บทที่ 4
อย่างไรครั้งนี้นางจะไม่ยอมให้มีจุดจบเช่นเดิมเป็นอันขาด ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นเพราะความโง่งมของตนเอง ชาติที่แล้วเอาแต่กล่าวโทษคนรอบกาย แต่มิเคยหันกลับมามองตนเองเลยสักครั้ง สิ่งที่ควรเปลี่ยนให้ได้อันดับแรก นั่นคือตนเอง จึงจะหลีกหนีชะตาอันน่าสมเพชนั่นไปได้
ในขณะที่เสวียนหนี่ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง ประตูห้องถูกเปิดออก เซี่ยอวิ๋นเดินเข้ามาด้วยใบหน้านิ่งเฉย ไม่ได้รู้สึกตกใจแต่อย่างใดที่มีคนรายงานเรื่องที่ภรรยาพยายามฆ่าตัวตาย
“ก็ดูสบายดีนี่ ดูเหมือนที่ข้าได้รับรายงานคงจะเกินความจริงไปหน่อยกระมัง” กายหนายืนกอดอกพิงเสาเตียง ครั้งนี้นางจะมาไม้ไหนกันแน่เรียกร้องความสนใจเพราะต้องการสิ่งใดจากเขาอีก เงิน ทอง ที่ดิน หรือของมีค่าอย่างอื่น แต่การฆ่าตัวตายมันก็ดูจะเกินไปหน่อยหรือ เอาชีวิตตนเองมาล้อเล่นเช่นนี้มันดีแล้วหรือ
เสวียนหนี่มิได้โต้ตอบคำพูดแสนเจ็บแสบของสามี เหตุใดเมื่อก่อนนางถึงได้มองข้ามเขากันนะ ถึงแม้จะเป็นคนเย็นชามิค่อยยิ้มทั้งเอาใจสตรีไม่เป็น แต่เรื่องรูปโฉมนั้นเซี่ยอวิ๋นหล่อเหลาไม่แพ้ใคร ชาติตระกูลถึงจะเป็นแค่พ่อค้าไร้ยศถาบรรดาศักดิ์มองผิวเผินไร้อำนาจ ทว่าเรื่องความร่ำรวยและอำนาจของเงินเซี่ยอวิ๋นก็ไม่ด้อยไปกว่าใคร
แล้วเหตุใดเขาถึงเลือกแต่งงานกับนางล่ะ เลือกที่จะอ้าแขนรับทั้งที่รู้จุดประสงค์ของการแต่งงานอยู่แล้ว หรือแม้แต่ลมหายใจสุดท้ายเขา ไม่แม้แต่จะกล่าวโทษในสิ่งที่นางกระทำ ทั้งที่คนอย่างเขาสามารถเลือกภรรยาที่ดีกว่านางได้เป็นร้อยเป็นพันเท่า
เมื่อย้อนมองตนเอง นางดีพอแล้วหรือที่ได้รับความรักจากพวกเขา
ชาติที่แล้วข้าละเลยครอบครัว ละเลยท่านและลูก ชาตินี้ข้าให้สัญญา ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะรักท่านและลูกให้ยิ่งกว่า แม้แต่ชีวิตนางก็มอบให้ได้
เซี่ยอวิ๋นขมวดคิ้วมุ่นไม่เข้าใจและรู้สึกแปลกไม่น้อย ครั้งนี้เสวียนหนี่ไม่เบือนหน้าหนี หรือแม้แต่แผดเสียงดังด่าทอใส่เขาอย่างที่ทำเคยทุกครั้ง นางเอาแต่นอนมองเขานิ่งยิ้มเพียงมุมปาก หรือว่าตกน้ำครั้งนี้นางได้รับการกระทบกระเทือน ทำให้สติเลอะเลือนหลงลืมความโกรธแค้นที่มีต่อกันไปแล้ว
