4.ข้าจะกลืนกินท่าน!
ข้าจะกลืนกินท่าน!
อู๋หยางจี ลุกพรวดขึ้นจากอ่างไม้ เขาคว้าเสื้อผมสวมปกปิดร่างกาย ระหว่างนั้นก็เงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวที่ดังอย่างน่าสงสัย จากเสียงแมวร้องแผดลั่นราวกับทารกเสียขวัญ กลายเป็นเสียงสะอื้นไห้และคร่ำครวญ เขารักการเขียนอ่านมาตั้งแต่เด็ก เป็นชายชาตรีอกสามศอก เรื่องผีสาง หรือปีศาจร้าย เขาไม่เคยเผชิญหน้าตรงๆ กระนั้นก็มิใช่บุรุษขี้ขลาดคิดหวั่นกลัวเรื่องเหล่านี้
“ผู้ใดหลบอยู่ตรงนั้น!” เขาเอ่ยถาม แล้วสืบเท้ายาวๆ ไปเบื้องหน้า ดวงตาคมกริบกวาดตามองรอบตัว พร้อมเอื้อมมือไปคว้าเอาท่อนไม้ที่เป็นราวตากผ้ามาถือไว้เพื่อเป็นอาวุธ
เสียงคร่ำครวญยังดังไม่หยุด และยังดังมากกว่าเดิมคล้ายว่าอู๋หยางจีเข้าใกล้สิ่งที่แอบซ่อนอยู่
กระทั่งเขาก้าวไปอยู่ตรงหน้าประตู ช่วงเวลานั้นมีสายลมวูบใหญ่ผ่านร่าง เขาเย็นสะท้านไปทั้งร่าง และสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมประหลาดจนรู้สึกคัดจมูกก่อนต้องจามเสียงดัง
เขาจามติดกันสองสามครั้ง จนปวดศีรษะ จากนั้นหัวใจพลันเต้นแรงกว่าปกติ
ความหอมเมื่อครู่ส่งผลต่อร่างกายอู๋หยางจี เขายังหนุ่มแน่น ถึงไม่ได้หมกมุ่นต่อการปลดปล่อยความเครียดขึ้งของร่างกาย แต่น้องชายนับว่าใช้การได้ดีเยี่ยม และยังใหญ่โตเกินชายทุกคนในตระกูลอู๋ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่านอกจากใหญ่ตลอดทั้งลำ ยามมันผงาดโผล่ออกมาจากฝัก ยังเป็นที่ประจักษ์ให้คนที่ได้พบเห็นต้องครั่นคร้ามใจ พี่สาวข้างบ้าน และน้องสาวของเพื่อนต่างชมชอบ พวกนางแอบมาขอลูบคลำอยู่บ่อยๆ ซึ่งมีบางครั้งที่เขาเผลอใจป้อนความล้ำให้พวกนางได้กลืนกิน!
ยามนั้น อู๋หยางจีตระหนักถึงบางสิ่ง ก่อนขบขันกับตนเอง เมื่อครู่เขายังระแวดระวังภัยจากคนร้าย หากตอนนี้ แท่งหยกของเขากลับแข็งขั้นจนปวดหนึบๆ ครานั้นเขาอยากถอยกลับเข้าไปยังห้องอาบน้ำ เพื่อระบายความเครียดของแท่งหยก แต่ไม่อาจตัดใจจากเหตุการณ์เบื้องหน้า เขาต้องการรู้ว่ามีผู้ใดลอบเข้ามาในเรือนไม้หลังเล็กหรือไม่
สองเท้าก้าวต่อเนื่อง พลางเกิดความงุ่นง่านอย่างหนัก ปลายหัวหยักของเขาโผล่พ้นออกจากฝัก มันไหวไปมาทุกๆ ย่างก้าว สิ่งที่ชวนให้น่าฉงนยิ่งกว่า เขาเกิดความคันที่ปลายของมัน จนเผลอใช้มือข้างหนึ่งสัมผัสเพื่อหวังลดอาการงุ่นง่าน
เนื้อตัวเขาร้อนวูบวาบ พลางสังหรณ์ใจว่าสายลมเมื่อครู่อาจไม่ใช่สายลมธรรมดา เขาอยู่กับเครื่องหอมของมารดามาหลายปี และ ‘กำยานถวิลหา’ เป็นสิ่งต้องห้ามที่มารดาเขาเอ่ยเตือนอยู่เสมอ
