ตอนที่ 6 สาวงามเคียงกาย 2
สตรีก็เช่นนี้ ไม่มีหรอกที่จิตใจไม่คับแคบ ไม่จริงหรอกที่จิตใจกว้างขวาง
ยิ่งคลุกคลีกับบุรุษในดวงใจหนึ่งวันก็ยิ่งหลงใหลคลั่งไคล้และหวงแหนขึ้นหนึ่งส่วน
อาจเพราะรักมากจึงเห็นแก่ตัว หวาดกลัวที่จะต้องสูญเสีย
คืนนั้น หวงลี่ฟางแอบเห็นชัดเจนว่าจ้าวฉีเสวียนกลับมาคฤหาสน์หนิงเทียน
ทั้งที่นางจำได้ว่าเขาบอกจะเดินทางไปท่องเที่ยวตามประสานักรบที่ได้รับวันหยุดพักผ่อนหลังชนะศึก แต่เขากลับมาพักผ่อนที่คฤหาสน์หนิงเทียน โดยที่มิได้แวะเวียนมาเยือนห้องนาง แต่กลับพาสาวงามนางนั้นมาขลุกกันอยู่ในห้องหนังสือเนิ่นนาน
ระหว่างนั้นยังเรียกหาอ่างน้ำอุ่นกับผ้าซับตัว
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกเขาทำสิ่งใดกัน!
เพราะนางเองก็เคยถูกเขาทำเรื่องเหลวไหลในห้องหนังสือจนต้องเรียกหาอ่างน้ำอุ่นกับผ้าซับตัวมาชำระกายอย่างน่าละอายภายในห้องนั้นเช่นกัน
บนเตียงกว้างหวงลี่ฟางพยายามอย่างยิ่งที่จะข่มตาหลับ ทว่าช่างยากเย็น
ไม่ใช่ไม่เคยนอนคนเดียว แต่การนอนคนเดียวของนาง ล้วนเป็นค่ำคืนที่จ้าวฉีเสวียนไม่ได้กลับเข้าคฤหาสน์
ยามนี้เขากลับมา แต่ไม่เข้าหา ไม่เรียกใช้นางเช่นทุกครา
อาการน้อยอกน้อยใจพลุ่งพล่านผสานความน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาท่วมท้นจนคนให้รู้สึกทนไม่ไหว
ภาพของเขาที่อาจจะกำลังคลอเคลียกับหญิงอื่น ทำนางร้อนรุ่มเกินจะกล่าว หญิงสาวจะรู้สึกทนไหวได้อย่างไร นางกระสับกระส่ายสับสนวุ่นวายเกินทานทนจึงลุกขึ้นมานั่งปักผ้า เย็บถุงหอม จัดดอกไม้ทั้งราตรี เพียรหางานทำทางนั้นทีนางนี้ทีเพื่อมิให้ตนเองฟุ้งซ่านมากเกินไป
สุดท้าย หวงลี่ฟางกลับฟุบหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อน
เรือนร่างอรชรบอบบางน่าทะนุถนอมนอนหลับท่ามกลางกองผ้าปักบนตั่งตัวยาวริมหน้าต่าง ทำบุรุษหนุ่มที่เดินเข้ามายืนอิงขอบประตูต้องหรี่ตามองอย่างไม่ชอบใจนัก
เหตุใดนางไม่นอนดีๆ เตียงที่เขาสั่งทำให้เป็นพิเศษทำนางนอนไม่สบายหรือไรกัน?
จ้าวฉีเสวียนให้รู้สึกไม่สบอารมณ์มาก หงุดหงิดอย่างยิ่ง นางจะเหนื่อยอันใดหนักหนา
กระนั้นกลับไม่คิดปลุกหวงลี่ฟางให้ไปนอนดีๆ บนเตียง คิดว่านางคงอยากนอนมองดาวแน่ๆ ชายหนุ่มจึงไม่ทักไม่เรียก ไม่บอกกล่าวใดๆ จากที่ตั้งใจมาบอกลาเหมือนทุกคราที่ต้องห่างกัน เพียงวางสิ่งหนึ่งเอาไว้แล้วหมุนตัวจากไปเงียบงัน
รุ่งอรุณมาเยือน แสงแดดอ่อนจางเล็ดลอดเข้าทางช่องหน้าต่าง ทำหวงลี่ฟางเริ่มสะลืมสะลือ ค่อยๆ ปรือตาตื่นเพราะการรบกวนจากดวงตะวัน
ครั้นลุกขึ้นนั่ง มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นห้องหนังสือของจ้าวฉีเสวียนบัดนี้ปิดสนิทมีทหารยามยืนเฝ้าหนาแน่นหลายคน ชัดเจนว่าเขาออกไปแล้ว เพราะหากยังอยู่จะมีแค่องครักษ์คนสนิทที่ได้รับสิทธิ์ยืนหน้าประตูรอรับใช้อย่างใกล้ชิด
เขาไปแล้ว...ไปพร้อมสตรีนางนั้น
พวกเขาไปด้วยกัน...
