ตอนที่ 2 ทางที่เลือกแล้วไม่คิดหวนกลับ2
แม้หวงลี่ฟางมีนิสัยพูดน้อยถนอมคำ มารยาทงามล้ำ ท่าทางสงบเสงี่ยมเจียมตน แต่เมื่อถูกคนเรียกร้องอย่างเอาแต่ใจ นางก็มักประท้วงด้วยเสียงครวญครางแว่วหวานอันเย้ายวนใจเสมอ
นี่ไยมิใช่เขาเสนอนางสนองเพื่อแลกเปลี่ยนความสุขสมระหว่างชายหญิง
การร่วมรักเกิดขึ้นเนิ่นนาน ก่อเกิดหลุมดำแห่งความเสพสมคล้ายสวรรค์กลั่นแกล้ง ประหนึ่งเทพจันทราแสร้งตบตาคนว่ามนุษย์เดินดินไม่มีอยู่จริง ใต้หล้านี้มีเพียงเทพธิดากับเทพเซียนกำลังเสพสมกันบนชั้นฟ้าชั้นดาวดึงส์เท่านั้น
ความรู้สึกถึงดวงดาวที่พร่างพราวและคลับคล้ายว่าทั้งตัวล่องลอยสูงลิบอยู่บนเมฆาเกิดขึ้นจนฟ้าเปลี่ยนสีอีกครา จ้าวฉีเสวียนก็กลับจวนชินอ๋อง หวงลี่ฟางจึงได้รับอิสระ
จ้าวฉีเสวียนมิเคยกักขังหน่วงเหนี่ยวนางแต่อย่างใด ทุกสิ่งที่ทำล้วนเป็นนางเต็มใจ
กาลก่อนนางที่ไม่เคยได้ย่างเท้าออกนอกเรือน ทั้งวันต้องท่องตำรา ทบทวนบทเรียน คร่ำเคร่งฝึกศาสตร์ทุกแขนง ศิลปะสี่ประการของสตรี กระทั่งมารยาทและความประพฤติทุกอย่างภายใต้การสั่งสอนอันเข้มงวด
อิสระคืออะไร นางไม่รู้จักด้วยซ้ำ
หลายครั้งอยากโยนทุกสิ่งทิ้งไปอย่างไม่ไยดีแต่ก็มิอาจกระทำ จำต้องก้มหน้าก้มตายอมรับชะตากรรมอันสูงส่งเทียมฟ้า
แต่ยามนี้นางมีเวลาว่างมากมาย นางใช้เวลาว่างที่ได้รับไปกับฝึกทำอาหารที่จ้าวฉีเสวียนชอบ บางครั้งก็ปักผ้า เลี้ยงปลา บางครายังได้ออกไปเที่ยวที่ตลาดเลือกหาซื้อของที่ตัวเองชอบและจ้าวฉีเสวียนอาจจะพึงใจเมื่อเห็นสิ่งเหล่านั้นอยู่บนเรือนร่างนาง
เบี้ยหวัดรายเดือนนางไม่มีหรอกเพราะมิได้มีสัญญาขายตัวเฉกบ่าวไพร่ทั่วไป มีเพียงหีบไม้ที่จ้าวฉีเสวียนมักจะแวะเวียนมาเติมเงินใส่ทองวางเครื่องประดับเอาไว้ให้
ส่วนข้าวของเครื่องใช้รวมถึงอาหารทุกมื้อล้วนมีพร้อมพรั่งเพียงเอ่ยปากสั่ง
คฤหาสน์หนิงเทียนแห่งนี้มีสาวใช้และบ่าวชายประจำอยู่แค่น้อยนิดไม่กี่คน ซึ่งแตกต่างจากจำนวนบ่าวไพร่ที่หวงลี่ฟางเคยควบคุมดูแลมาตลอดสิบกว่าปีในจวนหวง แต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว คนมากปัญหาย่อมมาก เรื่องยุ่งยากย่อมตามมา
หวงลี่ฟางเหลือบตามองท้องฟ้า วันนี้อากาศค่อนข้างดียิ่ง นางจึงตัดสินใจว่าควรออกไปหาซื้อผ้ามาเย็บถุงหอม คิดเอาไว้ว่าต้องเพิ่มสมุนไพรบำรุงร่างกายให้มากหน่อย สุขภาพของซื่อจื่อจะได้แข็งแรงตลอดเวลา
หญิงสาวมักต้องเข้าร้านยาบ่อยครั้งเพื่อหาซื้อยาห้ามครรภ์ด้วยตนเองโดยไม่เรียกใช้สาวใช้หรือบ่าวไพร่คนใด
ดังนั้นจึงมีโอกาสหาซื้อสมุนไพรดีๆ มาเย็บใส่ถุงหอมเพื่อเตรียมไว้ให้จ้าวฉีเสวียน วันนี้ก่อนจากกันนางก็สอดถุงหอมอันใหม่ให้เขา ทุกห้าวันสิบวันที่เจอกันล้วนเป็นเช่นนั้น เขาเองก็ชอบเปลี่ยนถุงหอมตามที่นางมอบให้อย่างไม่เคยปฏิเสธ
ตลาดเมืองผิงโจวยังคงคึกคักเหมือนทุกวัน ประชากรในเมืองหน้าด่านแห่งนี้ค่อนข้างหนาแน่นไม่แพ้เมืองหลวงแคว้นจิน
นอกจากมีจำนวนเยอะผู้คนยังมากหน้าหลายตา หมุนเวียนเข้าออกประตูเมืองไม่เว้นแต่ละวัน เพราะมีคนของแคว้นฉินเข้ามาติดต่อค้าขายตลอดฤดูกาล บ้านเรือนมีการซื้อขายเปลี่ยนมือเจ้าของบ่อยครั้ง และหลายครั้งเจ้าของเดิมร่ำรวยมั่งคั่งก็ขยับขยายไปอยู่เมืองหลวงที่เจริญกว่าและหลายครั้งก็มีคนที่ขยับฐานะจากยากจนขึ้นเป็นเศรษฐีใหม่
นับเป็นเมืองที่เหมาะแก่การอยู่แบบเงียบๆ ไม่เผยตัวตนของหวงลี่ฟางอย่างยิ่ง
หญิงสาวเดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้จนพอใจ ครั้นได้สมุนไพรที่ต้องการแล้วก็แวะพักจิบชากินขนมคลายเหนื่อยที่โรงน้ำชาฝูหมิง
โรงน้ำชาแห่งนี้มีชั้นสองที่รับรองลูกค้าแบบห้องส่วนตัว หวงลี่ฟางเลือกห้องชั้นสองแล้วนั่งลงสั่งขนมสองชนิดและน้ำชา
ขณะกำลังดื่มด่ำกับน้ำชารสเลิศขึ้นชื่อของที่นี่ จู่ๆ พลันมีสตรีชุดดำอายุราวยี่สิบกว่าปีผู้มิได้รับเชิญเดินเข้ามา
หวงลี่ฟางเบิกตามองอย่างฉงน กำลังจะเรียกเสี่ยวเอ้อร์เพื่อสอบถามว่าส่งลูกค้าเข้าห้องผิดหรือไม่ แต่อีกฝ่ายยกมือประสานคารวะอย่างนอบน้อมพร้อมแนะนำตัวอย่างเป็นมิตรเสียก่อน “คุณหนูหวงอย่าตกใจไป ข้ามีนามว่าหลันฮวา ข้ามาดีมิได้มาร้าย”
แม้อีกฝ่ายจะเอ่ยปากบอกชื่อเสียงเรียงนามเปี่ยมไมตรีแล้ว หากแต่หวงลี่ฟางก็ยังไม่รู้จักอยู่ดี
และที่สำคัญ นางมั่นใจว่าในเมืองแห่งนี้ ไม่มีใครรู้จักนาง ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางเป็นใคร
แซ่หวงนี้ แม้แต่จ้าวฉีเสวียนยังไม่รู้ด้วยซ้ำ