บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1.1

ร่างผอมเพรียวของหญิงสาววัยยี่สิบสาม ด้วยความสูงร้อยหกสิบห้าเซนฯกับน้ำหนักสี่สิบกิโลกรัม ผมดัดหยิกยาวถึงกลางหลัง สวมเสื้อผ้าเก่าคร่ำคร่า สะพายกระเป๋าถักหลากสีที่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวไม่คิดจะใส่ใจเท่าไรนัก และรองเท้าผ้าใบสีหมอง

เธอเดินหันรีหันขวางมองหน้าทีหลังทีด้วยอาการหงุดหงิดติดรำคาญ สีหน้าแสดงความขัดเคืองใจอย่างเห็นได้ชัด หัวคิ้วเรียวโก่งที่ถูกปกคลุมด้วยขนคิ้วดกหนาอย่างน่ามอง ขมวดเข้าหากันราวกับผูกโบว์ ก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วโมง เธอสวมสูทเป็นกางเกงสีขรึม กับรองเท้าส้นสูง ดูดีพอสมควรและเหมาะสมกับการไปสมัครงาน แต่หลังจากนั้นเธอก็โยนชุดสูทใส่ไว้ในกระเป๋าที่สะพายอยู่ก่อนจะเปลี่ยนเป็นชุดสบาย ๆ แล้วเดินออกมา

“นึกว่าฉันง้อนักหรือ ไอ้หน้าเข้ม วางมาดทำเก๊ก ทุเรศสิ้นดี มีอย่างที่ไหน เปิดรับสมัครพนักงานแต่ไม่ยอมดูวุฒิการศึกษา แค่นายเห็นหน้าฉันแล้วปฏิเสธได้ยังไงไอ้บ้าเอ๊ย”

ญภา โลหะไวทิน รู้สึกหงุดหงิดเมื่อเดินออกมาจากบริษัทยักษ์ใหญ่ในกลุ่ม TC กรุ๊ป ซึ่งมีศูนย์การค้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศไทยและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยมาจนถึงปัจจุบัน TC กรุ๊ป ยังเป็นเจ้าของแบรนด์ศูนย์การค้าดังๆในประเทศไทยหลายแบรนด์ และยังทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารใหญ่ซึ่งเป็นสำนักงานของหลายบริษัท และโรงแรมหรูระดับห้าดาว

เธอเดินบ่นไปตลอดทาง เธอพยายามแวะดูโน่นนี่นั่นซึ่งผ่านไปนานหลายชั่วโมงจนกระทั่งอารมณ์เริ่มเย็นลง เมื่อตั้งใจจะไปเรียกรถสักคันเพื่อกลับที่พักซึ่งก็อยู่ไกลจากที่นี่มาก แต่ทว่าในขณะเดียวกันนั้นเองแต่เป็นอีกมุมหนึ่งของทางแยกที่จะตรงไปยังสถานีรถไฟฟ้าในช่วงที่ผู้คนสัญจรลดน้อยลง

มีกลุ่มวัยรุ่นโอบล้อมเข้ามาหาเด็กสาว ผู้ที่มีผิวขาวหมดจดหน้าตาน่ารักดูสะอาดสะอ้าน การแต่งกายบ่งบอกถึงฐานะทางการเงินของครอบครัวว่ามั่งคั่งมากแค่ไหนเนื่องจากใช้ของแบรนด์เนมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เมื่อเธอถูกโอบล้อมเข้ามาจนกลายเป็นแกนกลางของวัยรุ่นชายเกือบสิบก็ทำให้เธอเกิดความหวาดกลัวจนต้องยกกระเป๋าขึ้นมากอดไว้กับอกเพื่อบดบังสายตาของวัยรุ่นซึ่งมีช่วงอายุตั้งแต่สิบห้าไปจนถึงยี่สิบปีต่างจ้องมองมาหาเธอราวเสือที่กำลังเจอเหยื่ออันโอชะ

“หลีกไปนะ หลีกไป”

ชามา ทินโชติ สาวน้อยวัยสิบหกร้องบอกด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ พร้อมกับขยับขาถอยห่างจากบุคคลที่บ่งบอกว่าเป็นหัวโจกของกลุ่มที่กำลังแสยะยิ้มส่งให้เธอพร้อมกับกวาดสายตามองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ยิ่งได้เจอสายตาแบบนั้นก็ยิ่งทำให้ชามาหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก

“อย่ากลัวพี่เลยนะน้องสาว พี่นี้แสนจะถูกใจเธอ เลยตามมา มามะไปกับพี่ดีกว่า พี่จะพาน้องสาวไปสนุกต่อ ไปในที่ที่เธอจะมีความสุขจนไม่อยากกลับบ้าน”

ไอ้หนุ่มหัวโจกร้องบอกพร้อมกับสาวเท้าก้าวเข้าไปหาชามาอย่างช้า ๆ

“ไม่ ไปนะ ถอยไป แกไม่รู้หรือว่าฉันเป็นใคร หากแกยังไม่อยากเดือดร้อน น้าของฉันเป็นคนจริง เขาไม่ยอมให้พวกแกมาทำอะไรฉันได้หรอก”

ชามาถอยหนีแต่กลับต้องตกใจสุดขีดเมื่อแผ่นหลังที่เนียนสะอาดประทะกับชายในกลุ่มเดียวกัน เธอร้องกรี๊ดออกมาพร้อมกับมองไปรอบตัว ในเวลานี้เธอได้แต่ภาวนาว่า ขอให้มีใครสักคนมาช่วย หากว่าใครคนนั้นสามารถมาช่วยเธอได้ เธอจะยอมทำตามความปรารถนาของเขาทุกอย่าง ขอเพียงให้มีใครสักคนมาช่วยเธอด้วยเถิด

“พี่ปรารถนาจะเป็นหลานของน้าน้องสาว มามะไปกับพี่ ไปสนุกกันต่อดีกว่า ไป”

“ไม่ ช่วยด้วย ช่วยด้วย!”

เมื่อชามาไม่ยอมพวกมันก็กรูกันเข้ามาหมายจะพาตัวเธอขึ้นรถ แต่เสียงร้องของชามาก็ดังมากพอที่จะทำให้ญภาที่กำลังเดินเลี้ยวมามุมนั้นทันได้ยินและได้เห็น เธอไม่รอช้าด้วยสัญชาตญาณของคนมีน้ำใจจนทำให้เธอลืมไปว่าเธอเป็นผู้หญิงและมาเพียงลำพังก็ตรงเข้าต่อสู้กับกลุ่มวัยรุ่นจนเกิดการตะลุมบอนกันขึ้น

แต่เพราะญภาเป็นผู้หญิงจะสามารถไปสู้กับชายเกือบสิบได้อย่างไร ทำให้เธอถูกรุมทำร้ายจนบาดเจ็บแต่เธอก็ยังกัดฟันสู้ แต่สำหรับชามาที่ได้โอกาสหลบหนี แต่ก็ทำได้แค่ไปยืนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวเพราะก้าวขาแทบไม่ออก เธอเห็นท่าไม่ดีแน่หากปล่อยให้ญภาถูกรุมทำร้ายแบบนั้น หากญภาเสียท่าจนไม่สามารถลุกมาต่อสู้ได้ พวกมันจะต้องหันกลับมาหาตนเองอย่างแน่นอน

“ตำรวจ ตำรวจมา คุณตำรวจทางนี้ค่ะ ทางนี้”

ชามาร้องตะโกนอย่างดังทำให้พวกวัยรุ่นตกใจจนไม่ได้พิจารณา พวกมันรีบวิ่งหนีออกไปจากบริเวณนั้น ทำให้ชามารีบเข้ามาพยุงญภาที่ได้รับบาดเจ็บหนักขึ้นจากพื้น

“พี่คะ เป็นอย่างไรบ้างคะ”

ญภาค่อย ๆ ขยับเปลือกตาที่รู้สึกเจ็บจนแทบจะลืมไม่ขึ้นมองหน้าเด็กสาวที่มีใบหน้าผุดผ่องน่ารักคนนั้น

“ไม่เป็นไรใช่ไหม”

ญภาแข็งใจถามทำให้ชามารีบส่ายหน้าพร้อมลุกขึ้นหมุนร่างให้ญภาได้เห็นว่าเธอปลอดภัยดี

“ไปโรงพยาบาลกันนะคะ”

