บทที่3 ยอมแพ้เพื่อเป็นผู้ชนะ 2
“ เอมวิกาเขาเยาะเย้ยอะไรเธอกันแม่ดาว ป้าก็เห็นเขานั่งทานข้าวเฉยๆ มีแต่เธอเท่านั้นที่อยู่ๆก็บ้าเอาข้าวในจานไปสาดใส่เขา”
“ แต่คุณป้าคะ”
“ เธอไม่ต้องพูดแล้วนับดาว พูดไปเธอก็ดีแต่ใส่ร้ายหนูเอมเขา ป้าเชื่อสายตาป้าเอง ภูตะวันจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยนะ ส่วนหนูเอมพาป้าไปพักที่ห้องที”
เอมวิกาลุกมายืนงงข้างตัวคุณวรรณวลี เธอเพิ่งสังเกตชัดๆตอนนี้เองว่าหญิงชรานั่งอยู่บนรถเข็นไม่ใช่เก้าอี้
“ รังเกียจไหมหนูเอมที่จะช่วยเข็นรถพาป้าออกไป”
“ ไม่ค่ะคุณป้า เพียงแต่เอมเพิ่งสังเกตว่าคุณป้านั่งรถ ไปค่ะเราออกไปข้างนอกกันดีกว่า”
เอมวิกาเข็นรถพาคุณวรรณวลีออกไป แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะหันไปทำหน้าเฉยๆให้นับดาวแต่ดวงตากลับมองอย่างเยาะเย้ยและถากถาง สมน้ำหน้าอยากเป็นศัตรูกับใครไม่อยาก แต่ดันมาอยากเป็นกับเอมวิกา ต้องเจอแบบนี้
แม้จะไม่ได้เห็นว่านับดาวจะเจออะไรที่รุนแรงแต่การที่ถูกคุณวรรณวลีตำหนิก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก วันนี้เจอแค่นี้พอคันๆ หญิงสาวยิ้มกระหยิ่ม
ขณะที่กำลังเข็นรถออกไปจากห้องเอมวิกาแอบหันไปมองสบตาภูตะวันนิดหนึ่ง สายตาของเธอที่อ่อนเชื่อมบ่งบอกความเจ็บช้ำที่ถูกผู้หญิงอีกคนกระทำทารุณได้ส่งไปให้ชายหนุ่ม
เธอไม่รู้หรอกว่าสายตาของเธอที่ส่งไปจะให้ผลอย่างไรบ้าง แต่เธอเชื่อแน่ว่าน้ำหยดลงหินและหินมันจะต้องผุกร่อนสักวัน หัวใจที่เย็นชาและแข็งแกร่งของภูตะวันต้องอ่อนลงให้เธอ และเมื่อนั้นเอมวิกาคนนี้จะเดินออกจากการเป็นคู่หมั้นของชายหนุ่มอย่างถาวร
พอลับร่างของผู้หญิงต่างวัยสองคน ภูตะวันจึงหันมามองนับดาวตรงๆอย่างขัดเคืองใจ ใครๆก็รู้ว่าชายหนุ่มรักมารดามาก อะไรที่จะขัดใจมารดาเป็นไม่ทำ แต่การกระทำของนับดาวเมื่อสักครู่ทำให้คุณวรรณวลีที่ไม่ค่อยจะชอบนับดาวอยู่แล้วยิ่งเพิ่มความไม่ชอบไปใหญ่
นับดาวเองพอจะรู้ตัวว่าเธอพลาดเสียแล้ว แต่ทางที่จะแก้ได้คือการอ้อนออเซาะชายหนุ่มตรงหน้าเข้าไว้ก่อน
“พี่ภูขา” ลำแขนยาวเรียวยกขึ้นโอบกอดรอบตัวชายหนุ่มอย่างออดอ้อนโดยไม่แคร์สายตาของเด็กรับใช้ที่กำลังเก็บกวาดแอบมองกันเป็นระยะๆ
ภูตะวันเห็นสายตาของคนเหล่านั้น เกิดความรู้สึกอึดอัดจนต้องปลดอ้อมกอดของหญิงสาวออกจากตัว
“ ปล่อยพี่เถอะดาว อายคนอื่นบ้าง”
“ อายทำไมคะ ในเมื่อเราไม่ใช่คนอื่น”
“ ใช่ เราไม่ใช่คนอื่น” ชายหนุ่มหยุดพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะสบตาสาวสวยที่อยู่ตรงหน้าอย่างจริงจัง
“ แต่เราเป็นญาติกัน เป็นพี่น้องกัน เธอควรจะสำรวมกว่านี้ เพราะพี่มีคู่หมั้นที่จะต้องแต่งงานกัน ถึงยังไม่แต่งตอนนี้แต่ก็เหมือนพี่มีเจ้าของไปครึ่งหนึ่งแล้ว และอีกอย่างที่พี่อยากจะบอกดาว อย่าทำกิริยาและนิสัยแบบเมื่อกี้กับคู่หมั้นพี่อีก”
คำพูดที่ยาวเหยียดของชายหนุ่มเรียกเสียงกรี๊ดจากนับดาว
เธอบอกตัวเองว่า เขาเปลี่ยนไป เขาเปลี่ยนจากผู้ชายปากจัดที่เคยดูถูกและหมิ่นแคลนผู้หญิงหลายคนที่มาข้องเกี่ยวด้วย
แต่สำหรับเธอเขาเป็นพี่ที่แสนดีสำหรับนับดาวมาตลอด เขาเปลี่ยนไปเพียงเพราะเขาเจอนางแม่มดคนนั้นไม่ทันข้ามวัน
เขาเปลี่ยนไป เขาตำหนิเธอทั้งน้ำเสียงและสายตา เขาห้ามไม่ให้เธอทำอะไรกับผู้หญิงคนนั้นอีก เพราะเธอคือคู่หมั้นของเขา เขายอมรับทั้งที่นางแม่มดคนนั้นไม่ได้มีดีอะไรเลย แถมยังเคยส่งคนมาขอถอนหมั้นด้วยซ้ำแต่คุณวรรณวลีไม่ยอม จึงเกิดการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทิ่มแทงหัวอกของนับดาวอยู่เช่นวันนี้
ภูตะวันจ้องมองสบตาที่มองเขาอย่างตัดพ้อเพียงชั่วครู่ ก่อนจะขยับตัวถอยห่างออกมา ถึงเขาจะรู้ว่านับดาวคิดกับเขาอย่างไร แต่เขาก็ไม่อาจสนองตามความต้องการของหญิงสาวไปได้ ไม่ใช่เพราะเธอไม่สวย แต่เธอคือคนที่ไม่ใช่สำหรับเขาต่างหาก และคนที่ใช่สำหรับเขาล่ะคือใคร คือผู้หญิงที่ปฏิเสธการแต่งงานกับเขาคนนั้นใช่ไหม
“ พี่ภูคะ” นับดาวจะขยับมาแนบชิดอีกครั้ง แต่กลับเหมือนถูกชายหนุ่มปฏิเสธดื้อๆด้วยการถอยหลังห่างออกไปถึงสองก้าว
“ พี่ภูรังเกียจดาวเหรอคะ” หญิงสาวตัดพ้อ ก่อนจะซ้อนสายตาที่มีน้ำตาเอ่อคลอเล็กน้อยขึ้นมาให้ชายหนุ่มเห็น
ภูตะวันถอนหายใจพรืดออกมาก่อนจะเดินออกจากห้องไปเงียบๆ ไร้ซึ่งการปลอบใจอย่างที่นับดาวคาดหวัง หญิงสาวทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนกระทืบเท้าอย่างคับแค้นใจ
ภายในสวนหลังบ้าน เอมวิกาเข็นรถของคุณวรรณวลีมาหยุดดูต้นไม้ดอกไม้ในยามค่ำคืนอย่างสบายใจ หญิงสูงวัยเองก็มีท่าทีผ่อนคลายลง
“คุณป้าคะ เอมต้องกราบขอโทษคุณป้านะคะที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น” หญิงสาวคุกเข่ากราบลงไปบนตักของคุณวรรณวลี เหมือนอย่างคนทำผิดแล้วสำนึกผิด แต่จริงแล้วตอนที่หน้าก้มลงไปกราบ หญิงสาวแอบยิ้มไปด้วย
“ โถ แม่คุณของป้า ไม่เป็นไรหรอก มันไม่ใช่ความผิดของหนูเอม” มือที่ผอมบางยกมาลูบบนศีรษะของหญิงสาวอย่างรักใคร่
“ แต่เอมทำให้นับดาวไม่พอใจ” หญิงสาวเงยหน้าที่มีน้ำตาคลอขึ้นมอง
“ ช่างนับดาวสิ อย่าไปสนใจผู้หญิงคนนั้นเลยหนูเอม เขาไม่ได้มามีความสำคัญกับครอบครัวเรา”
“ แต่คุณภูตะวัน”
“ ภูเขาก็ไม่ได้มีอะไรกับนับดาว นอกจากความเป็นญาติห่างๆแค่นั้นเอง”
“ แต่”
“ ไม่มีแต่จ้ะ เชื่อป้านะลูกทำใจให้สบาย และอยู่ที่นี่ให้เหมือนบ้านของตัวเอง”
“ ค่ะคุณป้า”
