บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

เมื่อณัฐริกาตัดสินใจได้ว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร เธอก็กลับไปนั่งทำงานที่เธอรักได้อย่างสบายใจ และกะว่าจะพูดเรื่องนี้กับลูกคืนนี้ ในขณะนั้นเองธิชาก็รู้สึกไม่สบายใจกับสิ่งที่เธอทำลงไป และถึงแม้จะตัดสินใจแน่นอนแล้ว ไม่ว่ายังไงเธอก็จะเดินทางไปเมืองไทยตามหมายกำหนดการเดิม แต่ทำไมกลับรู้สึกทุกข์ใจมากมายกับการตัดสินใจลงไปในครั้งนี้ เพราะใจจริงแล้วธิชาอยากทำตามความฝัน โดยได้รับการยอมรับจากมารดาของเธอด้วยนั่นเอง

ในยามค่ำคืนของวันนั้นเองณัฐริกาเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของลูก และพบว่าบุตรสาวของเธอนั้นกำลังยืนเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า อีกทั้งยังไม่รับรู้ถึงการมาของเธอ

“ธิชาแม่มีเรื่องจะพูดกับลูก” หญิงสาวผู้อ่อนวัยกว่าหันไปตามเสียงเรียก

“มานั่งตรงนี้” หญิงสาวเดินไปนั่งบนเตียงนอนข้างผู้เป็นมารดา ณัฐริกาเอื้อมมือไปกุมมือของลูกสาวก่อนจะเปิดประเด็นการพูดคุย

“แม่ตัดสินใจแล้วว่าจะยอมให้ลูกไปเมืองไทย เพื่อทำตามความฝันของลูก” คำพูดของแม่ทำให้ณัฐริกาถามกลับไปด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“แม่พูดจริงเหรอคะ ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณที่เข้าใจธิชา”

“อย่าเพิ่งพูดขอบคุณแม่เลยเพราะแม่ยังพูดไม่จบ แม่จะยอมให้ลูกทำอย่างที่ลูกต้องการ แต่นั่นต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขของแม่”

“เงื่อนไข! เงื่อนไขอะไรคะ?”

“แม่จะให้เวลาธิชาหนึ่งปี ในเวลาหนึ่งปีลูกจะทำอะไรก็ได้โดยที่แม่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่เมื่อครบกำหนดหนึ่งปีลูกจะต้องกลับมาที่นี่ และเรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับโลกแฟชั่น เพราะแม่จะให้ธิชาเป็นผู้สืบทอดกิจการต่อจากแม่”

“แม่หมายถึงจะให้ธิชาดูแลร้านเสื้อ และแบรนด์ดังณัฐริก้าต่อจากแม่อย่างนั้นเหรอคะ”

“ใช่เพราะลูกเป็นทายาทเพียงคนเดียวของแม่จึงต้องเป็นผู้ทำหน้าที่นี้”

“แต่ธิชาไม่มีความรู้เกี่ยวกับทางด้านการออกแบบนะคะ”

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นแม่จะเป็นคนสอนและคอยเป็นที่ปรึกษา พร้อมทั้งผลักดันให้ลูกก้าวขึ้นมายืนอยู่แถวหน้าของวงการแฟชั่นได้อย่างแน่นอน ขอเพียงลูกทำทุกอย่างตามที่แม่บอกเท่านั้น” สำหรับณัฐธิชาแล้วเงื่อนไขของแม่มันยากมากที่จะทำ แต่เพราะเธอต้องการและมุ่งมั่นที่จะทำงานดนตรีที่เธอรัก ทำให้เธอต้องจำใจยอมรับเงื่อนไขนั้นของแม่ เพราะอย่างน้อยเธอก็จะได้ลองทำในสิ่งที่ตนเองคาดคิดไว้ โดยที่ไม่รู้เลยว่าคำพูดของเธอในวันนี้ จะกลับมาสร้างความยุ่งยากให้กับตัวเองในวันข้างหน้า

“ตกลงค่ะแม่ธิชายอมรับเงื่อนไขของแม่”