ทันทีที่ชามาเอ่ยถึงโรงพยาบาลก็ทำให้ญภาส่ายหน้าเร็วรี่พร้อมกับรีบยันกายลุกขึ้นยืนอย่างทันท่วงที

“ไม่ค่ะ ฉันไม่เป็นไรเธอไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วกลับบ้านเถอะ แถวนี้มันเปลี่ยว ดีไม่ดีไอ้พวกเด็กเหลือขอนั่นอาจจะกลับมาอีกก็ได้”

ญภาร้องบอกพร้อมกับแข็งใจก้มลงเก็บกระเป๋าถักของตนเองขึ้นสะพาย

“ไม่ค่ะ ฉันไม่กล้ากลับคนเดียว ฉันกลัว”

ชามาบอกความจริงพร้อมกับเหลียวมองไปรอบตัว แต่เธอนึกถึงใครคนหนึ่งขึ้นมาจึงหยิบโทรศัพท์กดไปหาเขาทันที

“พี่อย่าเพิ่งไปไหนนะคะ อยู่เป็นเพื่อนชาก่อน ชากลัว”

ญภาพยักหน้าพร้อมกับมองไปรอบตัวแล้วก็คว้าข้อมือของชามาให้ก้าวเดินตรงไปยังที่ที่มีแสงไฟสว่าง

“มีแท็กซี่มา เธอไปก่อนเถอะนะฉันจะรออีกคัน”

ญภาบอกแต่ชามาส่ายหน้าแล้วกอดแขนญภาไว้แน่น

“ชากลัว”

ชามาบอกเพียงเท่านั้นก็ทำให้ญภาไม่อาจจะบังคับเธอได้

“ไปโรงพยาบาลกันก่อนนะคะ ไปด้วยกัน”

“ไม่ฉันไม่ไป ไม่เป็นไรมาก”

“พี่เจ็บขนาดนี้ยังบอกว่าไม่เป็นไรได้ยังไงคะ”

ชามาย้อนถามทำให้ญภาเมินหน้าหลบสายตาเหมือนต้องการจะซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ภายใต้การยืนยันว่าไม่ไปโรงพยาบาล

“มาแล้ว น้าคะ”

ชามาหันมาเห็นใครคนหนึ่งที่เดินแกมวิ่งตรงมาพร้อมกับชายอีกสามคน ก็รีบโบกมือให้สัญญาณแล้วยิ้มกว้างด้วยความดีใจ

“น้าธรรศ”

เมื่อใครคนนั้นมาถึง ชามาก็โผเข้าไปกอดเขาไว้แน่น

“เป็นไรหรือเปล่าจ๊ะชามา”

น้ำเสียงทุ้มนุ่มกังวานขึ้นอย่างน่าฟัง แสดงให้เห็นถึงความห่วงใยอย่างชัดเจน จนทำให้คนที่เหมือนจะหลับลงไปในเวลานั้นยังต้องตื่นมาฟังแล้วมองหาต้นเสียง

“น้าขอโทษนะที่มาช้า ขอโทษนะที่น้าดูแลหลานไม่ดี”

เขากอดกระชับร่างเล็กบางที่ดูเตี้ยและตัวเล็กลงไปถนัดตานั่นไว้อย่างปลอบโยน

“ชารอดมาได้เพราะพี่คนนี้ช่วยชาไว้ค่ะคุณน้า”

ชามาหันข้างเพื่อจะหลีกทางให้ธรรศได้มองเห็นญภา ที่อยู่ในสภาพที่แทบจะทรงกายยืนไม่ไหว

“น้าธรรศขาช่วยพาเขาไปโรงพยาบาลทีนะคะเขาไม่ยอมไป”

