บทที่ 1
" เจอไหม"
เสียงหญิงแต่แหบเอ่ยถามขึ้น หลังเดินมาสมทบกับชายฉกรรจ์ในชุดทหารนับสิบ แววตาสีฟ้าอ่อนเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะตามหาเจ้าของรอยเลือดนี่ให้พบ
เมื่อสามชั่วโมงก่อนมีเหตุแจ้งการยิงกันขนาดย่อมในแถบทะเลทรายติดกับขุนเขาต้องห้ามที่ไม่มีใครอยากจะย่างกรายเข้าไป เธออาสาจะมาเพียงแค่ทำหน้าที่ของอาชีพที่รักที่สุด กระนั้นก็เหมือนดูโง่ในสายตาเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นๆ หากนี่คือการพาตัวเองมาถูกกระสุนของศัตรู ซึ่งเธออาจจะมีความเกรงกลัวอยู่บ้าง ถ้าสิ่งที่ทำทั้งหมดไม่ใช่เป็นการเอาชนะใจผู้เป็นพ่อ
คาเวีย เกรย์ หญิงสาวตาแขก สีฟ้าอ่อนดุจน้ำทะเลตื้น ทว่าแววตากลับลึกสุดขั้วบ่งบอกถึงความหยิ่งทระนง ใครเผลอมองมักจะติดอยู่ในห้วงภวังค์ราวกับกำลังเพ้อฝัน
" ไม่เจอเลยครับ" เสียงทหารนายหนึ่งตอบ
ร่างบางจึงเปลี่ยนจากท่ายืนตรงเป็นเท้าสะเอวหลังจากนั้นอย่างขัดใจ หล่อนเริ่มเครียด หากผลสรุปของภารกิจครั้งนี้ที่ได้ เกิดเป็นศูนย์
" งั้นหรือ..." ก่อนจะเลิกคิ้วสูงหันไปสบตาทหารทั้งหมด " แล้วถ้าฉันพูดว่า ต้องหาจนกว่าจะพบ แบบนี้ล่ะ..พวกนายจะทำให้ไหม"
ซึ่งแน่นอน เหล่าชายอกสามศอกย่อมสยบภายในพริบตาเดียว
" แน่นอน พวกเราจะหาให้ทั่ว จะไม่หยุดจนกว่าจะพบครับ!"
" ดี! งั้นก็แยกย้ายไป เจอหลักฐานอะไร ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ มารายงานฉัน "
" รับคำสั่งครับ!"
เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมเพรียงกัน พลางคำนับ ก่อนพากันแตกระแหไปทุกทิศทาง ปล่อยให้เธอยืนอยู่คนเดียว พร้อมรอยเลือดกองใหญ่ยักษ์
เธอก้มมองดูมัน ก่อนจะแบะปากหรี่ตาลอย ในหัวคิด มีแต่ของให้ดูต่างหน้า ทว่าเจ้าของกลับไม่มี มีเพียงรถคู่ใจคันใหญ่จอดอยู่ นั่นบ่งบอกให้รู้ว่าเขายังไม่ตาย และคงหนีไปได้ไม่ไกลหรอก
แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้น่าแปลกใจไปมากกว่านั้น กับความฉลาดเป็นกรดของเขาก็คือ..การหนีไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับนินจาหายตัวได้ของเขามาน่าทึ่ง
ไม่มีแม้แต่รอยเลือดหยด
ไม่ทิ้งหลักฐานไว้ในรถ
มีก็แต่เพียงเข็มกรัดอันหนึ่งที่บ่งบอกให้รู้ว่าเขาเป็นใคร
" หึ เลือดเข้มข้นดีนี่ แกน่าจะเป็นโจรที่มีจิตใจอำมหิตที่สุด ที่ฉันเคยเจอมา"
ภายใต้การปกครองของกองทัพทหาร ดินแดนทะเลทรายเป็นจุดที่อันตรายที่สุด มีบทความนึงกล่าวขานสืบต่อกันมา ประหนึ่งเป็นเรื่องเล่าว่า ในอณาจักรใหญ่ยักษ์ซึ่งมีมาเฟียสามกลุ่มที่มีอำนาจมากกว่าใครแห่งนี้ แข่งกันปกครองจนเกิดปัญหาให้กับมวลชนมนุษย์ร่วมโลกคนอื่น ด้วยเจตนาโดยไร้จิตสำนึก ในขณะที่ส่วนรวมอย่างพวกเขาเดือดร้อน ในสงครามของสงครามก็ยังมีใครหลายคนเดือดร้อนเพราะสิ่งนี้ด้วย
แน่นอนหนึ่งในนั้นก็คือเขา ' ซันดรู'
มาเฟียรักสนุก ที่ต้องผันตัวมาทำในสิ่งที่ใครรู้เป็นต้องทึ่ง หลังจากแตกคอกับสหายในกลุ่ม และเลือกที่จะเดินออกมาใช้ชีวิตในแบบของตัวเองแทน
แต่แล้ว..
วันนี้สิ่งที่เขากำลังทำกลับพบว่า ใครก็ตามหากเข้าไปในขุมนรกแล้ว ยากที่จะออกมาจากขุมนรกได้ เนื่องจากว่าสีดำนั้น ไม่มีสีอื่นมาเปลี่ยนแปลงหรือทดแทนให้กลายเป็นสีที่สวยงามได้
ซึ่งเขารู้กฏข้อนี้ดี ทว่า...กลับเลือกที่จะเดินต่อไปไม่สนใจคำเตือนของใครสักคน
แม้กระทั่งคนสำคัญของเขาอย่างเรกาโดเขายังไม่ฟัง นับประสาอะไรกับคนอื่น
' มึงอยู่คนเดียวไม่ได้หรอกซัน เชื่อกู'
เพราะ ณ ตอนนี้ สิ่งที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต คือความคิดของเขา!
หยดเลือดที่ถูกปกปิดโดยเม็ดทราย แห้งเหือดกลายเป็นเกล็ดแข็งในที่สุด ไม่ได้ระแคะระคายผิวหนังเจ้าของให้เจ็บปวดนาน เขาอึดถึงขนาดหาทางรอดได้เพียงนี้ หากทำไม่ได้ก็อย่าเรียกเขาว่า
'Black Heart' เลย ฉายานี้ไม่ได้ขอมาฟรีๆหรือจับฉลากมา
" บ้าเอ๊ยยย"
เสียงแหบสบถแผ่วเบา หลังกระเสือกกระสนเดินมาไกลพลาดสะดุดขาตัวเองล้มในขณะลงเขา พร้อมกำปั้นทุบพื้นดิน บ่งบอกเป็นการระบายอารมณ์ที่มีอยู่ทั้งหมด
แต่แล้วกลับต้องร้องซี้ด เมื่อสิ่งที่เขาออกแรงนั้นมันกระทบแผลฉกรรจ์อาบเลือดนั้นด้วย
ช่างทรมานเกินจะทน!
กระนั้นก็ไม่สามารถหยุดเดินได้ คนอย่างเขาไม่มีทางยอมแพ้ เอาร่างตัวเองมาทิ้งไว้ที่นี่หรอก
มันเป็นการปล่อยศักดิ์ศรีให้คนอื่นหยามเกินไป
ร่างสูงกัดฟันลุกอีกครั้ง นอกจากคำว่าฮึดสู้ในหัว ก็มีความโอหังไม่ยอมใครด้วยนี่แหละ เป็นแรงผลักดัน
แต่แล้ว...
เหมือนโชคไม่เข้าข้าง เมื่อจังหวะจะลุกปลายกระบอกปืนปริศนากระบอกหนึ่งชี้มาทางเขา ขึ้นนกรอให้เขาเงยแล้วเหนี่ยวไก ในขณะคนจ่อถือยังเคี้ยวหมากฝรั่งในปากสบายใจเฉิบ
" ไง ไอ้หมาจนตรอก"
" คารอส.."
" ขอบคุณที่จำได้พวก"
" ยะ...อย่า "
ปัง!
" อ๊ากกก"
เสียงปืนดังสนั่นลั่นป่า ทว่าคนที่ร้องห้ามกลับไม่ถูกยิง แต่คนที่คิดจะยิงกลับบาดเจ็บแทน เพราะวิถีกระสุนที่พุ่งสาดมานั้นมาจากกระบอกอื่น ซึ่งไม่ใช่เขา ผู้ที่เป็นศัตรูของอีกฝั่ง...