กว่าภูตะวันจะเดินหามารดาพบ ก็เป็นเวลาที่หญิงต่างวัยชวนกันเข้าบ้านแล้ว ชายหนุ่มเห็นการกระทำของหญิงสาวแล้วให้นึกสงสัยว่าอย่างไหนคือตัวตนของเอมวิกากันแน่
“ เข้าบ้านแล้วเหรอครับคุณแม่ ผมว่าจะมาคุยด้วย” ภูตะวันเอ่ยทักมารดาเมื่อเอมวิกากำลังจะเข็นรถผ่านไป
“ จ้ะภู ดึกแล้ว แม่อยากให้หนูเอมพักผ่อนเพราะวันนี้เดินทางมาไกล”
ภูตะวันเดินตามทั้งสองมาจนถึงหน้าห้องนอนของมารดาชายหนุ่มรีบเปิดประตูให้หญิงสาวเข็นรถมารดาเข้าไป จากนั้นเขาจึงตามมาซ้อนร่างของคุณวรรณวลีอุ้มขึ้นนอนบนเตียง
เอมวิกามองภาพที่ชายหนุ่มทำให้มารดาอย่างประทับใจ ผู้ชายคนนี้ ไม่ว่าจะดูส่วนไหนทั้งรูปร่างหน้าตาดูดีไปหมดทุกอย่าง และนอกจากเขาจะสมาร์ทรูปงามแล้ว บุคลิกของเขา ไม่ว่าจะนั่งหรือยืน แม้แต่ยามพูดคุยดูดี เขาเป็นผู้ชายที่มองดูอบอุ่น แถมกิริยาวาจาที่เขาใช้กับมารดาของเขาก็ดูนิ่มนวลอ่อนหวาน มองแล้วเขาคงจะเป็นคนที่รักแม่มาก
หากใครได้เขาเป็นพ่อของลูก และเป็นหัวหน้าครอบครัวคนๆนั้นคงจะมีความสุขมาก
แล้วเธอล่ะ เธอมีโอกาสที่จะได้เขามาครอบครอง ทำไมเธอยังคิดที่จะผลักไสเขาอีก
“ หนูเอมไปผักผ่อนเถอะ”
เสียงของคุณวรรณวลีปลุกให้หญิงสาวตื่นจากภวังค์ เธอหันไปมองคนทั้งคู่ก็เห็นว่าสองแม่ลูกกำลังมองเธออยู่ โดยเฉพาะดวงตา คมกริบที่มองสบมาสะกิดหัวใจเอมวิกาอยู่ลึกๆ
“ เอ่อ ค่ะ” หญิงสาวหน้าร้อนผ่าวในความมืด
“ คุณป้าหิวไหมคะ ทานข้าวไปได้นิดเดียวเอง เอานมสักแก้วไหมคะ เดี๋ยวเอมไปเอาให้”
“ จ้ะ ดีเหมือนกัน ท้องว่างๆอยู่พอดี”
ภูตะวันมองหญิงสาวที่เดินออกไปเอานมให้มารดาจนลับสายตา
“ ชอบละสิใช่ไหมภู”
ชายหนุ่มหันมาส่งยิ้มให้มารดาอย่างรักใคร่
“ ก็ชอบครับคุณแม่ เขาดูน่ารักดี แต่ผมยังไม่แน่ใจกับนิสัยของเขา”
“ ของแบบนี้มันก็ต้องใช้เวลากันบ้าง”
ชายหนุ่มเห็นด้วยกับมารดา ถึงแม้ว่าเอมวิกาจะเคยปฏิเสธการแต่งงานกับเขามาแล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอมีคนที่รักอยู่แล้ว
“ จำคำที่พ่อสอนได้ไหมลูก ว่าอย่ามองคนที่ภายนอก”
“ จำได้ครับ”
และนี่เองคือเหตุผลที่ว่า ทำไมเขาไม่ตอบตกลงทันทีที่เอมวิกาขอถอนหมั้น เพราะคำพูดเหล่านี้นั่นเอง เขาจะเปิดโอกาสให้ทั้งตัวเองและเอมวิกา
หากว่าเขาและเธอเป็นเนื้อคู่กันจริงอย่างไรเสียคงไม่แคล้วคลาดกัน ชายหนุ่มถอนหายใจออกมายาวเหยียด ก่อนจะหันไปมองประตูห้องที่ค่อยๆเปิดออกช้าๆ ร่างบางสมส่วนก้าวเข้ามาพร้อมประคองแก้วนมมาอย่างระมัดระวัง
ผู้หญิงคนนี้มีอะไรอีกมากมายที่เขายังมองว่ามันขัดกัน นิสัยที่บางครั้งเหมือนคุณหนูที่เอาแต่ใจ แต่บางครั้งเหมือนหญิงสาวที่อ่อนหวาน ไร้พิษสง แต่บางครั้งเหมือนแม่มดนางมารที่มีคาถาอาคมทำให้เขาใจสั่นได้ยามเข้าใกล้เธอ