บทที่ 9
เซี่ยอวิ๋นกลับจากตรวจร้านสาขาเร็วกว่ากำหนด อีกทั้งวันนี้เขากลับเข้าจวนไม่ดึกมากจึงแวะหาบุตรชายก่อนกลับเรือนนอน
ยอมรับว่าตัวเขาดูแลเซี่ยหมิงไม่ค่อยดีนัก ด้วยมีภารกิจรัดตัวและหมิงเอ๋อร์ยังเด็กมากจึงไม่สามารถพาไปที่ไกล ๆ ด้วยได้ ทำให้ห่วงความรู้สึกลูกมากกว่าใคร ได้แต่ชดเชยเป็นสิ่งของนอกกายแทน ไม่ว่าบุตรชายต้องการสิ่งใด เขาก็พร้อมจะสรรหามาให้ทุกอย่าง แต่ก็เสียดายที่บุตรชายไม่เคยเอ่ยปากขอจากเขาเอง มีเพียงแค่การบอกผ่านพี่เลี้ยงมาเท่านั้น
ชายหนุ่มเปิดปิดประตูอย่างเบามือ เขาเพียงแค่จะแวะมาดูเท่านั้นไม่อยากรบกวนเวลานอนของเซี่ยหมิง ทว่าบนเตียงนอนมันกลับว่างเปล่าไม่มีเจ้าของเตียงอยู่ ยามนี้ควรจะหลับไปแล้วมิใช่หรือแล้วไปนั่งทำอะไรอยู่ที่โต๊ะแทนที่จะนอนหลับพักผ่อน
“หมิงเอ๋อร์ยังไม่นอนอีกหรือ” กายหนานั่งลงข้างบุตรชายไม่เข้าใจเหตุใดถึงได้นั่งในห้องมืด ๆ เซี่ยอวิ๋นจุดเทียนให้ความสว่างภายในห้อง จึงได้จึงได้รู้ว่าเขากำลังกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย เอาแต่ยิ้มไม่หุบดูมีความสุขกว่าทุกวัน
“กินเซาปิ่งไส้ถั่วขอรับ ลูกแบ่งท่านพ่อหนึ่งชิ้น” ส่วนอีกชิ้นที่เหลือจะเก็บไว้กินพรุ่งนี้เช้า
“เจ้ากินเถอะ กินข้าวเย็นไม่อิ่มหรือถึงได้ลุกมากินขนมตอนดึก” มือหนาลูบศีรษะเล็กด้วยความเอ็นดู เห็นลูกกินอิ่มนอนหลับเขาก็ดีใจ แต่ทำไมถึงได้ผอมลงทุกวันกันนะ ทั้งที่ก็เพิ่มเงินสำหรับการจัดหาของบำรุงร่างกายให้เขามากพอสมควร คงต้องให้ท่านหมอตรวจร่างกายสักหน่อยแล้ว
“อืม.. แต่อยากกินขนมด้วย ท่านพ่อกินสิขอรับ อร่อยมากเลย” เด็กน้อยไม่กล้าตอบได้แต่เออออไปกับคำพูดบิดา เพราะมื้อเย็นเขากินข้าวแค่ครึ่งชามเท่านั้น อีกทั้งมีแค่ผักไม่มีเนื้อจึงทำให้ไม่ค่อยเจริญอาหาร ยังดีมีขนมที่ท่านแม่ห่อให้ จึงไม่ต้องทนหิวนอนฟังเสียงท้องร้องไปทั้งคืน
“อืม อร่อยอย่างที่บอกจริงด้วย จื่อซีนางคงรู้ใจลูกมากสิท่า ถึงได้เตรียมขนมไว้ให้เช่นนี้” เพราะไม่อยากให้บุตรชายเสียน้ำใจ เซี่ยอวิ๋นจึงยอมกัดขนมไปหนึ่งคำ แต่ก็เห็นด้วยที่มันอร่อยไว้คราหน้าจะให้มู่ฝานหาเซาปิ่งมาให้บ้างเสียแล้ว จื่อซีก็ช่างสรรหาขนมมาให้หมิงเอ๋อร์ มิน่าร้านขนมถึงได้มักจะเรียกเก็บเงินในชื่อโรงเตี๊ยมเขาเป็นประจำ
“เปล่าขอรับ ขนมพวกนี้ท่านแม่ให้มาขอรับ”
“แม่เจ้าน่ะหรือทำเรื่องเช่นนี้” เซี่ยอวิ๋นรู้สึกแปลกใจ มารดาที่ไม่เคยแม้แต่จะย่างกรายเข้าหาคนนั้นน่ะหรือ จะรู้จักหาของพวกนี้ให้บุตรชาย
“ขอรับ ท่านแม่ยังบอกอีกว่าจะแวะมาหาบ่อย ๆ ด้วยขอรับ”
บนใบหน้าของเซี่ยหมิงไม่มีแม้แต่ร่องรอยของการถูกบังคับแต่อย่างใด แต่มันกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดี ถ้าอีกฝ่ายจะปรับปรุงตัวใส่ใจลูกบ้างเขาก็ยินดี แต่การกระทำที่ผ่านมามันไม่สามารถทำให้เขาไว้ใจนางได้ คนเราจะเปลี่ยนตัวเองได้เพียงชั่วข้ามวันได้เชียวหรือ หลังจากนี้คงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดเสียแล้ว