“สมองเจ้าได้รับการกระทบกระเทือนหรือ เอาแต่นอนยิ้มราวกับคนบ้า” ชายหนุ่มปราดเข้าไปใกล้ภรรยา ก่อนจะใช้หลังมือแตะหน้าผากคนป่วย เพราะคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะยังมีไข้ทำให้ไม่มีสติเห็นเขาเป็นคนอื่นก็เป็นได้
เสวียนหนี่ยังคงนอนยิ้มเช่นเดิมไม่ปริปากพูดแม้แต่ครึ่งคำ นางไม่ผลักไสหรือพูดจาเสียดแทง ปล่อยให้สามีแตะเนื้อต้องตัวได้ตามใจ
เซี่ยอวิ๋นหยุดชะงักเมื่อรู้ว่าตนเองทำอะไรลงไป น่าสมเพชตนเองยิ่งนักที่เผลอแสดงความห่วงใยออกไป ที่เงียบก็คงกำลังหัวเราะเยาะอยู่สินะ ครั้งนี้มันก็คงเป็นเพียงแค่แผนการใหม่ของนางเท่านั้นเอง หลังจากได้ตามที่ต้องการก็คงจะกลับไปเป็นเช่นเดิม
“ข้าแค่แวะมาดูตามหน้าที่ พรุ่งนี้จะเดินทางไปตรวจสินค้าเมืองข้างเคียงคงไม่อยู่จวนสิบวัน ข้าไม่อยู่เจ้าจะได้ไม่ต้องอึดอัด หายดีแล้วอยากได้อะไรก็ค่อยมาคุยอีกทีก็แล้วกัน” นางก็คงจะดีใจที่ไม่ต้องเจอเขาไปอีกสักพัก
กายหนาก้าวอาด ๆ ออกจากห้องนอนไปทันที รู้สึกไม่พอใจที่มีเพียงตัวเขาพูดอยู่คนเดียวมาตั้งแต่ต้นจนจบ คงไม่อยากแม้แต่จะพูดคุยกันเลยสินะ แล้วตัวเขาจะอยู่ไปเพื่ออะไรกัน
“มู่ฝาน” เซี่ยอวิ๋นเรียกคนสนิททันทีหลังจากเข้าดูอาการภรรยา ใบหน้ายังบึ้งตึงไม่ว่าเห็นอะไรก็ดูขวางหูขวางตาไปหมด
เดินปึงปังออกจากห้องฮูหยินมาเช่นนี้ มิพ้นมีปากเสียงกันเป็นแน่ ทำเอามู่ฝานคนสนิทวิ่งรับคำสั่งแทบไม่ทัน
“ขอรับนายท่าน” ครั้งนี้ไม่รู้ว่าทะเลาะอะไรกับฮูหยินมาอีก ถึงได้อารมณ์เสียออกมาเช่นนี้เข้าไปไม่ถึงหนึ่งก้านธูปก็ออกมาเสียแล้ว คราวนี้ทำเวลาได้น้อยสุดเท่าที่เคยทะเลาะกันมา นายท่านก็เหลือเกินรักเขาชอบเขาแต่ก็ไม่เคยจะอ่อนโยน หรือแม้แต่บอกให้อีกฝ่ายรับรู้ว่ารักก็ยังไม่เคยเลยสักครั้ง แสดงออกแต่ด้านเฉยชา เป็นใครก็คิดว่าเกลียดตนเองทั้งนั้นแหละ
“ให้คนถมสระบัวเปลี่ยนเป็นสนามหญ้าแทน” ดูซิคราวนี้จะกระโดดน้ำฆ่าตัวตายได้อีกหรือไม่
“รับทราบขอรับ”
ด้านเสวียนหนี่กว่าจะรู้ตัวสามีก็ออกจากห้องไปแล้ว ก็เมื่อตอนได้ยินเสียงมู่ฝานขานรับเจ้านาย นางหรือก็เอาแต่ชื่นชมในตัวสามียังไม่ทันจะได้โต้ตอบอันใดเขาก็ไปเสียแล้ว ได้แต่นึกเสียดาย กว่าจะได้เจอกันก็ต้องรออีกตั้งสิบวัน