ซันดรูขมวดคิ้วยุ่งเหยิงช้อนตามอง ก่อนจะหย่อนลงหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
สาวหน้าคมยืนตระหง่าน มือขวาถือปืนควันพวยพุ่งบ่งบอกให้รู้เพิ่งเหนี่ยวไกดีดกระสุนออกไปใหม่ๆ ปากบางกระจับเม้มเป็นขีดนั่นคือท่าทางของคนหยิ่งยโส บวกนัยย์ตาสีฟ้าอ่อนแฝงเสน่หาผสมความไม่กลัวใคร
เขาถึงกับทึ่ง แต่นี่คงไม่ใช่เวลาทวงถามเพื่อคลี่คลายความสงสัยในใจ เมื่ออยู่ๆเธอเดินเข้ามาพร้อมที่จะยิงอีกฝั่ง ซึ่งไม่ใช่เขา!
" ไง คารอส " หล่อนเผยอปากยักคิ้ว
ส่วนคนร้าย...
" กล้ามาก กล้าที่จะยิงฉัน!"
มือทั้งคู่ประกบเข้าหากัน ซึ่งอาบไปด้วยเลือดดำเนื่องจากว่าเมื่อครู่ เธอยิงเข้าตรงนั้นเต็มๆ ไม่ได้เล็งไปยังจุดสำคัญ จงใจจะคร่าชีวิต
ในขณะซันดรูถึงกับอึ้ง หลังได้ยินประโยคสนทนานี้ที่เกิดขึ้นระหว่างคนทั้งคู่
" ก็ฉันเห็นพี่จะยิงเขา "
" พี่งั้นหรือ..." ก่อนจะครางในลำคอมองสลับสองคนหญิงชาย
" บ้าเอ๊ยยย แกมันบ้าไปแล้ว ถ้าฉันตายล่ะ"
" ฮึ ฉันไม่พลาดขนาดนั้นหรอก เพราะถ้าพลาดจะไม่ถากถางแค่มือถือปืน "
" เพื่ออะไรวะ"
คารอสตะโกนถาม ลำคอขึ้นเส้นเป็นเอ็น โมโหที่ไม่สามารถทำร้ายคนตรงหน้าได้ เพราะเธอเป็นน้องสาว
"....."
เธอไม่ตอบ นอกจากแสะยิ้มตรงมุมปาก แล้วเดินเชื่องช้าไปข้างหน้า มองมาเฟียหนุ่ม เชลยผู้มีเกียรติ ที่มีแต่คนจะแย่งชิง
จากนั้นจึงจะชี้ปลายกระบอกปืนไปข้างหน้า ชนกับหน้าผากเขา
แกรก...
พลางขึ้นนกขู่
" เฮ้ๆๆ นี่เธอจะทำอะไร"
" ลุก ก่อนหัวแกจะเหมือนกับมือเขา"
" นี่เธอ!"
" ไม่ใช่เวลามาตวาดฉัน เวลานี้แกต้องเอาชีวิตให้รอดสิ ลุก!"
" ฟัค!"
ซันดรูกัดฟันกรอด ช่างใจได้แค่ชั่วครู่ ก่อนจะยันตัวลุก ทำตามที่เธอสั่ง ทว่าไม่วายที่จะส่งดวงตาอาฆาตกลับไปให้
" เดินไป... ทางนั้นน่ะ ฐานทัพฉันรอแกอยู่"
ก้าวเท้าจำใจเดินตาม ทั้งที่สมองยังงุนงง ก่อนจะหันกลับมาถาม
" เธอต้องการอะไรจากฉันแม่สาวน้อย"
" แกคิดว่าทหาร เขาต้องการอะไรจากโจรล่ะ" ในขณะเธอยักคิ้วยียวน
" หืม"
" โดยเฉพาะโจรข้ามชาติอย่างแก"
ซันดรูอึ้งไปอึดใจหนึ่ง แล้วจึงยิ้มแป้นทีหลัง
" โว๊ๆๆ นี่เป็นทหารหรือนี่ "
แต่แล้วกลับต้องเงียบ เมื่อคนที่เขาแซวไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไป
" หุบปาก!"
ผั๊วะ!!
เพราะเธอกล้าที่จะตบมาเฟียอย่างเขาด้วยด้ามปืน