“อิ่มแล้วก็เข้านอนเถอะ”
“ขอรับ” เด็กน้อยล้างมือบ้วนปาก ก่อนจะปีนขึ้นบนเตียงอย่างว่าง่าย วันนี้เขามีความสุขที่สุด กลางวันได้นั่งกินขนมกับท่านแม่ กลางคืนก็ได้พบหน้าท่านพ่อด้วย แต่จะดีกว่านี้ถ้าได้ร่วมโต๊ะอาหารด้วยกันสามคน
เซี่ยอวิ๋นส่งบุตรชายเข้านอนเสร็จ เจ้าตัวมิได้กลับเรือนตนเองอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก จิตใจล่องลอยรู้ตัวอีกทีก็มาถึงหน้าเรือนของภรรยาเสียแล้ว เขาได้แต่นึกถึงเรื่องราวแต่หนหลัง จะไม่มีสักวันเชียวหรือที่นางจะยอมเปิดใจรักเขาบ้าง เขามีอะไรที่สู้ชายผู้นั้นไม่ได้ นางถึงเอาแต่จมปลักกับคำพูดหลอกลวงนั่นอยู่ได้
หลังจากจมอยู่กับความคิดอยู่นาน กายหนาจึงยอมกลับเรือนตนเองไปด้วยอารมณ์คุกรุ่น หากเป็นไปได้เขาก็อยากจะเดินเข้าไปถามให้มันจบเรื่องไปเสีย เหตุใดนางถึงรักเขาบ้างไม่ได้ ทว่าคำตอบก็คงจะมีเพียงคำว่าเกลียดชังกระมัง แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นกลับเป็นเขาเองที่เกลียดนางไม่ลง และไม่สามารถเลิกรักได้เช่นกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น
“เรียกข้าน้อยหรือขอรับฮูหยิน” พ่อบ้านหลี่ค่อนข้างแปลกใจที่ฮูหยินเรียกพบตั้งแต่เช้า ปกติแทบจะไม่ยุ่งกับผู้ใดเก็บตัวเสียมากกว่า
“ที่ข้าเรียกท่านมา ข้าต้องการทำหน้าที่ฮูหยินน่ะ ท่านเข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่” หน้าที่ที่ว่าคือการจัดการเรื่องทุกอย่างภายในจวนด้วยตัวเอง อย่างที่ภรรยาเจ้าของจวนควรจะทำมิใช่ให้พี่เลี้ยงเด็กเป็นคนทำ เดิมทีนางเรียกคืนทุกอย่างด้วยตนเองก็ได้ ไม่จำเป็นต้องให้พ่อบ้านหลี่รับรู้ แต่อย่างน้อยหากพ่อบ้านหลี่ไม่มีส่วนรู้เห็นการกระทำของหลานสาว เขาจะได้ว่ากล่าวตักเตือนเพื่อให้อีกฝ่ายคิดได้
นี่คือการเตือนและให้โอกาสจื่อซีได้กลับตัว แต่ถ้าหากเจ้าตัวยังคิดไม่ได้ละก็นางก็มีวิธีจัดการเช่นกัน
“โอ้ จริงหรือขอรับ เช่นนั้นข้าจะไปเตรียมการให้เดี๋ยวนี้ขอรับ ฮูหยินรอสักครู่” พ่อบ้านหลี่เต็มใจเสียยิ่งกว่าเต็มใจ ทุกวันนี้งานส่วนหนึ่งตนยังคงช่วยทำอยู่ อีกครึ่งหนึ่งเป็นจื่อซีหลานสาวรับไปช่วยงาน เพื่อช่วยแบ่งเบางานที่มีมากจนเกินไป และงานบางอย่างจะต้องได้รับการอนุญาตจากเจ้าของจวนจึงค่อนข้างล่าช้า หากฮูหยินต้องการรับมาดูแลเองก็จะเป็นการดียิ่ง
“ในช่วงแรกข้าอยากให้ท่านช่วยแนะนำและให้คำปรึกษาไปก่อน จะเป็นการรบกวนหรือไม่” ดูท่าแล้วท่านพ่อบ้านคงจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยสินะ การที่บ่าวไพร่ในจวนไม่ปริปากพูดก็คงจะเกรงใจท่านพ่อบ้านด้วยส่วนหนึ่ง มากกว่าจะกลัวตัวจื่อซี
“ยินดีขอรับ ฮูหยินรอข้าสักครู่ ข้าจะจัดเตรียมงานทั้งหมดให้ขอรับ”