8
#####8
คนตัวสูงพูดจบก็ลุกขึ้นขายาวของเขาเดินไปยังลิฟต์ VIP ที่อยู่ไม่ไกลจากร็อบบี้โรงแรม นัทธนิษฐ์เร่งก้าวตามไปเพื่อให้ทันเขา ก่อนที่เธอจะพบว่าตอนนี้เธออยู่กับเขาสองต่อสองอีกครั้ง นี่เธอกำลังจะหลงกลเขาหรือเปล่าเนี้ย
ติ๊งงง!!! เสียงลิฟต์เปิดออก ซู่เหลียงฉีเดินออกจากลิฟต์ก่อน เขาเดินนำเธอไปยังห้องพักสวีทสุดหรู ร่างบางลังเลเล็กน้อย เธอควรจะเข้าไปในห้องนั้นดีหรือไม่
คนตัวสูงเปิดประตูเชื้อเชิญให้เธอเข้าห้อง
“หรือเราจะกลับลงไปคุยกันที่ร็อบบี้โรงแรมเหมือนเดิม”
เขายื่นข้อเสนอเมื่อเห็นว่าเธอมีท่าทีลังเล
“มะ ไม่เป็นไร” นัทธนิษฐ์พูดตะกุกตะกักก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง
เมื่อเข้าไปในห้อง เธอพบว่า ในห้องมีเลขาของเขานั่งรออยู่ก่อนแล้ว เธอจึงโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
“สวัสดีครับ คุณนานา” เลขาหนุ่ม ยื่นมือมาเช็กแฮนด์ทักทายตามมารยาท แต่สายตาพิฆาตของใครบางคนทำให้เขาต้องเลี้ยวมือกลับ เปลี่ยนเป็นแนะนำตัวด้วยคำพูดแทน
“ผมชื่อเฉินโฮ่ว เป็นเลขาของท่านประธานซู่เหลียงฉี ผู้เป็นเจ้าของกิจกรรมกว่า 70% ในเมือง....”
เฉินโฮ่ว ดูท่าจะพูดมากไม่หยุด ซู่เหลียงฉีก็กระแอมไอเล็กน้อยเชิงเตือนให้เขาหยุด
เห็นท่าทีประหลาดของเลขาหนุ่มนัทธนิษฐ์ก็ออกอาการงงนิดหน่อย
เฉินโฮ่วแนะนำตัวเสร็จเขาเชิญคนทั้งคู่ไปนั่งที่โต๊ะประชุมขนาดย่อม เพื่อพูดคุยถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นโดยมีซู่เหลียงฉีไปนั่งเอกเขนกอยู่ที่โซฟาแทนที่จะมานั่งโต๊ะประชุม
“ผมพบว่าคุณนานา ไปเข้ารับการตรวจหาสารเสพติดที่โรงพยาบาลในเครือของเรา”
“ค่ะ ในเมืองนี้ไม่มีอะไรรอดสายตาพวกคุณไปได้เลยจริง ๆ”
เธอยิ้มเย็นให้คู่สนทนา
“พวกเราพบว่า คุณกับเจ้านายของผมก็ถูกวางยาเหมือนกัน เกือบจะเป็นชนิดเดียวกันเลยก็ว่าได้”
คนตัวเล็กปรายตาไปมองซู่เหลียงฉีที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ที่โซฟา
“คุณนานามีศัตรูที่ไหนหรือเปล่า คุณเพิ่งมาที่นี่ได้ไม่นาน พอจะนึกออกไหมครับว่าใคร”
“นึกไม่ออกเลยว่า ฉันไปสร้างศัตรูไว้ที่ไหน”
“ผมว่า...........” ไม่ทันที่จะเฉินโฮ่วจะได้พูดอะไรต่อ โทรศัพท์ส่วนตัวก็ดังขึ้น
“อะไรนะ รถฉันถูกชนงั้นหรอ เดี๋ยวจะรีบลงไปเดี๋ยวนี้ เฝ้าไว้ก่อนนะ อย่าให้คู่กรณีหนีไปได้นะ”
เขามองนัทธนิษฐ์ด้วยแววตาอ้อนวอน
“เชิญ คุณเฉินไปจัดการธุระของคุณก่อนก็ได้ค่ะ”
เมื่อเห็นว่าเขามีเรื่องสำคัญต้องจัดการเธอก็ไม่รั้งเลขาหนุ่มไว้
ซู่เหลียงฉีลอบยิ้ม แผนของเขาสัมฤทธิผล เขากำจัดก้างชิ้นสำคัญไปได้
เมื่อไร้เงาของเลขาเฉิน นัทธนิษฐ์ก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เธออยู่กับเขาเพียงลำพัง
(เอาอีกแล้วหรือเนี่ย)
ซู่เหลียงฉีถอดเสื้อโค้ตวางข้างตัว เขาถลกเสื้อเชิ้ตสีขาวขึ้นมาไว้ครึ่งแขนก่อนจะเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ คนตัวเล็กที่หันหลังให้
นัทธนิษฐ์รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ของเขาที่กำลังก้มลงหาเธอที่นั่งอยู่ ก่อนจะผุดลุกขึ้นไปยืนดูวิวที่หน้าต่างซึ่งเป็นกระจกขนาดใหญ่แทน หวังว่าเขาคงไม่ทำอะไรเธอตรงหน้าต่างนี้หรอกนะ
เขาก้าวตามเธอมาที่ข้างหน้าต่าง
“รู้ตัวไหมว่าเวลาคุณเขิน หูคุณจะแดง”
นัทธนิษฐ์ยกสองมือขึ้นมาปิดหูตัวเองทันทีก่อนจะหันกลับไปเถียงคนพูด พอกะว่าจะหันไปเถียงเขาเสียหน่อย หน้าเธอก็ต้องเปลี่ยนสีทันทีเพราะกระดุมเสื้อเชิ้ตที่เคยอยู่เรียบร้อย กลับหลุดลุ่ยไปหมดเผยให้เห็นอกแข็งแกร่งของเขา
กว่าจะรู้ตัวว่าพลาด ริมฝีปากของคนตัวสูงก็เข้าประชิดเธอทันที เธอถูกเขาจูบอย่างโหยหาเร่าร้อน เหมือนจะคุกคามแต่ก็อ่อนโยน
เปลี่ยนจากริมฝีปากอวบอิ่มเป็นลำคอ เขาสูดกลิ่นหอมของเธอ โลมเลียต้นคอเรียวระหง
“เมื่อคืนยังกินไม่อิ่มเลย” เขากระซิบข้างหูคนตัวเล็ก
แต่พอกำลังจะทำอะไรไปมากกว่านั้น เขาก็เห็นปาปารัสซี่พร้อมด้วยกล้อง DSLR เลนส์คุณภาพสูงที่อาคารอีกฝั่ง
เขารั้งร่างคนตัวเล็กให้นอนราบกับพื้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
พอเห็นว่าเขาทำหน้าเครียดและหยุดการกระทำทั้งหมดเธอจึงรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ
“เกิดอะไรขึ้น”
“ที่ตึกอีกฝั่งมีปาปารัสซี่” เขาอธิบาย
นัทธนิษฐ์ตกใจ ทำท่าจะลุกขึ้นไปมองหา แต่ซู่เหลียงฉีก็รั้งเธอไว้ให้นอนอยู่กับพื้น
“อย่าลุกขึ้นไป”
เขากดตัวเธอลงนอน
“ให้ผมจัดการพวกนั้นก่อน”
ร่างสูงหยัดตัวยืนขึ้น เดินตามหาโทรศัพท์และรีโมทหน้าต่าง
“เลขาเฉิน ที่ตึกตรงข้ามมีแมลงสาบช่วยจัดการให้ฉันที ถ้าจัดการไม่ได้ไม่ต้องกลับมาทำงานอีก”
ซู่เหลียงฉีกดวางโทรศัพท์ และกดปิดม่านห้องสวีท
ม่านปิดตัวช้า ๆ นัทธนิษฐ์ลุกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าที่สวมอยู่ให้เรียบร้อยแต่ก็ช้ากว่าซู่เหลียงฉี
เขาก้าวเข้ามาอุ้มเธอเข้าสู่อ้อมแขนแข็งแกร่ง
“เห็นแบบนี้เธอก็ตัวหนักอยู่เหมือนกันนะ”
“นี่ ปล่อย” เธอดิ้นขลุกขลัก อยู่ในอ้อมแขนเขา
“ก็บอกแล้วไงว่าเมื่อคืนไม่อิ่ม ยังหิวอยู่เลย”
ซู่เหลียงฉีทำเสียงน่าเอ็นดูเหมือนเด็กหิวข้าว
“ขนลุก อีตาบ้า”
ซู่เหลียงฉีวางคนตัวเล็กที่โต๊ะประชุม ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรกางเกงยีนทรงสกินนี่ของเธอก็ถูกเขาล้วงเข้ามาหาจุดอ่อนไหว
“ปล่อยๆๆๆ” เธอจับมือเขาไว้ “ไม่ได้นะ มีงานต้องไปทำ” เธอพยายามดึงมือเขาออกจากส่วนอ่อนไหว
“ไม่ต้องทำแล้ววันนี้”
“มีคนกำลังรอฉันอยู่”
“ผมให้เลขาเฉินบอกเพื่อนคุณให้แล้ว ไม่ต้องห่วง”
กางเกงยีนสกินนี่ของเธอถูกปลดออกจากร่างกายอย่างง่ายดาย
สองมือแข็งแกร่งลูบไล้ต้นขาเรื่อยขึ้นมายังจุดอ่อนไหวด้านบน ลมหายใจอุ่นเดือดราวกับไอน้ำจากหม้อต้มคลอเคลียอยู่ตรงส่วนล่าง เขาก้มหน้าดูดกลืนน้ำหวานทั้งที่ยังมีกางเกงในเป็นปราการ
“ตรงนั้นไม่ได้ อย่าทำแบบนั้น”
เขาไม่ฟังเสียงเธอ ก่อนจะถอดปราการชิ้นสำคัญออกและกลืนกินเธออย่างหื่นกระหาย รสสัมผัสนุ่มละมุนทำให้เธอไปถึงเส้นชัยก่อนเขา
"ผมยังไม่เสร็จ ช่วยผมหน่อย" เขาอ้อนวอนคนตัวเล็กที่ถึงเส้นชัยก่อนเขา
"..." เธอไม่ตอบเพราะไม่รู้ว่าตอบยังไง
เธอคนเมื่อคืนที่กำลังเมากับเธอตอนนี้มันคนละคนกันนะ....