ชายหนุ่มวัยสามสิบห้า ผิวขาวสะอาดหมดจด รูปร่างสูงโปร่งสมสัดส่วนด้วยส่วนสูงกว่าร้อยแปดสิบเซนฯ เจ้าของทรงผมตัดสั้นอย่างประณีต ดวงตาคมกล้าเจิดจรัสบ่งบอกถึงสมรรถภาพทางสมองที่เป็นเลิศ จมูกโด่งเป็นสันอย่างสวยงามตามธรรมชาติรับกับริมฝีปากได้รูปสีชมพูอ่อน เขาตวัดสายตาผ่านร่างของชามาไปยังบุคคลที่พอจะมองออกว่าเป็นหญิงแต่เขาก็สะดุดตาตั้งแต่เสื้อผ้าของใครคนนั้นเพราะธรรศเป็นคนรักความสะอาดและชอบอะไรที่ดูดีเป็นพื้นฐาน

ครั้นพอเธอเงยหน้ามอง เขาก็ต้องนิ่ง เจ้าของเครื่องหน้าที่ดูคมคายซ่อนแววหวานปนเศร้าไว้ในดวงตาคู่สวยที่ดูโดดเด่นด้วยขนตาที่ยาวงอนราวกับใส่ขนตาปลอม ปลายจมูกเล็กโด่งรั้น ๆ แสดงถึงอุปนิสัยใจคอของเธอเป็นอย่างดี เรียวปากรูปกระจับสีชมพูที่ดูซีดเล็กน้อยเนื่องมาจากอาการบาดเจ็บ

“นี่มัน..คุณ?!”

ไม่เพียงแต่ธรรศเท่านั้นที่ดูเหมือนจะแปลกใจระคนตกใจ แม้แต่ญภาเองก็มีทีท่าไม่ต่างจากเขา เธอยกมือชี้หน้าเขา พร้อมกับเบิกตากว้าง ครั้นเมื่อมองเห็นจนแน่ชัดว่าชายหนุ่มรูปหล่อที่มีรูปร่างสุดเซ็กซี่คนนี้เป็นใคร เธอก็สะบัดหน้าไปทางอื่นพร้อมกับพยายามยืดตัวให้ตรงทันที

“ฉันจะกลับ ตอนนี้เธอมีคนที่จะมาดูแลแล้วคงไม่กลัวแล้วใช่ไหม”

ญภาหันไปมองหน้าชามาก่อนจะวาดเรียวขาหมายจะเดินจากไป แต่ชามาก็รีบคว้ามือเรียวบางและอ่อนนุ่มของญภาไว้พร้อมกับมองหน้าธรรศ

“ไม่ได้นะคะ พี่ช่วยชาไว้ อย่างน้อยก็ควรจะให้ชาได้ตอบแทนบ้างสิคะ คุณน้าขา”

ชามามองหน้าธรรศ ที่สอดนิ้วหยิบกระเป๋าเงินและหยิบธนบัตรใบละพันส่งมาให้ญภาที่มองดูธนบัตรหลายใบในมือใหญ่ที่แข็งแรงของธรรศแล้วมองหน้าเขาพลางกัดริมฝีปากบางไว้แน่น

“อย่าคิดว่าจะเอาเงินมาฟาดหัวฉันได้ การทำความดีโดยเจตนาบริสุทธิ์ มันแสดงออกถึงความรู้สึกนึกคิดที่ดี เงินของคุณ มันไม่มีค่าสำหรับฉันหรอก”

ญภาเอ่ยออกมาพร้อมกับเตรียมเดินหนี

“น้อยไปใช่ไหม ได้สิ ผมให้เพิ่ม”

ธรรศหยิบเงินออกมาอีก

“คุณน้าคะ!”

ชามารีบยกมือยันมือใหญ่ของเขาที่เตรียมยื่นเงินส่งให้ญภาทันทีพร้อมกับมองหน้าธรรศแล้วส่ายหน้า

“พาพี่เขาไปหาหมอก่อนเถอะค่ะคุณน้าขา พี่เขาบาดเจ็บเพราะชานะคะ”

ธรรศหรี่ตามองเลยไปหาญภาอย่างค้นคว้าหมายจะมองให้ลึกถึงความรู้สึกนึกคิดของเธอก็ไม่ปาน ซึ่งในขณะนั้นญภารู้สึกว่าตาเริ่มลายในความรู้สึกของเธอคือโลกมันเริ่มหมุนคว้างจนแทบจะทรงกายไม่อยู่ แต่ด้วยทิฐิมานะและความไม่ชอบหน้าเขา ทำให้เธอขยับขาเพื่อเตรียมจะเดินหนี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel