7
#####7
ซ่งซิงเยี่ยนกำมือแน่น จนเล็บปลอมที่เธอติดเอาไว้หลุดออกเป็นชิ้น ๆ เธออ่านพาดหัวข่าวในหน้าเว็บอย่างละเอียดทีละบรรทัด ยิ่งอ่านยิ่งตอกย้ำว่าเกมนี้เธอพลาด ไม่ว่าจะเปิดไปกี่เว็บต่อกี่เว็บก็มีแต่ข่าวนี้เต็มไปหมด แถมในข่าวยังพาดพิงถึงเธอเล็กน้อยอยู่หลายสำนัก
‘ไม่ใช่ว่า ซู่เหลียงฉีกำลังคบอยู่กับซ่งซิงเยี่ยนหรอกหรือ’ พนักงานที่ 1 เอ่ย
เสียงซุบซิบผ่านหูซ่งซิงเยี่ยน เธอนั่งเงียบ ๆ รอฟังว่าคนพวกนั้นจะพูดอะไรต่อ
‘จะเป็นซ่งซิงเยี่ยนไปได้ยังไงล่ะ เธอไม่เห็นหรอว่ามีข่าวกับซิงเยี่ยนทีไร ซู่เหลียงฉีก็เอาแต่ปฏิเสธตลอดเลย’ พนักงานที่ 2 หยุดก่อนจะพูดต่อ ‘แต่กับผู้หญิงคนนี้ ซู่เหลียงฉีเป็นคนประกาศเองเลยนะว่าเธอเป็นคู่หมั้น แถมยังไม่ตามปิดข่าวนี้อีกด้วย’
หัวใจของซ่งซิงเยี่ยนเจ็บแปลบ เธอหลงรักซู่เหลียงฉีมาโดยตลอด เขาให้เกียรติเธอในฐานะเพื่อน ซึ่งเธอไม่เคยไปถึงจุดที่เรียกว่าคนรัก เมื่อคิดว่าจะปล่อยเรื่องนี้ไปทีไร ประธานซ่งคนที่เธอเรียกเขาว่าพ่อก็มักจะหาเรื่องมากดดันให้เธอต้องวิ่งตามเขาอยู่เสมอ
เมื่อจัดการธุระในร้านซาลอนเสร็จแล้วซ่งซิงเยี่ยนก็รีบออกจากร้านทันทีปล่อยให้ผู้จัดการเป็นคนชำระค่าใช้จ่ายในวันนี้
Rrrrrrrh rrrrrrrrrh
โทรศัพท์แจ้งเตือน หญิงสาวมองเบอร์ที่โชว์ในหน้าจอโทรศัพท์อย่างประหลาดใจ เป็นเขา เป็นซู่เหลียงฉีที่โทรหาเธอก่อน
“คุณคงเห็นข่าวแล้ว”
“ค่ะ เห็นแล้ว”
“ประธานซ่งคงผิดหวังน่าดู กับเรื่องเมื่อคืนที่เขาวางหมากไว้”
ซ่งซิงเยี่ยนสะอึก เธอไม่เข้าใจ
“เรื่องของคุณกับผู้หญิงคนนั้น พ่อฉันเกี่ยวอะไรด้วย”
“ก็ลองไปถามพ่อเธอดูสิว่าเขาทำอะไรไว้”
ตื๊ดดดดด....
สายถูกตัดไป เธอไม่รู้ความหมายของบทสนทนาเมื่อสักครู่ เรื่องนี้รบกวนสมาธิเธอมากเกินไปแล้ว นิ้วเรียวยาวของเธอเลื่อนขึ้นไปกดปุ่มปิดเครื่อง วันนี้พอแค่นี้ก่อน มืออีกข้างหยิบบทละครดราม่าที่เธอได้รับเล่นเป็นตัวเอกขึ้นมาท่องจำ
คนตัวเล็กลงมานั่งอยู่ร็อบบี้โรงแรม เธอกำลังหาทางแก้ตัวถ้าหากทางบ้านรู้เรื่องนี้ ไหนจะต้องทำงานไหนจะต้องรับมือกับข่าว เธอถึงกับกุมขมับ
เบอร์แปลกถูกโทรเข้ามาที่โทรศัพท์ของนัทธนิษฐ์ เธอกดรับเพราะคิดว่าคงเป็นสายสำคัญ
“สวัสดีครับ” เสียงนุ่มลึกที่คุ้นเคยเอ่ยทักทาย
“คุณ คนเมื่อคืน?” นัทธนิษฐ์ถามด้วยความสงสัย
“นึกว่าจะลืมกันแล้ว”
เธอถอนหายใจ
“เห็นข่าวแล้วใช่ไหม ชื่อเสียงผมเสียหายหมดแล้ว”
“เดี๋ยวก่อน คุณผู้ชาย ใครกันแน่ที่เสียหาย ประโยคนั้นฉันต้องเป็นฝ่ายพูดไหม”
นัทธนิษฐ์เริ่มหงุดหงิด เขาเกิดมาเป็นนักกวนประสาทหรือไง
“พูดแบบนี้ เรื่องเมื่อคืนคุณก็จะไม่รับผิดชอบผมใช่ไหม
ขายาว ๆ ของของซู่เหลียงฉีก้าวเข้าในโรงแรมหรู โรงแรมแห่งนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งในเครือตระกูลซู่ เธอพักที่ไหนในเมืองนี้ย่อมไม่รอดสายตาเขาไปได้ ยิ่งเธอพักโรงแรมของเขานั่นยิ่งทำให้เรื่องง่ายเข้าไปอีก
ซู่เหลียงฉีก้มตัวลงกระซิบข้างหูคนตัวเล็ก
“หรือต้องให้ผมฟ้องนักข่าวว่าคุณทอดทิ้งผม”
นัทธนิษฐ์ขนลุกไปทั้งตัว เธอไม่คิดว่าเขาจะเจอเธอได้ง่ายดายแบบนี้
“คุณ!!!” ลมหายใจของนัทธนิษฐ์ขาดช่วง ลมหายใจของเขายังคลอเคลียอยู่ที่ต้นคอ เธอตื่นเต้นพูดอะไรไม่ถูก
ท่าทางน่าเอ็นดูของเธอทำให้ซู่เหลียงฉีนึกขัน เขาไม่คิดว่าผู้หญิงที่เป็น working woman อย่างเธอจะอ่อนไหวกับอะไรแบบนี้
ซู่เหลียงฉีเดินอ้อมไปนั่งตรงข้ามคนตัวเล็ก
“เรื่องเมื่อคืน ผมว่าเราต้องคุยกัน”
“ฉันว่า มันก็แค่เรื่องเมื่อคืน มันแค่นั้นไม่ต้องคุยอะไรกันหรอกมั้ง”
นัทธนิษฐ์ตัดบท
“จะแค่นั้นได้ยังไง มันมีอะไรมากกว่านั้น คุณนี่ลืมง่ายจัง”
“ลืมอะไร เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นล่ะ”
ใบหน้าน่ารักของเธอออกสีแดงเมื่อพูดถึงคำว่าเมื่อคืน
“คุณคิดอะไรอยู่ ผมหมายถึงเรื่อง.....” เขาหยุดเว้นวรรค มองสีหน้าของเธอก่อนจะเอ่ยต่อ “เรื่องที่คุณและผมถูกวางยา”
คนตัวเล็กโล่งอกที่เขาไม่พูดถึงเรื่องร้อน ๆ เมื่อคืน แต่ก็ประหลาดใจที่เขาพูดถึงเรื่องวางยา
“ไม่ได้มีแค่ฉันที่ถูกวางยางั้นหรอ”
“ผมว่าตรงนี้ไม่เหมาะที่จะคุยกัน หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง ไปหาที่เหมาะ ๆ นั่งคุยจริงจังกันดีกว่า”
เธอเห็นด้วยกับความคิดของเขา....