“ลูกรู้ใช่ไหมว่าการไปใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทยเพียงลำพังมันไม่ง่ายอย่างที่คิด” ณัฐริกาพูดพร้อมกับลูบหัวของลูกเบา ๆ ที่จริงแล้วเธอไม่ใช่คนอ่อนหวาน การแสดงออกด้วยความอ่อนโยนเช่นนี้น้อยครั้งนักที่เธอจะทำแม้กับลูกก็เถอะ เรียกได้ว่าเธอมีปัญหากับการแสดงออกถึงความรู้สึกของตนเอง

“แต่เมื่อลูกตัดสินใจที่จะทำแม่จะยอมรับการตัดสินใจของลูก และหวังว่าเมื่อครบกำหนดที่เราตกลงกันไว้ลูกก็จะกลับมาทำหน้าที่ของลูกเช่นกัน แต่ถ้าลูกทนไม่ไหวจะกลับมาก่อนกำหนดแม่ก็ยินดีต้อนรับเสมอ”

“ขอบคุณค่ะแม่ธิชารักแม่นะคะ” หญิงสาวผู้อ่อนวัยกว่าพูดพร้อมกับสวมกอดผู้เป็นมารดา ณัฐริกาก็สวมกอดลูกสาวไว้เช่นกัน

“แม่ก็รักลูกถึงแม้ว่าแม่จะไม่ได้แสดงออกบ่อยนัก แต่หนูรู้ใช่ไหมว่าแม่รักหนูมากแค่ไหน” ณัฐธิชาพยักหน้าแทนคำตอบ

“ธิชาขอโทษค่ะที่แสดงกิริยาไม่ดีกับแม่เมื่อตอนกลางวัน”

“ไม่เป็นไรแต่อย่าทำอีกก็พอ ลูกจะเดินทางเมื่อไร”

“วันพุธหน้าค่ะ”

“จัดเตรียมทุกอย่างพร้อมหรือยัง”

“พร้อมแล้วค่ะ”

“นี่ก็ดึกแล้วลูกพักผ่อนเถอะแม่ก็จะไปนอนเหมือนกัน” แต่ก่อนที่แม่จะเปิดประตูห้องธิชาได้ถามถึงสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจ

“แม่คะอะไรทำให้แม่เปลี่ยนใจคะ”

“เพราะคำพูดของลูก...ลูกพูดถูกถ้าพ่อของลูกยังอยู่เขาจะต้องสนับสนุน ให้ลูกทำตามความฝันของลูกอย่างแน่นอน เหมือนอย่างที่เขาเคยสนับสนุนแม่ แต่แม่อาจทำหน้าที่ได้ไม่ดีเหมือนอย่างที่พ่อของลูกทำ นั่นเป็นเพราะแท้จริงแล้วแม่ไม่เห็นด้วย และไม่อยากให้ลูกร้องเพลงเป็นอาชีพ แต่เมื่อลูกตัดสินใจแล้วแม่จะเคารพการตัดสินใจของลูกในแบบฉบับของแม่” พูดจบก็เดินออกจากห้องไปปล่อยหญิงสาวกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจสุดขีด ที่แม่อนุญาติให้เธอไปอยู่เมืองไทยหนึ่งปี

ณัฐธิชาเกิดและเติบโตที่ปารีสซึ่งเป็นเมืองแห่งแฟชั่นอย่างแท้จริง ผู้ที่อยากเกิดในโลกแฟชั่นต่างก็มุ่งหน้ามาที่นี่ เพื่อสรรค์สร้างผลงานให้เป็นที่ยอมรับ และก้าวสู่ความเป็นหนึ่งในวงการแฟชั่น และหนึ่งในนั้นก็มีแม่ของเธอรวมอยู่ด้วย แบรนด์ “ณัฐริก้า” โด่งดังไปทั่วโลก คืนนั้นหญิงสาวหลับไปด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข

เมื่อถึงวันเดินทางณัฐธิชามาที่สนามบินโดยมีแม่เดินทางมาส่งเธอที่นั่นด้วย ณัฐธิชากล่าวลาเธอเพื่อเดินทางไปเมืองไทย ที่เธอเลือกที่จะไปเมืองไทยก็เพราะว่าที่นั่นเป็นบ้านเกิดของพ่อกับแม่ หญิงสาวสูญเสียบิดาไปตั้งแต่ยังเด็ก แต่ก็ยังจดจำได้ว่าพ่อรักเธอและแม่มากแค่ไหน มากจนยอมละทิ้งทุกอย่างที่นั่นและตามแม่ของเธอมาตั้งรกรากอยู่ที่ปารีส

ยามว่างพ่อมักจะชอบเล่าถึงเมืองไทย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของพ่อกับแม่ให้เธอได้ฟังอยู่บ่อย ๆ และยังสัญญาว่าจะพาเธอไปที่นั่นด้วย แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำตามสัญญาก็ต้องมาประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิตทันทีโดยไม่มีคำร่ำลา และนี่เองคือสิ่งที่ณัฐธิชาบอกกับตัวเองเสมอว่าจะต้องไปที่เมืองไทย ซึ่งประเทศบ้านเกิดอันเป็นที่รักของพ่อกับแม่ให้ได้ ไม่ใช่ไปในฐานะนักท่องเที่ยว แต่เธอจะใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเลยอย่างน้อยก็สักระยะหนึ่ง

“แม่คะ...ธิชาไปก่อนนะคะ แม่อยู่ทางนี้อย่าทำงานหนักหรือหักโหมมากจนเกินไป จนลืมเวลาพักผ่อนนะคะ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ” เธอไหว้ที่ไหล่ของผู้เป็นมารดาคุณณัฐริกากอดหญิงสาวเอาไว้นิ่งนาน

“เราเองก็เหมือนกันนะไปอยู่ที่โน่นตัวคนเดียวต้องดูแลตัวเองให้ดี ในเมื่อลูกบอกว่าอยากที่จะไปทำตามความฝันของตัวเองแม่ก็ไม่ว่าอะไร แต่อย่างที่เราตกลงกันไว้แม่ให้เวลาลูกหนึ่งปี เมื่อครบหนึ่งปีเมื่อไรลูกจะต้องกลับมาอยู่กับแม่โดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ถ้าลูกอยากที่จะกลับมาก่อนเวลาครบกำหนดก็ได้นะ แม่จะรอถึงโน่นแล้วโทรมาบอกแม่ด้วย”

“ค่ะแม่ ... ธิชาไปก่อนนะคะ” เธอกอดมารดาอีกครั้งก่อนที่จะตัดใจเดินจากไปด้วยพลังและความหวังอย่างเต็มเปี่ยม เธอมีความมุ่งมั่นที่จะก้าวขึ้นไปเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงระดับแนวหน้าของเมืองไทยให้ได้ ถึงแม้

ว่าตอนนี้จะยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหนก็ตามที

“พ่อคะช่วยคุ้มครองและเป็นกำลังใจให้ธิชาด้วยนะคะ สู้ ๆ”

เมื่อเดินทางมาถึงกรุงเทพ ฯ และเข้าพักที่โรงแรมห้าดาวย่านใจกลางเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็โทรไปบอกแม่ว่าเธอถึงที่พักเรียบร้อยแล้วไม่ต้องเป็นห่วง จากนั้นก็ลงมาเดินดูทิวทัศน์ของกรุงเทพ ฯ ในยามค่ำคืนจนเพลินก่อนที่จะกลับขึ้นห้องพักไป เธอนำเดโมตัวอย่างติดตัวมาด้วยกะว่าพรุ่งนี้จะไปตามค่ายเทปต่าง ๆ เพื่อนำผลงานของตัวเองไปเสนอ น่าจะมีสักบริษัทหนึ่งละนะที่สนใจผลงานของเธอ จากนั้นก็เข้านอนเพื่อเก็บแรงเอาไว้ในวันพรุ่งนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel