4
#####4
ก่อนที่ซู่เหลียงฉีกับนัทธนิษฐ์จะเดินลงมาจากชั้น VIP 10 นาที
“สำนักข่าวนายก็มีคนส่งข้อความให้เหมือนกันหรอ”
“ใช่ พอฉันเห็นข้อความเรื่องของซู่เหลียงฉีกับลูกสาวประธานซ่งแอบคบกัน ฉันก็รีบมาเลย”
“ว่าแต่ ตรงนี้เป็นจุดที่ VIP จะออกมาจริง ๆ ใช่ไหม”
“ใช่แล้ว ในข้อความบอกให้นักข่าวมารวมตัวกันตรงนี้ หวังว่าพวกเราจะไม่เสียเวลามารอล่ะ”
บทสนทนาของนักข่าวเผยให้เห็นถึงข้อความปริศนาที่ถูกส่งกระจายในหมู่นักข่าว ถึงแม้จะดูเป็นข้อความที่ไม่น่าเชื่อถือ แต่พวกเขาก็คิดว่าควรจะมาสังเกตการณ์ดูสักหน่อย เมื่อมายังโรงแรมที่ซู่เหลียงฉีเป็นเจ้าของก็พบว่ามีหลายสำนักข่าวที่ได้รับข้อความนี้ ทำให้ความน่าเชื่อถือดูจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
ข่าวลือเรื่องประทานซู่นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงผู้รับมรดกแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำของประเทศ เจ้าของกิจการใหญ่โตในเมืองนี้ กว่า 70% ของอสังหาริมทรัพย์ในเมืองนี้ เป็นของประธานซู่ผู้มีอิทพล ที่กำลังคบหาดูใจกับลูกสาวประธานซ่ง ซ่งซิงเยี่ยนดาราสาวเจ้าบทบาท แบรนด์แอมบาสเดอร์ประจำกลุ่มธุรกิจเครื่องสำอางเครือตระกูลซู่
ไม่มีมูลหมาไม่ขี้สุภาษิตนี้ทำให้หลายสำนักข่าวลองเสี่ยงดวงมายืนดักรอ
นัทธนิษฐ์ยังพูดไม่ทันจะจบประโยค แสงแฟลชจากกล้อง DSLR คุณภาพสูงก็สาดเข้าใส่เธอจนต้องหยีตาหลบเอี้ยวตัวไปอยู่เบื้องหลังคนตัวสูงใช้เขาเป็นปราการ
“พวกเขาออกมาแล้ว” เสียงฮือของนักข่าวกลุ่มใหญ่กรูเข้ามาใกล้คนทั้งคู่
“นั่นไม่ใช่ซ่งซิงเยี่ยน” เสียงนักข่าวคนหนึ่งตะโกนขึ้น
“ประธานซู่ ผู้หญิงข้าง ๆ คุณเป็นใคร พอจะบอกเราได้ไหม” นักข่าวหนุ่มคนหนึ่งจ่อเครื่องบันทึกเสียงยื่นเข้าไปใกล้กับซู่เหลียงฉี หวังจะได้คำตอบ
ผ่านไปสักพักกว่าซู่เหลียงฉีจะประมวลผลเหตุการณ์ได้ ชื่อของซ่งซิงเยี่ยนผ่านเข้ามาในหู แผนของคนตระกูลซ่งงั้นหรอ พวกเขาเกี่ยวอะไรด้วย
“เธอเป็นคู่หมั้นของผม” เขาตอบคำถามเลยตามเลยเพื่อไม่ให้เธอเสียหาย ถ้าบอกไปว่าเธอเป็นแค่คู่นอนข้ามคืนภาพลักษณ์ของทั้งเขาและเธอของจะเสียหายแน่ ๆ
ส่วนคนตัวเล็กที่หลบอยู่เบื้องหลัง ไม่ค่อยเข้าใจกับสิ่งที่นักข่าวกำลังซักถาม และไม่เข้าใจคำตอบของเขาเช่นกัน พวกเขาพูดเป็นภาษาท้องถิ่นที่เธอไม่เข้าใจ ก็สบายใจได้แล้วหนึ่งที่พวกเขาไม่ใช้ภาษาอังกฤษกับเธอ เดาว่าพวกนักข่าวคงจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใครแน่ ๆ
แล้วนายคนนี้เป็นใครทำไมถึงเป็นจุดสนใจของนักข่าวได้ขนาดนี้ นอกจากเธอจะมึนหัวกับเหตุการณ์เมื่อคืนแล้ว ยังจะต้องมาปวดหัววุ่นวายของกลุ่มนักข่าวตรงนี้อีก
โลกนี้ไม่ให้เธอได้พักเลยหรอเนี่ยยยยยย
“คุณ ระ เราจะไปจากตรงนี้ได้หรือยัง” คนตัวเล็กด้านหลังกระซิบเบา ๆ นัทธนิษฐ์เริ่มรู้สึกกังวลใจ เพราะเธอไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตัวเธอเริ่มสั่นเพราะความหนาว อากาศตรงนี้ก็หนาวเย็นไม่ใช่น้อย ใต้เสื้อโค้ตมีแค่เสื้อเชิ้ตกับเสื้อกล้ามบาง ๆ เท่านั้น
ซู่เหลียงฉีหันไปมองคนตัวเล็กที่เกาะกุมอยู่ที่แขนของเขา พอเห็นว่าตัวเธอเริ่มสั่นเล็กน้อย เขาก็นึกขึ้นได้ว่าข้างในเธอใส่แค่เสื้อเชิ้ตบาง ๆ
