บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3

“บอกกับพ่อหนูว่าเอาไว้ลุงมีเวลาเมื่อไร จะแวะไปหาที่กรุงเทพฯ คุณกันทางโทรศัพท์มันไม่เห็นหน้า ไม่เหมือนกับได้นั่งสวนเสเฮอา นึกอยากร่ำสุรากันในวงเหล้าตามประสานผู้ชาย”

คุณพิทยากล่าวจบก็หัวเราะเบาๆ แลเห็นเส้นที่ร่องแก้มหยักลึกลงชัดไปตามวัย

รอยยิ้มผุดพรายขึ้นที่ใบหน้าของชายสูงวัยอีกครั้ง เมื่อได้เอ่ยถึงมิตรภาพเก่าๆ

“หนูได้ยินคุณพ่อพูดถึงคุณลุงบ่อยๆค่ะ คุณพ่อเคยเปรยเอาไว้ว่าจะพาครอบครัวขึ้นมาเยี่ยมคุณลุง แต่บังเอิญมาเกิดเรื่องขึ้นมาเสียก่อน”

แววตาสวยหวานนั้นมีแววเศร้าปรากฏขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ความกังวลใจฉายออกมาให้เห็นอย่างมิอาจปิดซ่อน เมื่อเอ่ยถึงเรื่องร้ายที่เพิ่งเกิดกับพี่ชายร่วมสายเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุให้เธอต้องขับรถจากกรุงเทพฯมาถึงเชียงใหม่ เพื่อขอความช่วยเหลือจากสหายเก่าของผู้เป็นบิดา

“เรื่องชานนท์ พี่ชายของหนู...ลุงเสียใจด้วย”

คุณพิทยาสีหน้าเศร้าลงทันใด รู้เรื่องที่ชานนท์หายไปจากปากของพริม มื่อตอนที่โทรนัดหมายหันทางโทรศัพท์

กล่าวจบก็ปรายสายตาไปยังผืนป่าเปลี่ยวและดิบชื้นเบื้องหน้าด้วยแววตากังวล ผืนป่าที่กว้างใหญ่อุดมสมบูรณ์ แลดูลึกลับซับซ้อนเกินกว่าจิตใจจะหยั่งได้

แม้ป่าผืนนี้…เขาอาจจะเคยย่ำเคยผ่านมันมาอย่างโชกโชนเมื่อครั้งอดีตก็จริง ทว่าไม่ใช่บริเวณที่ชานนท์หายไป เพราะทุกคนรับรู้ว่าผืนป่าบริเวณที่สันนิษฐานว่าชานนท์หายไปนั้น มีความลึกลับซับซ้อน ซ่อนไว้ด้วยปริศนาและมนต์ไพรมากมาย เป็นผืนป่าอาถรรพ์ที่กลืนกินชีวิตของผู้คนมานับไม่ถ้วน

พรานและคนชำนาญไพร ต่างรู้กันดีว่าชีวิตมากมายที่พลัดหลงเอาวิญญาณเข้าไปถมทับกันเป็นสุสาน เพราะความละโมบโลภมากของมนุษย์ ที่หวังจะไปขุดหาขุมทรัพย์ในดินแดนที่ยังไม่เคยมีใครเอาชีวิตรอดกลับมายืนยันได้ว่ามันมีอยู่จริง นอกจากเอาวิญญาณกลับมาเข้าฝันญาติพี่น้อง เล่าขานต่อๆกันมาเป็นตุเป็นตะ ถึงความมีอยู่จริง…หรือไม่จริงของมัน

“สุสานสาละวิน”

ชายวัยกลางคนรำพึงขึ้นลอยๆ สีหน้าเป็นกังวล

จากข้อมูลเบื้องต้นที่เพิ่งได้สอบถามมาจากเพื่อนฝูงที่เคยย่ำป่ามาด้วยกัน เดาได้ว่าบริเวณที่ชานนท์พลัดหลงเข้าไป ต้องเป็นสุสานอาถรรพ์แห่งนั้นอย่างแน่นอน

“สุสานสาละวินหรือคะคุณลุง?”

ดวงตาของหญิงสาวเบิกโต ทวนถ้อยคำที่ได้ยินชัด คิ้วโค้งราวเสี้ยวจันทร์คว่ำ ขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย

“ใช่...ลุงสันนิษฐานว่าสุสานสาละวิน คือบริเวณที่พี่ชายของหนูพลัดหลงเข้าไป” คุณพิทยากล่าวพร้อมกับถอนหายใจลึกยาวออกมาอีกครั้ง

“ชื่อน่ากลัวจัง”

หญิงสาวขนลุกซู่ ยกมือขึ้นลูบท่อนแขนของตัวเองไปมา

เมื่อจู่ๆ…สายลมระลอกใหญ่ก็กรรโชกพัดใบไม้แห้งกรอบที่กองทับถมอยู่ใต้โคนต้นไม้ใหญ่ เสียงดังแกรกกราก ทั้งคู่หันไปใบไม้ที่ถูกแรงลมลากพลิกไปตามพื้นหลายตลบ

พริมทอดสายตาไปยังผืนป่าเขียวขจีตรงหน้า แลเห็นใบกล้วยป่าโบกสะบัดล้อเล่นกับแรงลมอยู่ไหวๆ มองไกลๆ เหมือนใครบางคนกำลังกวักมือเรียกเธอ

ดวงตาหวานวาวของหญิงสาวมองเหม่อเหมือนต้องมนต์

“หนูพริม!...”

เสียงของลุงพิทยาดังขึ้น

“คะ!...”

หญิงสาวสะดุ้ง

คล้ายเพิ่งคลายออกจากอาการถูกสะกดด้วยมนต์ไพร

กังวานเสียงของลุงพิทยาช่วยฉุดเธอออกจากภวังค์ป่า ในวินาทีที่หญิงสาวรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังตกอยู่ในอาการถูกสะกดอยู่ในตอนนั้น

“นานแค่ไหนแล้ว...ที่พี่ชายของหนูหายไป”

กล่าวพร้อมกับยกถ้วยชาขึ้นจิบ ชวนหลานสาวเข้าธุระที่ทำให้เธอต้องขับรถมาไกล

“นับถึงวันนี้ ก็ได้เจ็ดวันแล้วค่ะคุณลุง”

พริมตอบด้วยน้ำเสียงเศร้า ขณะที่สายตายังจับจ้องไปที่หุบป่าที่ถูกขนานนามว่า ‘สุสานสาละวิน’

“ด้านทิศตะวันตกที่หนูกำลังมองอยู่นั่นแหละ...ที่ผู้คนขนามนามว่าสุสานสาละวิน” คุณพิทยาชี้มือนำสายตาออกไปที่ผืนป่าเบื้องหน้า พริมทอดสายตามองตาม

“ทำไมชื่อสุสานสาละวินคะ?” ความสงสัย ดลใจให้หญิงสาวเอ่ยถาม

“บริเวณนั้นถูกล่ำลือต่อๆกันมาว่ามีขุมทรัพย์” ชายวัยกลางคนกล่าว แววตากังวลครุ่นคิด

ทว่าจากที่พริมได้คุญกับพี่ชาย ในวันก่อนหน้าที่เขาตัดสินใจเดินทาง พริมยังจำได้ดีว่าสิ่งที่พี่ชายตั้งใจจะไปเสาะหานั้นไม่ใช่ขุมทรัพย์อย่างแน่นอน แต่เป็นกล้วยไม้ ‘เอื้องพลายชมพู’ (Pleione Praecox ) กล้วยไม้ที่สวยงาม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel