บทที่ 10
เมื่อธัญญ่าเดินออกมาจากบริษัทก็เดินตรงไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ใหญ่และทันสมัย ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบริษัทของเธอมากนักเพื่อจะซื้อของใช้ส่วนตัวบางอย่าง ในระหว่างที่กำลังจะเดินไปที่เคาเตอร์เพื่อจ่ายชำระเงินค่าสินค้านั้น ธัญญ่าพบกระเป๋าสตางค์หล่นอยู่ เธอจึงหยิบมาเปิดดูและเห็นรูปที่อยู่ในกระเป๋าใบนั้น เป็นหญิงสาวหน้าตาดีมีดวงตากลมโต ในช่วงจังหวะที่ธัญญ่ากำลังจะเดินเอากระเป๋าสตางค์ที่เธอเก็บได้ไปให้พนักงานของห้าง เพื่อให้เขาประกาศตามหาเจ้าของอยู่นั้น ฉับพลันสายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวที่เป็นพิมพ์เดียวกับรูปที่อยู่ในกระเป๋าสตางค์ใบนั้น เธอผู้นั้นกำลังค้นกระเป๋าสะพายของเธออย่างวุ่นวาย ดูเหมือนจะยังไม่รู้ว่าตนเองได้ทำกระเป๋าสตางค์หล่นหาย
“หายไปไหนนะเมื่อกี้ยังอยู่เลยนี่นา” ธัญญ่าเข็นรถเข็นใส่ของที่เธอเลือก ไปตรงช่องจ่ายเงินที่หญิงสาวนิรนามคนนั้นยืนอยู่
“ขอโทษนะคะคุณกำลังหากระเป๋าใบนี้อยู่ใช่ไหมคะ” ณัฐธิชาเงยหน้าขึ้นมามองเธอพร้อมกับพูดอย่างดีใจว่า
“ใช่ค่ะ คุณเจอมันที่ไหนคะ”
“คุณทำตกไว้ตรงล็อคเครื่องสำอางค่ะ ฉันกำลังจะเอาไปให้ประชาสัมพันธ์เขาประกาศหาเจ้าของ พอดีหันมาเห็นคุณก่อน ลองเช็คดูนะคะว่าของอยู่ครบไหม”
ณัฐธิชาก้มลงเช็คข้าวของและเงินในกระเป๋าก่อนที่จะตอบ ”อยู่ครบค่ะขอบคุณมากนะคะที่นำมาคืน ไม่ทราบว่าคุณ...”
“ธัญญ่าค่ะ”
” ฉันณัฐธิชาค่ะ เรียกธิชาก็ละกันนะคะง่ายดี” เธอส่งเงินเพื่อชำระค่าสินค้าให้กับพนักงาน ก่อนที่จะหันมาเอ่ยปากขอตัวกับธัญญ่า
“เชิญตามสบายค่ะ”
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะสำหรับกระเป๋าสตางค์ที่คุณเก็บมาคืนให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
เมื่อธัญญ่าชำระค่าสินค้าเสร็จก็เดินออกมาด้านนอก พบหญิงสาวคนเดิมยืนหันรีหันขวางอยู่ จึงเดินเข้าไปหาเผื่อว่าบางทีเธออาจจะต้องการความช่วยเหลือ
“ธิชายังไม่กลับอีกเหรอคะ”
“คุณนั่นเอง...คือว่าฉันเพิ่งจะย้ายที่อยู่ใหม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าไปทำนามบัตรของที่พักหล่นไว้ที่ไหน”
“พอจะจำชื่อได้ไหมคะเผื่อว่าฉันจะช่วยได้”
ณัฐธิชาบอกชื่อห้องชุดและสถานที่ตั้งคร่าว ๆ ซึ่งธัญญ่าก็พอจะนึกออก
“ฉันคิดว่าฉันเคยผ่านแถว ๆ นั้นนะคะ ฉันจะพาคุณไปส่งเองค่ะ อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไร”
ธัญญ่าและณัฐธิชาตกลงที่จะเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งพวกเธอ ที่ห้องชุดสุดหรูซึ่งอยู่ไม่ไกลจากซุปเปอร์มาร์เก็ตมากนัก ใช้เวลาเพียงยี่สิบนาทีแท็กซี่ก็พาพวกเธอมาถึงจุดหมายที่ต้องการ ธัญญ่าเป็นคนชำระค่าโดยสารและเสนอตัวช่วยณัฐธิชาขนของขึ้นไปบนห้องพัก แต่อีกฝ่ายลังเล
“จะดีเหรอคะเกรงใจจัง...ฉันต้องให้คุณช่วยอยู่เรื่อยเลย”
“ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะเรื่องแค่นี้เอง ถึงอย่างไรคุณก็ขนขึ้นไปคนเดียวไม่ไหวอยู่แล้วจริงไหม”
“ฉันไม่รู้จะพูดคำว่าอะไรดีนอกจาก...ขอบคุณมากนะคะ”
จากนั้นสองสาวก็ช่วยกันยกสัมภาระของธัญญ่าไปฝากไว้ที่เคาเตอร์ ก่อนที่จะช่วยกันยกของมากมายที่ณัฐธิชาซื้อเดินเข้าลิฟต์ไป “ชั้น 31 ค่ะ”
ธัญญ่ากดตามที่เธอบอก จากนั้นทั้งคู่ก็ช่วยขนของเข้าไปในห้อง
“ห้องหรูมากเลยนะคะอยู่กันกี่คนคะ” ณัฐธิชาเดินไปรินน้ำเย็นใส่แก้วมายื่นส่งให้ธัญญ่า
“สองคนค่ะ...ดื่มน้ำก่อนสิคะ”
หลังจากนั้นไม่นานธัญญ่าก็ขอตัวกลับ ณัฐธิชาจะลงมาส่งเธอแต่หญิงสาวปฏิเสธ ในช่วงจังหวะนั้นเองที่เมฆินสังเกตเห็นธัญญ่า ขณะที่เธอกำลังจะขึ้นรถแท็กซี่กลับที่พัก
“มาทำอะไรแถวนี้” เขาสงสัยแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเขามีเรื่องอื่นที่จะต้องคิดอีกเยอะแยะแต่ก็คงหนีไปพ้นเรื่องงาน
...สิบเอ็ดโมงเช้า ณ ห้องประชุมเล็ก...
ธัญญ่าเดินเข้ามาในห้องประชุมด้วยความสดใส วันนี้เธอใส่กระโปรงยีนส์สั้นแค่คืบเผยให้เห็นเรียวขาสวยงาม พร้อมกับเสื้อเกาะอกสีขาวและสวมทับด้วยเสื้อแจ็คเก๊ตแขนยาวมีฮู๊ดสีส้ม
“สวัสดีค่ะพี่ดาหลา”
“นั่งก่อนสิธัญญ่า” เธอนั่งลงข้างพี่ดาหลาและก็เพิ่งจะสังเกตเห็นว่ามีชายหนุ่ม คนที่เธอพบเมื่อวานนี้นั่งอยู่ด้วย ธัญญ่ายิ้มให้เขาพร้อมกับหลิ่วตาให้
“คุณก็เข้าประชุมด้วยเหรอคะ”
“รู้จักกันไว้สินี่บอ...” เมฆินหันไปห้ามดาหลาด้วยสายตา ไม่ให้เธอหลุดทำพิรุธหรือเรียกเขาว่าบอสออกมาอย่างเด็ดขาด ดาหลาสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างแรงก่อนที่จะแนะนำใหม่
“นี่คุณเมฆิน หรือ เมฆ...ผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ของธัญญ่า ต่อไปนี้เขาจะเป็นคนดูแลและจัดการทุกอย่างให้ธัญญ่าแทนพี่ ส่วนพี่จะต้องไปทำหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัว ให้กับบอยแบนด์กลุ่มใหม่ของบริษัท”
ธัญญ่ายิ้มให้ชายหนุ่มพร้อมกับทิ้งหางตาเชิญชวนเขา จากนั้นก็ยื่นมือไปตรงหน้าของชายหนุ่ม
“ธัญญ่าค่ะยินดีที่ได้รู้จักและร่วมงานกับคุณเมฆ ฉันเรียกคุณแบบนี้ได้ใช่ไหมคะ หวังว่าคุณคงจะไม่เจ้ายศเจ้าอย่างให้ฉันต้องเรียกคุณว่าผู้จัดการส่วนตัวหรอกนะคะ มันดูจะยาวและห่างเหินเกินไป” เมฆินนั่งกอดอกมองเธอนิ่งนาน ก่อนที่จะยื่นมือซ้ายออกไปสัมผัสกับมือของเธอ
เขากุมมือขาวนุ่มของเธอพร้อมกับสบตา พอจะปล่อยมือธัญญ่ากลับไม่ยอมให้เขาทำเช่นนั้น เธอใช้นิ้วกลางที่อยู่ในอุ้งมือค่อยไล้และกดเบา ๆ ลงบนฝ่ามือของชายหนุ่ม พร้อมกับกระชับมือของเขาแน่นไม่ยอมปล่อย เมฆินแปลกใจกับการกระทำของอีกฝ่าย แต่ก็อดที่จะยอมรับไม่ได้ว่านิ้วของเธอ เหมือนกับมีกระแสไฟฟ้ามากระตุ้นให้เขารู้สึกแปลก ๆ เมฆินรีบสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของเธอทันที และก็ไม่ยอมสบตาของเธออีกด้วย เขาพูดเพียงแค่ว่า
“คุณอยากจะเรียกผมว่าอะไรก็ตามใจ” ธัญญ่าโน้มตัวไปตรงหน้าเขา
“ถ้าฉันจะเรียกคุณว่าที่รักก็ได้ใช่ไหมคะ”
“เพ้อเจ้อ”
เมื่อแนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกันเรียบร้อยแล้ว ดาหลาก็เอ่ยปากขอตัวไปทำงานต่อโดยไม่ลืมที่จะปิดประตูห้องให้อย่างเรียบร้อย ทันใดนั้นเองธัญญ่าก็ย้ายไปนั่งแทนที่พี่ดาหลา เพราะว่าใกล้กับตัวชายหนุ่มมากกว่าที่เดิมที่นั่งอยู่ในตอนแรก และเนื่องจากในห้องประชุมนี้เป็นห้องประชุมเล็กซึ่งมีพื้นที่ไม่มากนัก ทำให้โต๊ะที่ใช้ในห้องประชุมนี้เป็นโต๊ะทรงกลมซึ่งดูลงตัวกับขนาดของพื้นที่ห้อง ธัญญ่าได้กระเถิบเก้าอี้ถอยห่างออกจากโต๊ะนิดหน่อย กะว่าให้อยู่ในระยะสายตาของเขาที่จะมองเห็นเรียวขาของเธอได้ชัดเจน จากนั้นก็จงใจที่จะนั่งไขว่ห้างแต่เนื่องจากกระโปรงที่เธอสวมใส่นั้นสั้นแค่คืบ เลยเผยให้เห็นเรียวขาสวยของเธอ ธัญญ่าสังเกตเห็นสายตาของเมฆินไล่ไปตามเรียวขาของเธอเช่นกัน พอเขารู้ตัวว่าเธอมองอยู่ก็เลยทำหน้าขรึมเช่นเดิม ทำให้ธัญญ่ายิ้มพร้อมดีดนิ้วแล้วพูดว่า “บิงโก”