ลีลา 2
ฉะนั้นกลุ่มผู้หญิงที่เพิ่งนั่งลงตรงโต๊ะด้านหลัง จึงถูกเมินเพื่อนทั้งสามหันไปสนใจพฤติกรรมของเจฟาร์นที่เดินจ้ำอ้าว คล้ายๆจะเดินตามใครรู้จักหรือคุ้นเคย ไม่ถึงห้านาทีเจฟาร์นเดินกลับมา พร้อมใบหน้าเครียดขึง
“เกิดอะไรขึ้นวะแกเดินไปหาอะไรหรือใครไอ้โต” โรเจอร์มองตามเจฟาร์นกระทั่งเขาเดินกลับมา พร้อมพกพาใบหน้าห่อเหี่ยวราวกับผิดหวังอย่างแรง มองเลยไหล่ผึ่งผายของเพื่อนรักไปโดยไม่เจาะจงจุดโฟกัส ยังไม่เห็นใครขนาดที่ทำให้เพื่อนเดินตามอย่างลืมตัว มีเพียงแม่สาวหุ่นน่าฟาดทั้งสามที่นั่งอยู่โต๊ะด้านหลังเท่านั้นน่าสนใจ
“ไม่มี...อะไร” จริงๆคือมีเขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาคุ้น คล้ายเคยเจอที่ไหนสักแห่งดันนึกไม่ออก จึงเผลอเดินตามไปท่ามกลางฝูงชนเมื่อกี้ แต่จู่ๆร่างอรชใบหน้างดงามกลับหายไปท่ามกลางฝูงชนที่เดินกันขวักไขว่ จู่ก็ดันมีผู้ชายตัวใหญ่เดินมาขวางหน้าไว้ ขณะแทรกตัวผ่านชายตัวใหญ่นั้นไปได้ ร่างบางอรชรที่เขาเห็นเมื่อกี้กลับอันตรธานหายไปจากสายตาว่องไวเฉยๆ
“ตกลงยังไง” ทวิภาคมองหน้าเจฟาร์นสลับกับชลชาติทว่าในความหมายของสายตาต่างกัน
“ฉันคงตาฝาดไม่มีอะไรวะ” เจฟาร์นขยับแว่น ไอ้แว่นกรอบสีดำเนิสๆแบบนี้ไม่ได้ช่วยในการมองเห็นซะเลย เขาโทษแว่นสายตาใส่เพื่อกันอาการบางอย่างที่แฝงในตัวและจิตสำนึกของเขาเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสายตาสั้นหรือยาวเลยสักนิด
“งั้นก็แล้วไปนี่ขนาดใส่แว่นนะไอ้โต” โรเจอร์เย้าอย่างรู้ตื่นลึกหนาของกันและกัน ทำไงได้คนมันรู้ไส้รู้พุงกันมาตั้งแต่วัยอนุบาลตอนที่อยู่นิวยอร์กกระทั่งย้ายมาเมืองไทย
“ตกลงคืนนี้เอาไงวะพวกฉันรอคำตอบ” ทวิภาคเอ่ยขณะชลชาติต่างก็ลุ้นไปพร้อมกัน
“เจอกันที่เดิม” เจฟาร์นบอกที่หมายเดิม หนุ่มโสดไร้สารอย่างพวกเขา ทำไมเสียเวลานอนอุดอู้อยู่ที่บ้าน ต้องออกไปหาสิ่งใหม่ๆ สาวคนใหม่ รสชาติหวานๆตับหอมๆถึงจะถูก
“ละเมอ” ผับประจำของคนชอบความสนุกเต็มพิกัด ทั้งสุรานารีเสียงเพลงจัดเต็ม โดยเฉพาะนารีไม่จำเป็นต้องหิ้วไปให้เสียเวลา ไปหาเอาดาบหน้าหนุ่มทั้งสี่ต่างก็รู้กันดี คนที่ได้สาวไปกินจะมีใครนอกจากเจฟาร์นคนอื่นได้ทีหลังตลอดศก
“ตามนั้น” ทั้งสามลงความเห็นตามนั้น สถานที่สังสรรค์ที่พวกเขาไม่อาจปฏิเสธดีที่สุดสำหรับคนโสด
“เวลา” โรเจอร์แสร้งถามเผื่อเพื่อนรักคิดเปลี่ยนแปลงเวลา เห็นว่าต้องไปหาน้องคนนั้นคนนี้ตามแต่ใจถวิลหา
“ห้าทุ่มหกสิบ” เขาบอกเวลาแบบกวนประสาท ท่าทียียวนในแบบฉบับ
“เวรจะบอกเที่ยงคืนมันตายหรือไง” โรเจอรสะบัดเสียงว่า
“เวลาเดิมทำเป็นถามฉันไปล่ะมีนัดกับน้องน้ำหวาน” เขาต่อว่าเพื่อนไม่จริงจังนักพลางเอ่ยถึงนัดกับผู้หญิงที่เพื่อนทั้งสามเพิ่งได้ยินชื่อนี้โผล่ขึ้นมาในสารระบบของเจฟาร์นอีกคน ทั้งสามถึงกับเบิกตาไม่ได้แปลกใจแต่เพราะอยากรู้ว่าไปได้มาตอนไหนสำหรับน้องน้ำหวานคนนี้
“ว่าแต่มายังไงวะน้องน้ำหวานที่ว่าเนี่ย” โรเจอร์ขันอาสาเป็นหน่วยกล้าหาญเสมอ เพราะไม่เคยกลัวเจฟาร์น ถึงแม้พนักงานทั้งสำนักงานเกรงขามคุณซีอีโอคนนี้ก็ตาม เนื่องจากบุคลิกในเวลาบริหารงานของเจฟาร์นแตกต่างจากเวลาส่วนตัวเวลาอยู่ต่อหน้าเพื่อนโดยสิ้นเชิง
“ในโซเชียล” เขาตอบคำถามด้วยใบเจ้าเล่ห์นิดๆ ตามบุคลิกอีกแบบของเขา
“สาวในโซเชียล” โรเจอร์หลิ่วตาพร้อมตั้งคำถาม ผู้หญิงของเพื่อนคนนี้เข้ามาในชีวิตทุกรูปแบบทุกทาง คราวนี้มาแบบโซเชียลยอดฮิต อินสตาร์แกรม ทวิตเตอร์ วอชแอ็บ เฟซบุ๊คส์ หรือมีอะไรที่โรเจอร์ตามไม่ทันอีก เขาไม่นิยมหมกมุ่นกับการสื่อสารยอดนิยมพวกนี้ สำหรับเขาเจอกันตัวจริงเสียงจริงไม่ต้องแอบต้องแอ๊บดีที่สุด
“ติดต่อกันนานยังวะ” คราวนี้เป็นทวิภาคที่ถามขึ้นบ้าง สำหรับเขาการหาเพื่อนหรือหาสาวในโซเชียลจัดว่าแค่คุยสนุกไม่เคยคิดนัดเจอหรือสานสัมพันธ์ ถ้าคุยกันถูกคอจริงๆก็คุยกันเรื่อยๆก่อนนอน เพื่อให้ได้ฝันหวานมีเพื่อนคุยคลายเหงา ส่วนใหญ่ขี้เกียจพิมพ์ พิมพ์ช้าพิมพ์ไม่ทันบ้าง เบื่อก็ออกจากระบบตัดปัญหา
“วันสองวันนัดเจอตัวครั้งนี้เจอครั้งที่สอง” เขาเล่าไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น ในเวลางานเขาไม่เล่นการสื่อสารแบบนี้ ตั้งใจมุ่งมั่นทำงานมากกว่า ทว่าก่อนนอนเขาก็แค่แวะๆ แอดเพื่อนคุยนิดหน่อยพอดีเจอสาวหน้าตาหุ่นถูกใจ อยากรู้จักแกล้งนัดแนะ หล่อนดันมาจริงเขาก็ไม่ขัดศรัทธาไปเจอก็ตามรูป น่ารัก สวยใส ไซต์สรีระเข้าตาจึงขอเก็บไว้สานสัมพันธ์ต่อ
“ครั้งแรก...” คำถามของโรเจอร์ลึกกว่าอยากรู้ว่าครั้งแรกน้องน่ารักไหม หรือน้องสวยไหมแต่หมายถึงได้กันไปยังประมาณนี้ เจฟาร์นอ่านสายตาโรเจอร์ทะลุปรุโปร่ง
“นัดเจอนัดกินข้าวไม่มีอะไร ยังไม่ได้สานไปถึงขั้นแอดวานซ์” เพราะเขาเจอน้ำหวานตอนกลางวัน ในเวลาปกติทุกอย่างจึงค่อยๆคืบตามมารยาทอันงดงาม นั่นจริงๆไม่ค่อยพบบทบาทปกติของเจฟาร์นนัก เขาคือผู้ชายสองด้านที่คนทั่วไปเข้าไม่ถึง ด้านหนึ่งสุขุมนุ่มลึกมาดผู้นำ อีกด้านเจ้าชู้จัดหาตัวจับยากคารมเป็นเลิศสาวๆระทวย
“ว่าแต่ไปเสียแรงกับน้องน้ำหวานอะไรนั่นคืนนี้จะไหวเหรอวะ สาวเพียบนะเว้ยคืนวันเสาร์แบบนี้” โรเจอร์โฆษณาอ่อยเหยื่อเจฟาร์นตอนนี้เปลี่ยนใจยังทัน
“นัดกินข้าว” ตั้งใจเช่นนั้นเขาควรรักษามารยาทระหว่างความสัมพันธ์เพิ่งคืบคลานบ้าง ไม่ใช่เอะอะจัดการรวบตึงอย่างกะทันหันจากนั้นก็ขอคืนพื้นที่ท่าเดียว
“กินข้าว...หึข้าเห็นเอ็งต่ออย่างอื่นทุกที” ว่าอย่างรู้ทันตามธรรมเนียมชายมากเสน่ห์ ครบเครื่องทุกเรื่องผู้หญิงคนไหนก็ตามที่ได้เจอเจฟาร์นยากปฏิเสธความสมบูรณ์แบบในตัวเพื่อนคนนี้ทั้งสิ้น
“เออ...ไม่รู้สักเรื่องได้ไหมไอ้เจ่อ” เจฟาร์นต่อว่าเพื่อนรักหมอนี่รู้เรื่องเขามากเกินไปจริงๆ พูดมากขนาดนี้พาไปไหนด้วยไม่ได้ซะแล้วไก่ตื่นกันพอดี
“ข้าชื่อโรเจอร์เว้ย” โรเจอร์เน้นชื่อตัวเอง หนุ่มทั้งสองไม่เคยโกรธกันจริงจัง มากกว่าเรียกฉายายังเคยปะทะคารมย์กันมาแล้วแค่นี้ถือว่าน้อยด้วยซ้ำ
“หายกันไงแกเรียกฉันโต ฉันก็เรียกแกเจ่อมั่ง ฉันแค่ไปกินข้าวกับน้องเขาเฉยๆ ส่วนอย่างอื่นแล้วแต่น้องเขาเสนอ ฉันมีหน้าที่สนอง ถ้าเป็นแกเจออ้อนคะขา พี่อย่างนั้นอย่างนี้ใจแข็งได้ลงคอหรือวะ” เจฟาร์นมักใจอ่อนกับเพศตรงข้ามประเภทรูปร่างหน้าตาดี สรีระตรึงตาทุกส่วนตรึงใจเสมอ แพ้คำหวาน แพ้เสียงออดอ่อน เขาขาดภูมิคุ้มกันสตรีชนิดขั้นรุนแรง ยากหาสถานพยาบาลที่ไหนรักษาได้
“เออ ไปเถอะเจอกันเทียงคืนที่ละเมอห้ามสายห้ามเบี้ยว และที่สำคัญห้ามหมดแรงก่อนได้กินตับใหม่ๆ” โรเจอร์มันปากสนุกพูดจาพาเสียวอย่างนี้ประจำ แต่เป็นเขาคนเดียวที่ไม่คล้องหญิงกลับบ้านในทุกครั้ง
“ไม่มีทาง” เจฟาร์นมั่นในตัวเองสูง มักอยู่ในกรอบตามใดที่บนหน้ายังมีแว่นเทวดาอันนี้ช่วยกันตัวเองจากสิ่งยั่วยุที่มาพร้อมกันทั้งสี่ด้าน รูป รส กลิ่น เสียง เออ มีอันที่ห้าด้วย สัมผัสประเด็นนี้รุนแรงถ้าได้สัมผัสมักห้ามใจไม่อยู่
“ว่าแล้วไง...แกไม่ได้ไปกินข้าว” โรเจอร์รู้ทันอีกแล้วเขายักคิ้วข้างขวาล้อเลียนคนเป็นภูมิแพ้อย่างปลัดสำนักระบายน้ำเช่นเจฟาร์น ฉายาที่เขามอบให้เพื่อนรักคนนี้เพียงคนเดียว คืนหนึ่งต้องได้ระบายน้ำในตัวไม่อย่างนั้นหงุดหงิด
“เอ้ย บอกแล้วไงไปกินข้าว” เจฟาร์นปฏิเสธกลั้วหัวเราะ ไม่นึกโกรธเคืองโรเจอร์เลยไม่ว่าผ่านมาสักกี่ปีก็ตาม หลายเรื่องที่โรเจอร์เตือนถือได้ว่าถูกต้องทว่าเขาเองหัวดื้อไม่ทำตามคำเตือนของโรเจอร์เอง โดยเฉพาะเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาร่วมสิบกว่าปีมาแล้ว