไปเยอะ อีกอย่างนึง ช่วงนี้ไพรวัลย์ลูกชายคนโตของไอ้พิง มันเข้ามารับงานแทนพ่อมันอย่างเต็มตัว มันกว้านซื้อที่ดินไปทั่วปักษ์ใต้ ตอนนี้ที่ดินของเรากับของมันเกือบเท่าๆ กันก็ว่าได้”
เทพพูดกับลูกชายเรื่อยๆ เหมือนเป็นการเล่าให้ฟังถึงพัฒนาการของคู่แข่งมากกว่าจะจริงจังอะไรมากมาย
“แล้วไอ้โตมอญล่ะครับพ่อ” แทนคุณถามถึงศัตรูตัวฉกาจ
“บ้านนั่นนะเหรอ นอกจากที่ดิน มันจะผลิตน้ำมันบังหน้าแล้ว มันยังเปิดซ่อง รวมถึงบ่อนอีก ไอ้นี่มันเลวทั้งพ่อทั้งลูก”
เทพเอ่ยถึงตระกูลเพชรสุริยะอย่างเกลียดชัง แทนคุณรับฟังคำพูดของบิดาอย่างใช้ความคิด เขารู้ว่าที่นี่ไม่มีใครกล้าหือกับตระกูลดังอย่างเพชรสุริยะ รวมถึงตระกูลอัศวโยธินและอัครมหาศาลด้วยเช่นกัน
“คงไม่มีใครกล้ากระตุกหนวดเสือ”
แทนคุณพูดด้วยดวงตาแข็งกร้าว
“มีตำรวจย้ายมาที่นี่คนนึงเมื่อปีที่แล้ว ชื่อปกรณ์ เพชรน้ำงาม ท่าทางใช้ได้ทีเดียว” เทพเอ่ยชมตำรวจตงฉินของจังหวัด
“พ่อบอกว่าชื่ออะไรนะครับ”
แทนคุณเลิกคิ้วถามบิดาให้ชัดเจนอีกครั้งเพราะชื่อและนามสกุลนี้มันเพื่อนของเขาชัดๆ
“ปกรณ์ เพชรน้ำงาม” เทพเอ่ยชื่อของตำรวจตงฉินอีกครั้ง
“ไอ้กร ถ้าจำไม่ผิดชื่อและนามสกุลนี้มันเพื่อนผมนี่ครับ”
แทนคุณพูดกับบิดา
“จริงเหรอไอ้หนึ่ง พ่อว่าคนนี้ใช้ได้กว่าทุกคนที่ย้ายมาเลยนะ”
แทนคุณเลิกคิ้วมองบิดาเพราะว่าปกติตำรวจที่ย้ายมาหรือย้ายไปไม่มีใครกล้าทำอะไรตระกูลเพชรสุริยะที่แสนเลวสักคน
เขานึกอยากเจอเพื่อนขึ้นมาตงิดๆ แต่เอาไว้ก่อน คิดว่ายังไงเขาคงต้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนคนนี้ของเขาอย่างแน่นอน
“ผมอยากเจอมันเหมือนกันครับ ไม่ได้เจอหลายปี ตอนแรกเห็นว่ามันสอบได้ย้ายไปอยู่ทางเหนือแต่ทำไมย้ายมาอยู่ที่นี่ได้”
แทนคุณพูดกับบิดาอย่างตั้งข้อสังเกต
“พ่อก็ไม่รู้ แต่ยังไงแกต้องได้เจอกับเขาแน่นอน เพราะพ่อต้องพาแกไปทำความรู้จักกับคนใหญ่คนโตอีกหลายคน แกกลับมาหลายวันแล้ว ยังไม่ได้ไปทำความรู้จักกับใครเลย พักหลังเขาเปลี่ยนแปลงโยกย้ายข้าราชการกันพอสมควร” เทพบอกลูกชายเสียงเรื่อยๆ
“ครับ” แทนคุณรับคำก่อนเปลี่ยนเรื่องคุย
“ช่วงนี้เป็นฤดูผลไม้ ถ้านำมาแปรรูปน่าจะเพิ่มมูลค่าให้เราไม่น้อย”
แทนคุณเสนอความคิดเห็นกับบิดาอย่างเป็นงานเป็นการเรื่องธุรกิจของครอบครัวที่เขาต้องมารับช่วงต่อจากบิดาอย่างเต็มตัว
“พ่อว่าดี อีกไม่กี่วันยัยเล็กจะเรียนจบแล้ว พ่อจะให้แกไปรับน้องหน่อย” เทพบอกลูกชายด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงบุตรสาวคนเล็ก
“ยัยเล็กจะกลับมาวันไหนเหรอครับ”
แทนคุณถามบิดาอย่างดีใจ
“อีกประมาณอาทิตย์นึง”
เทพตอบบุตรชายคนเดียวเสียงดีใจไม่แพ้กัน
“เร็วเหมือนกันนะครับพ่อ ยัยเล็กเรียนจบแล้ว”
แทนคุณพูดนึกถึงน้องสาวบุญธรรม ที่เขาไม่ได้เห็นหน้าเธอหลายปีได้คุยกันแต่ทางโทรศัพท์เพราะเขาไปเรียนต่อเมืองนอก
“พ่อไม่อยากให้เค้าอยู่ที่นี่ กลัวโดน...”
เทพชะงักคำพูด เมื่อนึกถึงบุตรสาวบุญธรรม
แทนรักเป็นลูกสาวของลูกน้องคนสนิทของเขา ช่วงนั้นเขากำลังช่วยบิดาขยายธุรกิจ และถือว่าเป็นการขยายอำนาจด้วย มีคนคิดปองร้ายเขาโดยการส่งคนมาลอบยิง แต่ประจักษ์ลูกน้องคนสนิทได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ คนที่จ้างวานมาฆ่าแค้นมากที่ไม่สามารถสังหารเขาได้ จึงโกรธครอบครัวของประจักษ์เป็นอันมาก ส่งคนไปลอบฆ่าภรรยาและลูกสาวที่เหลืออยู่
ดีที่ลูกสาวประจักษ์รอดชีวิตมาได้ ด้วยการช่วยเหลือของแม่ที่เอาลูกสาวเพียงคนเดียวไปซ่อนเอาไว้ในโอ่ง เขาไปช่วยวิไลภรรยาของประจักษ์ไม่ทัน ได้เจอเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่ร้องไห้เสียใจที่พ่อและแม่โดนฆ่าตายหลังจากที่มือปืนได้เผ่นหนีไปเสียแล้ว
คนที่จ้างวานฆ่ายังมีชีวิตลอยนวล เนื่องด้วยหลักฐานไม่เพียงพอจึงทำอะไรไม่ได้ เขายังไม่เคยลืมเรื่องนี้ได้เลย เพื่อตอบแทนลูกน้องคนสนิทที่ต้องมาตายแทน เขาจึงอุปการะเลี้ยงดูเด็กหญิงตัวน้อยโดยรับเป็นบุตรบุญธรรม แต่กลัวว่าเธอจะมีอันตรายจึงส่งไปอยู่กับญาติที่กรุงเทพฯ
แทนรักจึงไม่ได้กลับมาอีกเลย จนเวลานี้เรื่องทุกอย่างถูกลืมเลือนไปหมดแล้ว ครั้งนี้บุตรสาวบุญธรรมของเขาคงจะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับเขาและบุตรชายเสียที
“พ่ออย่าคิดมากเลยครับ เรื่องผ่านมานานมากแล้ว”
แทนคุณปลอบใจบิดาที่ยังรู้สึกผิดเรื่องประจักษ์และครอบครัว
“พ่อยังไม่เคยลืมเรื่องนี้”
เทพพูดอย่างหวนรำลึกถึงเรื่องราวครั้งอดีต เขาระแคะระคายเรื่องคนสั่งฆ่า มั่นใจว่าต้องเป็นอดีตลูกน้องของบิดา คือ ตะวัน เพชรสุริยะที่ไม่พอใจเขาเนื่องจากโดนไล่ออกจากงาน
ตอนนั้นเขาจับได้ว่ามันโกงเงินจากการขายยางพาราไปเป็นจำนวนมาก ขณะนั้นยังเป็นหนุ่มเลือดร้อนจึงจัดการไล่ออกไป ไม่คิดว่ามันจะแค้นถึงเพียงนี้ ส่วนครอบครัวของ พิง อัครมหาศาลนั้น เป็นเพียงคู่แข่งกันทางธุรกิจ ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันเรื่องอื่น แต่ถึงกระนั้นก็ไม่เคยญาติดีกันตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวด
หลังจากเขาได้ไล่ตะวันออกจากไร่ได้ข่าวว่ามันไปเป็นลูกน้องของเสี่ยคนดังของจังหวัด แถมยังทำเรื่องผิดกฎหมายอีก ไม่นานพอเสี่ยเหิมตายไอ้ตะวันก็ขึ้นเป็นใหญ่ นัยน์ว่ามันเป็นคนสังหารผู้มีพระคุณตายเสียเอง
“ผมกลับมาคราวนี้ จะไม่ปล่อยไอ้เพชรสุริยะให้ลอยนวลเด็ดขาด” แทนคุณพูดเสียงกร้าว
“แกคิดจะทำอะไรเรอะ” เทพเลิกคิ้วถามบุตรชาย
“คนเลวๆ อย่างพวกมันไม่สมควรจะอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป”
“ทำอะไรระวังตัวหน่อยแล้วกัน แกไม่อยู่หลายปีมันขยายอำนาจไปมาก แม้แต่กฎหมายยังทำอะไรมันไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับพ่อ คอยดูไปก็แล้วกัน”
แทนคุณพูดด้วยดวงตาแข็งกร้าวอีกครั้ง เขารู้จักเพื่อนรักอย่างปกรณ์ดี คิดว่าคงเป็นสวรรค์เข้าข้างที่ส่งเพื่อนอย่างปกรณ์มา เพราะปกรณ์นี่แหละที่จะร่วมมือกับเขาจัดการคนเลวสองพ่อลูกนั่น
“พ่อแก่มากแล้ว เหลือแกกับยัยเล็ก ที่จะดูแลกิจการของเราต่อไป”
“พ่อยังไม่แก่เสียหน่อย”
เทพหัวเราะในคำพูดของบุตรชายก่อนพูดว่า
“พ่อเพิ่งนึกออก จะบอกแกหลายวันแล้ว ว่าพ่อไปซื้อที่ดินเอาไว้ สวยมากอยู่บริเวณเทือกเขา แกน่าจะไปดูสักหน่อย จะปลูกอะไรค่อยว่ากัน แต่ถ้าปลูกทุเรียนหมอนทอง มะพร้าวน้ำหอม กล้วยพอว่าน่าจะโอเค”
เทพเปลี่ยนเรื่องพูด นึกขึ้นได้ว่าไปซื้อที่ดินเอาไว้ที่เทือกเขาแข่งกับตระกูลอัครมหาศาล แต่ยังไม่ได้ทำอะไรกับที่ดินตรงนั้นเพราะมัวแต่ยุ่ง พูดขึ้นมาแล้วนึกขึ้นมาได้เพราะที่ตรงนั้นเขาจะยกให้แทนคุณ ดังนั้นก็อยากให้ลูกชายไปจัดการซะให้เรียบร้อย
ถ้าปลูกทุเรียนที่นั่นดินดี ผลผลิตที่ได้รสชาติหอมหวานมันไม่เหมือนที่อื่น และส่งขายต่างประเทศ เขาคิดว่าน่าจะดีกว่าปลูกยางพาราที่ราคาตกต่ำอย่างในปัจจุบัน
“เหรอครับ น่าสนนะครับปลูกผลไม้เศรษฐกิจส่งขาย ยางพาราราคาตกต่ำ ถ้าลงปาล์มพื้นที่ตรงนั้นปลูกอะไรไม่ได้อีก ดินจะเสียไปเลย อีกอย่างที่ดินแถบปักษ์ใต้อุดมสมบูรณ์มาก รสชาติของทุเรียนเราอร่อยเพราะดินดีมากๆ” แทนคุณเสนอความคิดเห็นกับบิดา
“แล้วแต่ลูกนะ มะพร้าวน้ำหอมก็เป็นที่นิยม ปลูกกล้วยและพืชอื่นแซมพ่อว่าดีมากๆ ผลไม้หลายอย่างเราก็เอามาแปรรูปได้ ยัยเล็กกลับมาคงมีไอเดียร์เด็ดๆ เพราะเขาเรียนมาทางนั้น”
เทพเสนอความคิดเห็นคล้อยตามบุตรชาย เรื่องการปลูกพืชเศรษฐกิจเพราะรายได้มหาศาลนัก โดยเฉพาะทุเรียนหมอนทองมีเท่าไหร่ขายหมดเกลี้ยงไม่เคยเหลือ นอกจากส่งในประเทศก็ส่งไปยังต่างประเทศอีก
“ผมเห็นด้วยครับ แล้วจะแวะไปดูที่ ค่อยจัดสรรแบ่งปลูกให้เต็ม”
“พอดีกับน้องแกกลับมา ยัยเล็กเรียนจบ Food science น่าจะแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรของเราได้บ้าง