ตอนที่ 2.วิถีการเอาตัวรอดจากปากเหยี่ยวปากกา
ตอนที่ 2.วิถีการเอาตัวรอดจากปากเหยี่ยวปากกา
มีเสื้อผ้าหลายชุดที่คริษฐาเอาติดตัวมาด้วย ตั้งแต่วันที่มารดาสิ้นลม คริษฐาพยายามที่จะอยู่ในที่ลับตาคนน้อยที่สุด เธออาศัยคนหมู่มากเป็นเกราะกำบังจากแดนไทย และวันนี้เป็นวันที่เธอรู้สึกปลอดโปร่งขึ้น เมื่อไม่ได้อยู่ในสายตาอดีตพ่อเลี้ยงคนนั้นอีกแล้ว
“ตามสบายเลยนะริด ห้องฉันอาจจะรกไปหน่อย อยากนอนมุมไหนเลือกเอาได้เลย” เสียงตะโกนดังมาจากห้องน้ำ ณาราคือเพื่อนสนิทคนเดียวที่ คริษฐาไว้ใจที่สุดในตอนนี้ ตอนที่เธออับจนหาทางออกให้ตัวเองไม่เจอ ณาราก็ยื่นข้อเสนอให้ และคริษฐาคิดว่าตัวเองพอใจและสามารถช่วยเพื่อนออกค่าใช้จ่ายได้
“นาไม่ได้ล้างห้องน้ำมานานเท่าไหร่แล้วล่ะ?” คริษฐาตะโกนถาม กลิ่นน้ำยาทำความสะอาดพื้นฉุนขนาดนี้ ณาราคงกำลังล้างคราบสกปรกในห้องน้ำนั่นเอง
“แหม...ฉันอยู่คนเดียวนี่ เลยไม่ค่อยใส่ใจเรื่องความสะอาด ฉันกลัวแกบ่นเรื่องความซกมกของฉันนั่นแหละ”
“ถ้านาลดเรื่องการเล่นเกมนะ นาจะมีเวลาทำอย่างอื่นมากขึ้น”
คริษฐามองอุปกรณ์การเล่นเกมของเพื่อน จัดเต็มขนาดนี้เวลาส่วนใหญ่ของณาราคงอยู่แต่ในโลกออนไลน์นั่นแหละ คริษฐาวางกระเป่าผ้าเก่าๆ บนพื้นว่างๆ ยืนกางขาเพื่อวางแผนคร่าวๆ คงต้องเก็บของใช้ที่วางไม่เป็นระเบียบของเพื่อนให้เข้าที่ก่อน จากนั่นค่อยหาทำเลเหมาะๆ สำหรับทำที่นอนของตัวเอง เธอฉวยไม้กวาดติดมือมา เริ่มเก็บของใช้ที่คาดว่าเจ้าของห้องไม่ใคร่ได้เตะต้องใส่ถุง พลางตะโกนถามเป็นระยะ
ดังนั้นเมื่อณาราเดินออกมาจากห้องน้ำ เลยตกใจกับความเป็นระเบียบเรียบร้อยของห้องตัวเอง
“ฉันเคยตัวเพราะอยู่คนเดียวน่ะ” คำแก้ตัวของคนขี้เกียจมักจะออกมาแนวนี้ คริษฐาขี้เกียจบ่น เธอจำเป็นต้องพึ่งพาเพื่อน เรื่องเล็กน้อยเลยไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจ
“ต่อไปหน้าที่ทำความสะอาดห้อง ริดจะเป็นคนทำเองนะ”
“ฉันให้ริดมาอยู่ด้วย ไม่ใช่เพราะอยากหาคนมาทำความสะอาดห้องให้นะ” ณารารีบแก้ตัว
“ไม่ใช่อย่างนั้น ช่วยๆ กันไง อีกอย่างช่วงนี้ริดว่าง”
“ไม่ไปทำงานที่ร้านของพ่อเลี้ยงแกแล้วเหรอ” คริษฐาส่ายหน้า การอยู่ห่างๆ แดนไทยในช่วงนี้เธอนั่นแหละที่จะปลอดภัย “ดีแล้ว ฉันไม่ไว้ใจตาแก่นั่นเลย สายตาของเขาที่มองแกแปลกๆ ไงไม่รู้”
ไม่ใช่เธอแค่คนเดียวที่ระแวง ขนาดคนนอกอย่างณารายังรู้สึก
“คงต้องรีบหางานพาร์ทไทม์ทำ ริดมีเงินสำรองไม่มาก” อนาคตยังต้องใช้เงินอีกเยอะ ดังนั้นเธอควรวางแผนอนาคตไว้แต่เนิ่นๆ อย่างน้อยก็เพื่อตัวเอง
“ไม่ไหวยังไงก็บอกนะริด ฉันยินดีจะช่วย”
น้ำใจเล็กน้อยที่ทำให้หัวใจของคริษฐาอบอุ่นขึ้น เธอไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้หรอกนะ อย่างน้อยตรงหน้าเธอ ก็มีคนที่รักและหวังดีกับเธอจริงๆ อยู่คนหนึ่ง
“อีกเดือนเดียวริดก็เต็มยี่สิบแล้ว เงินที่แม่ทิ้งไว้ให้ คงช่วยริดได้อย่างดี”
จารีย์เหมือนรู้อนาคต นางสะสมเงินจำนวนหนึ่งเพื่อมอบให้คริษฐาในวันที่บุตรสาวเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะดูแลตัวเองได้
“อดทนหน่อยนะริด อีกปีเดียวก็เรียนจบแล้ว”
มันเศร้านิดๆ เมื่อคิดถึงอนาคตที่ไม่มีคนคอยชื่นชมความสำเร็จ แต่ คริษฐาจะพยายามมีชีวิตรอด บางทีพ่อกับแม่อาจจะกำลังมองลงมาจากฟ้า และชื่นชมความสำเรจของเธอ
“อืม...” เธอยกปลายนิ้วกรีดรอยน้ำตา ฝืนยิ้มและเร่งทำความสะอาดห้อง คืนนี้คงได้นอนเต็มอิ่มจริงจัง หลายคืนก่อนหน้านี่คริษฐานอนหลับไม่สนิทเลย มีหลายเรื่องติดค้างอยู่ในใจ จนยากที่จะดำเนินชีวิตอยู่
คริษฐาได้งานใหม่ที่ร้านกาแฟชื่อดัง เธอทำงานพาร์ทไทม์ช่วงเย็นที่จำนวนลูกค้ามากกว่าเวลาช่วงเช้า ดังนั้นหลังจากเลิกเรียนก็ต้องรีบมาทำงานเลย เธอใช้ชีวิตแบบนี้เกือบสองเดือนเต็ม เกือบลืมไปด้วยซ้ำว่าเองอายุเต็มยี่สิบปีแล้ว ดังนั้นเมื่อเจอหน้าแดนไทยที่ร้านกาแฟที่ตัวเองทำงานอยู่ คริษฐาจึงตกใจไม่น้อย
“ริดไม่แวะไปหาลุงที่ร้านตามสัญญาเลยนะ ลุงเลยต้องแบกหน้ามาเอง”
“ลุงแดนสบายดีไหมคะ?” คริษฐาถามตามมารยาท
“ไม่เลย งานที่ร้านยุ่งจนหัวปั่นเพราะขาดริดนั่นแหละ ลาออกจากที่นี่ แล้วกลับไปทำงานที่ร้านลุงเหมือนเดิมเถอะนะ ลุงเพิ่มค่าแรงให้ก็ได้” แดนไทยพยายามโน้มน้าว