“ไว้คราวหน้า ผมจะแถลงข่าวเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ” เขาพูดตัดบทแล้วกุมมือเธอเดินย้อนกลับเข้าไปทางเดิม
พนักงานรักษาความปลอดภัยมาถึงพอสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย เลขาของซู่เหลียงฉีที่มาช้ากว่าที่ควรจะเป็น เข้าควบคุมพื้นที่เขาเชิญให้นักข่าวออกไปด้วยการขู่ใช้กฎหมาย พวกนักเต้าข่าวทั้งหลายจึงยอมออกไปแต่โดยดี
ทั้งคู่ยืนรออย่างใจเย็นในโถงทางเดิน รอจนเสียงดังด้านนอกเงียบสนิท ถึงกล้าที่จะเปิดปากคุยกัน
“ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แต่คิดว่าเราไม่ควรพัวพันกันไปมากกว่านี้”
“งั้นหรอ ผมต้องเป็นคนพูดหรือเปล่าประโยคนั้น”
ซู่เหลียงฉีหรี่ตามองคนตัวเล็กที่เชิดตัวขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง
“จะใครพูดก็ไม่สำคัญ ตอนนี้ฉันจะโทรให้คนของฉันเข้ามารับ”
“ในนี้ไม่ได้ คุณต้องออกไปรอข้างนอก” เขาให้คำตอบกับคู่นอนข้ามคืน
“ฉันไปรอตรงไหนได้บ้าง” เธออยากฟาดมือลงไปที่ใบหน้าหล่อเข้มของเขาเหลือเกิน หมั่นไส้สุด ๆ กับท่าทางไม่ไยดีของเขา แต่ก็ต้องอดทนเอาไว้
“OK หวังว่าเราจะไม่เจอกันอีก”
เลขาเฉินเข้ามารายงานเหตุการณ์ให้เจ้านายเจ้าอารมณ์ของเขาหลังจากเคลียร์พื้นที่ได้แล้ว เขาลอบมองหญิงสาวที่กำลังยืนถกเถียงกับเจ้านายของเขา เลขาเฉินเองรู้สึกคุ้นตาเธอไม่น้อยเหมือนกับว่าเคยพบเธอที่ไหนสักแห่ง
“ประธานซู่ ผมไล่นักข่าวออกไปหมดแล้ว รู้สึกว่านี่จะเป็นแผนของคนตระกูลซ่ง”
ซู่เหลียงฉี จุ๊ปากให้เลขาเฉินหยุดพูด
“นายไปส่งคุณผู้หญิงคนนี้ที่ป้ายรถเมล์หน้าโรงแรมหน่อยสิ ฉันกลัวว่าเธอจะเดินไปไม่ถูก”
คิ้วงามของนัทธนิษฐ์ขมวดเป็นปมทันทีเมื่อได้ยินว่าเขาจะให้เธอไปรอที่ป้ายรถเมล์ “หึ” เธอส่งเสียงในลำคอ ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเลขา
“ริกกี้ คุณอยู่ไหน”
“ตายแล้วคุณนานา คุณหายไปไหนมาทั้งคืนพวกเราแทบจะพลิกเมืองทั้งเมืองเพื่อหาคุณเลยนะ” ริกกี้ เลขาคนเก่งของนัทธนิษฐ์ตะโกนใส่โทรศัพท์ไม่หยุดจนเธอต้องยื่นออกมาห่างจากตัว
“ฟังฉันก่อนริกกี้ เธอมารับฉันที่ป้ายรถเมล์โรงแรม S นะ ภายใน 10 นาที” คนตัวเล็กเน้นย้ำคำว่าป้ายรถเมล์
ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยได้รับการเหยียดหยามแบบนี้มาก่อน ครอบครัวเธอเลี้ยงดูให้เธอสุขสบายที่สุด มอบแต่สิ่งดี ๆ ให้เธออีกทั้งยังให้อิสระกับเธอมาตลอด เขาเป็นใครถึงได้มาดูถูกเธอหลังจากที่เขาทำกับเธอแบบนั้น
เลขาเฉินเดินนำทางเธอออกไปจนถึงป้ายรถเมล์หน้าโรงแรม เขานึกออกแล้วว่าเธอเป็นใคร แต่ยังไม่กล้ารายงานให้กับเจ้านายฟัง เขาไม่รู้ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ ก่อนที่จะพูดอะไรออกไปเขาจึงจำเป็นต้องคิดให้ดีเสียก่อน
โรลส์รอยซ์ คันหรูจอดเทียบรออยู่ใกล้กับป้ายรถเมล์ สร้างความแตกตื่นไม่น้อยให้กับคนที่อยู่ ๆ รอบ ๆ คนตัวเล็กยืนรอให้คนขับรถมาเปิดประตูให้ ท่าทีของเธอสง่างามราวกับเจ้าหญิง เลขาเฉินเองก็อึ้งกับเหตุการณ์ตรงหน้า เขาไม่กล้าพูดอะไรออกไป
นัทธนิษฐ์หันมายิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับเลขาเฉินก่อนจะหายเข้าไปที่เบาะหลังของรถโรลส์รอยซ์คันหรู