ตอนที่ 4.แผนลวงแผนร้าย......
“คุณข้าวแข็งแรงจะตายไป ไม่น่าเป็นลมเป็นแร้งไปง่ายหรอกค่ะ คุณนั่นแหละเอาอะไรแปลกๆ ให้คุณข้าวกินหรือเปล่า?” แย้มถามเสียงขึงขัง สีหน้ากระด้างแบบไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม
“อ้าวป้า ทำไมป้าพูดแบบนี้ละ ยัยข้าวน่ะ น้องสาวบัวเหมือนกันนะคะ”
แย้มแสยะยิ้ม “เหอะ! พี่น้องก็ไว้ใจไม่ได้หรอกค่ะ สมัยนี้เชื่อถือกันง่ายๆ ได้ไง คุณกับคุณข้าวไม่เจอกันมาสามปีแล้ว หากมีใครสักคนเปลี่ยนไป จะมีใครรู้ได้ละคะ”
“ป้าอย่ามาพูดไร้สาระแถวนี้นะคะ จะไปทำอะไรก็ไปทำเถอะ ยัยข้าวเดี๋ยวบัวดูแลเอง”
“ป้าไม่มีงานทำหรอกค่ะ วันนี้ป้ากับคุณข้าวต้องทำน้ำพริกส่งเกือบห้าสิบกระปุก คุณบัวนั่นแหละจะไปไหนก็ไป คุณข้าวน่ะ ป้าดูเอง” แย้มออกปากไล่แบบไม่ไว้หน้า
ภาคมองใบบัวสลับกับมองอีกคนที่นอนสลบไม่รู้เรื่องรู้ราว
หากข้ออ้างที่ใบบัวพูดถึงเป็นความจริง ป่านนี้แม่สาวที่นอนเฉยๆ น่าจะรู้สึกตัวนานแล้ว แต่นี่ หล่อนยังไม่ไหวติง ขนาดมีคนส่งเสียงดังอยู่ใกล้ๆ ยังนิ่งเฉยอยู่ได้ บางทีอาจไม่ใช่เพราะความอ่อนเพลียก็ได้ เปลือกตาภาคหรี่ลง แอบสำรวจแม่สาวตรงหน้าคร่าวๆ
“คุณภาคขึ้นไปนั่งเล่นกับคุณภามก่อนดีมั้ยคะ ทางนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่บัวเอง”
ภาคคล้อยตาม เขาเดินออกจากห้องครัวที่ร้อนอบอ้าว แถมเต็มไปด้วยกลิ่นฉุนๆ จนเริ่มเวียนหัว ถึงไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่กับการปล่อยให้คนป่วยนอนอยู่ท่ามกลางกลิ่นเครื่องเทศ แต่ตอนนี้เขาเป็นแค่คนนอก การยุ่มย่ามมากไปไม่เป็นผลดีกับตัวเอง
“ระวังปากบ้างสิป้า” ใบบัวถลึงตาใส่แย้ม ที่สาละวนเร่งเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ใบข้าว
“ป้าพูดความจริงค่ะ ว่าแล้วเชียว คุณนายทำไมถึงใจดีแปลกๆ สรุปมีแผนการทำเลวกับคุณข้าวอีกแล้ว คุณสองคนแม่ลูกนี้เลวเข้ากระดูกดำจริงๆ” แย้มกระแหนะกระแหน
“ป้า จะพูดจะจาอะไรก็ไว้หน้าบัวบ้าง บัวเป็นลูกสาวเจ้าของบ้านนะคะ”
“แล้วไงคะคุณบัว คุณนายกับคุณไม่ได้มีบุญคุณกับฉันสักหน่อยทุกวันนี้หากนับเรื่องข้าวแดงแกงร้อน คุณกับคุณนายควรสำนึกบุญคุณอีแย้มคนนี้นะคะ” แย้มลอยหน้าตอบ
“บัวคงต้องคุยกับคุณแม่เรื่องของป้าสักหน่อยแล้วละ”
“ตามสบายค่ะ บอกคุณนายด้วยนะคะ หากจะไล่อีแย้มออกจากบ้าน จ่ายเงินเดือนทั้งปีมาให้อีแย้มก่อน ไม่งั้นได้เห็นดีกันแน่ อ้อ...ค่าน้ำค่าไฟด้วย ฉันเก็บบิลไว้ทั้งหมด ถ้าอยากเฉดหัวกันนัก จ่ายมาให้ครบทุกบาททุกสตางค์ด้วยละ” แย้มลอยหน้าพูด ไม่ยี่หระกับท่าทางกระฟัดกระเฟียดของใบบัวเลย
ใบบัวหน้าซีด มารดาถลุงเงินมรดกจนหมดได้ยังไง ในเวลาแค่สองปี สมบัติของบิดาก่อนท่านเสีย มีตั้งหลายชิ้น ทั้งบ้าน ทั้งที่ดิน รวมทั้งเงินสด
“ฝากไว้ก่อนเถอะ” ใบบัวกระแทกเสียงใส่
“อย่านานนะคะ เพราะถ้านานเดี๋ยวคิดดอกเบี้ยซะเลย” แย้มตะโกนตามหลัง ใบบัวเดือดปุดๆ เธอยืนนิ่งๆ สะกดความโกรธ ก่อนจะฉวยน้ำสะอาดจากตู้เย็นติดมือมาด้วยหนึ่งขวด
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงบ้างละ?” ภามถามน้องชายด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
ภาคทรุดนั่ง “ยังไม่ฟื้นเลยครับ” เขาตอบตามที่เห็นมาด้วยตัวเอง ภามขมวดคิ้ว ทำท่าจะลุกเดิน
“พี่ภามจะไปไหนครับ?”
ภามถอนใจทรุดนั่งลงไปที่เดิม “แน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก”
ภาคหรี่เปลือกตาลง เขามองสบตาพี่ชาย ซึ่งภามก็หลบทันควัน มันเป็นพิรุธที่ทำให้ภาคสะกิดใจ “พี่ภามรู้จักผู้หญิงคนนั้นมาก่อนหรือเปล่า”
ภามเม้มปากชั่งใจ “อืม...” เขาพยักหน้าช้าๆ
“เอ้า!! ไปรู้จักกันได้ไง หรือรู้จักกันผ่านทางคุณบัว”
ภามส่ายหน้า มองสบตาน้องชาย “พี่กับข้าว รู้จักกันก่อนที่พี่จะรู้จักกับบัวที่โน้น”
ภาคยกมือเกาใต้ปลายคาง “ผู้หญิงคนนี้ใช่ไหมครับ ที่เคยเป็น ป็อบปี้เลิฟของพี่ภาม?” เป็นคำถามที่ตรึงปลายเท้าของใบบัว เปลือกตาใบบัวกะพริบถี่ๆ รีบมองหาที่เหมาะๆ สำหรับการแอบฟัง
ท่าทางแปลกๆ ของภามสะกิดใจเธอ พอได้ยินแบบนี้ ใบบัวก็ยิ่งแน่ใจ สิ่งที่ได้ยินคือความลับที่ภามซ่อนไว้ ไม่ยอมบอกกับเธอ
“นังข้าว!!”