จังหวะนั้นหวงลี่ฟางพลันเหลือบไปเห็นสิ่งหนึ่งวางอยู่ที่พื้นห้องใกล้โต๊ะกลมเตี้ย รีบลุกเดินมาดูใกล้ๆ สิ่งนี้คือกรงไม้สลัก ด้านในมีกระต่ายขาวน่ารักน่าชังหนึ่งตัว
หวงลี่ฟางรีบเปิดกรง ล้วงมืออุ้มกระต่ายขาวออกมา
ดวงตางามค่อยๆ เบิกกว้างอย่างกระจ่างแก่ใจในบางสิ่ง
จ้าวฉีเสวียนเดินทางไกล...
และอาจจะไปหลายเดือนนานนับปี...
สาเหตุที่หญิงสาวล่วงรู้เช่นนี้เพราะครั้งก่อนตอนห่างกัน จ้าวฉีเสวียนมอบแมวน้อยให้นางตัวหนึ่ง
ทุกวันนี้แมวน้อยอ้วนท้วนสมบูรณ์ยิ่ง ทว่ามันกลับชมชอบพ่อบ้านฉินมาก ถึงขนาดมาทักทายนางแค่ช่วงเช้าเท่านั้น แต่พอกินอาหารเสร็จก็วิ่งซนไปทั่วคฤหาสน์เพื่อตามพ่อบ้านฉินตรวจตราบ่าวไพร่ทุกเรือน ประหนึ่งเป็นตัวแทนจ้าวฉีเสวียนกระนั้น
แต่ครั้งนี้ได้กระต่ายขาวในกรง
คงไม่ต้องบอกว่าเหมือนใคร
หญิงสาวกักเก็บความน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้ ไม่คิดมากให้พลุ่งพล่านอีก หลังจากหลับไปหนึ่งราตรี คนย่อมมีสติมากกว่าเดิม ตัวนางอยู่ในฐานะอันใด ควรตระหนักไว้ให้มั่น ไม่ควรบีบคั้นตนเองให้ทุกข์ตรมเช่นนี้ บุรุษสูงศักดิ์ไหนเลยเคยมีเพียงหนึ่งสตรีอุ่นเตียง ต่อให้เขาแต่งงานมีภรรยาแล้วก็คงไม่แคล้วรับโฉมสะคราญเข้ามาเพิ่มหลังเรือนอยู่ดี
การต้องแอบมองเขาอยู่กับหญิงอื่นหรือเลือกพาหญิงอื่นให้ติดสอยห้อยตามไปปรนนิบัติต่างถิ่น โดยนางอีกคนที่มิได้ถูกเลือกให้รับสิทธิ์นั้นต้องทนเดียวดายในเรือนร้าง ย่อมเกิดขึ้นอยู่แล้ว
นางจะเสียเวลาคร่ำครวญให้เกิดประโยชน์ใดกัน!
ทุกวันมีค่า ไม่ควรปล่อยไปให้เสียเปล่าอย่างไร้ประโยชน์ หวงลี่ฟางจึงลุกขึ้นล้างหน้าบ้วนปากและผลัดผ้า คิดว่าจะทำงานเย็นปักแอบนำออกไปขายที่ตลาดเหมือนเช่นเคย
ฝีเข็มนางไม่ธรรมดา ฝีมือยิ่งไม่สามัญ สินค้าแต่ละชิ้นที่ทำออกมาส่งให้ร้านค้าได้ราคาแพงยิ่ง กระนั้นการทำสิ่งนี้มิใช่หวังความมั่งคั่งเพราะรู้ว่ามิยั่งยืน หวงลี่ฟางเพียงใช้มันปลอบประโลมประคับประคองและเยียวยาจิตใจยามฟุ้งซ่านเท่านั้น
[1]ยาม อุ้ย เท่ากับเวลา 13.00 น. จนถึง 14.59 น.