เมื่อเขาออกมาอยู่ลานโล่งหน้าเรือนไม้ จึงเห็นว่าท้องฟ้ามืดครึ้ม มีแสงโคมไฟด้านนอกรอดเข้ามาในเรือน อีกทั้งเสียงคร่ำครวญของสตรียังดังไม่หยุด
ในยามนี้เขาเกิดความรำคาญ อยากหาที่มาของเสียงปริศนา แล้วจัดการซัดให้น่วมหากอีกฝ่ายเป็นคน ถ้าหากเป็นวิญญาณตามมาหลอกหลอน เขาคงเรียกหมอผีมาปราบ และสะกดวิญญาณไม่ให้ไปผุดไปเกิดได้อีกเลย
ชายหนุ่มไปอีกสองสามก้าวจึงสะดุดบางอย่างที่อยู่ตรงทางเดิน มันเป็นรองเท้าสีแดงข้างขวาของผู้หญิง ปักลวดลายเถาดอกไม้สีสันสดใส หากมีเพียงข้างเดียว คราแรกเขาไม่ใส่ใจ แต่เป็นเพราะช่วงเวลานั้นจู่ๆ สายลมพัดผ่านร่างอีกครั้ง พร้อมมีเสียงฟ้าร้อง พลอยให้เขาสังหรณ์ใจแปลกๆ จึงก้มลงไปหยิบรองเท้าขึ้นมาดู ก่อนคะเนว่ามันอาจเป็นร้องเท้าของเจ้าสาว!
แต่ตอนเขามาที่เรือนหลังนี้ อู๋หยางจีมั่นใจว่าเขาไม่พบสิ่งของผู้หญิง อีกทั้งรองเท้าข้างนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อน เขาพลิกรองเท้าดูและเห็นว่ามีปักอักษรเอาไว้ อ่านได้ว่า ‘รั่วจื่อ’
ชื่อเช่นนี้ ย่อมเป็นสตรี ทว่าเหตุใดมันถึงมาหล่นอยู่ในเรือนที่เขาเช่าไว้อาศัย
สุดท้าย อู๋หยางจีจึงถือรองเท้าข้างนั้นติดมือเข้าไปในเรือน เพราะฝนเริ่มลงเม็ดหนัก
ตกกลางดึก อากาศในห้องนอนเล็กๆ เย็นเฉียบจนเขาต้องซุกตัวในผ้าห่ม ในขณะที่กึ่งหลับกึ่งตื่นอู๋หยางจี ไม่แน่ใจนักว่าเขากำลังฝัน หรือว่าคิดเลื่อนเปื้อนไปเอง ทว่าเขาเกิดความเสียวกระสันบริเวณท้องน้อย ก่อนที่แก่นกายเขาจะคล้ายถูกความสยิวเล่นงาน
ร่างกายเขามิอาจขัดขืน ได้แต่นอนนิ่งๆ อยู่เช่นนั้น หัวใจเขาเต้นแรงหนักหน่วง ความรู้สึกลึกลับแสนรัญจวน
หากกล่าวว่าเขาถูกข่มเหงคงไม่ผิด ปลายหัวหยักที่พ้นออกมาจากฝัก ถูกแลบเลีย และชกชิมความหวานจากน้ำหล่อเลี้ยง พอเขาครางออกมาริมฝีปากบางก็ถูกกระกบเอาไว้
จูบ...มันคือรสจูบร้อนแรง ซึ่งเขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน ถึงอายุยี่สิบต้นๆ แล้ว หากเขายังไม่เคยร่วมนอนกับหญิงใด ที่ผ่านมาเพียงแค่การสัมผัสลูบคลำภายนอก ไม่ได้มีการสอดใส่ และการจูบครั้งนี้ช่างเร่าร้อน จนเขาแทบอยากปลดปล่อยความอุ่นข้นออกมา
ความฝันแสนหวานนี้ กำลังทำให้เขาคลั่ง เมื่อผ่านการจูบอย่างร้อนแรง ยอดหน้าอกที่แข็งเป็นไตก็ถูกโลมเลีย แมวดำตัวนั้นรึเขาคิดอย่างเป็นตุเป็นตะ หรือว่าเขาถูกปีศาจร้ายบุกเข้ามาล่อลวงด้วยเวทมนตร์ชั่ว
ยอดหน้าอกเขาถูกดูดสลับการบีบแรงๆ อย่างหยาบคาย ส่วนแท่งหยกที่ปลายหัวหยักร้อนราวกับลูกไฟ กำลังต่อสู้กับพื้นที่อุ่นๆ แสนนุ่มนิ่ม
อู๋หยางจี เคยเห็นกลีบบุปผาสตรีทั้งในหนังสือกงชุน หรือภาพวาดแสนพิเรนทร์ของพี่ชายมิน้อย รวมถึงสาวๆ ที่เคยสนุกด้วยกันตามโอกาสที่เหมาะสม เขารู้ว่ามันเป็นส่วนเชื่อมต่อชายหญิงเข้าด้วยกัน เพื่อให้ความสุข และสร้างทายาทไว้สืบสกุล
ชายหนุ่มครางเสียงต่ำแหบพร่า ถึงเขาจะนอนนิ่งๆ แต่การถูกอีกร่างกดทับเอาไว้ และละเลงเรียวลิ้น กับเรือนกายก็เป็นสิ่งที่เขายากอดกลั้นความเสียวกระสันเอาไว้ได้
เขาปล่อยใจให้อีกฝ่ายล่อลวง เรือนกายหนุ่มถูกร่างนุ่มนิ่มเล่นสนุกด้วยทุกซอกทุกมุม อู๋หยางจีไม่เคยตกเป็นทาสใครเช่นนี้ แต่เขาจำยอมแต่โดยดี กระทั่งกลีบบุปผาฉ่ำหวานทาบทับกับปลายแท่งหยก เขาก็สะท้านไปทั้งร่าง
การเย้าหยอกของคนปริศนาทำให้อู๋หยางจีคำรามเตือน อีกทั้งในช่วงเวลาดังกล่าว เขาหวิวไหวมากจนเกร็ง
และอีกฝ่ายย่อมเป็นสตรี สตรีที่นิยมลักลอบกินบุรุษเสียด้วย...
อู๋หยางจี พยายามลืมตามองผู้ที่ทำเรื่องเหลวไหลกับร่างกายเขา แต่ดูเหมือนหนังตาจะหนักลงเรื่อยๆ ผิดกับแก่นกายเขาที่แข็งค้าง มันปวดรุนแรงกระทั่งเขารับรู้ได้ว่ามีมือคู่หนึ่งกำลังปลุกปล้ำมัน เขาส่งเสียงประท้วงหากมันไม่พ้นลำคอ นอกจากสองมือที่ปล้ำความแข็งขันของเขาแล้ว ทั้งปลายลิ้น กับริมฝีปากของนางก็ทั้งเม้ม ทั้งดูดโลมเลียจนเขาแทบขาดใจ
ชายหนุ่มไม่ได้อยู่ในความฝันเร่าร้อน แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นจริง แน่นอนเขาไม่ได้ถูกผีอำ หากสิ่งที่กระตุ้นแท่งหยกลำอวบของเขาคือสตรีผู้หนึ่งเป็นแน่แท้ แล้วนางเป็นผู้ใด? อู๋หยางจีทบทวนในใจ พร้อมอาการเสียวซ่านจนอยากร้องสุดเสียง ทว่าเขาเหมือนถูกนางสะกดเอาไว้ จึงได้แต่ปล่อยใจ ปล่อยกายบำเรอรสสวาทต่อผู้ที่ลักลอบมาข่มเหง ข่มเหงรึ... คิดถึงคำนี้แล้ว เขาอยากหัวเราะให้สาแก่ใจ เติบโตมาจนป่านนี้ นับว่าเป็นครั้งแรกที่เขาเพลี่ยงพล้ำต่อหญิงสาว
มือเรียวคู่นั้นยังซุกซนไม่เลิก และปลายลิ้นยังเย้าแหย่ไล่ต้อนให้อู๋หยางจีหลั่งความอุ่นข้นที่ร้อนจัดจากปลายหัวหยักบานใหญ่
หญิงสาวครางเสียงหวานๆ ไม่หยุด การแสดงออกเช่นนั้นทำให้เขารู้ว่า นางได้เติมไฟปรารถนาให้ตน อาจเป็นมืออีกข้าง หรือไม่คงเป็นสิ่งใดที่ทำให้แอ่งเนื้อนิ่มของนางถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง ด้วยเสียงนั้นคล้ายยามเขาช่วยให้พี่สาวข้างบ้านสุขสมก่อนที่นางจะเสร็จสม
อู๋หยางจีคิดถึงภาพในวัยหนุ่มน้อย ร่างกายเขาเติบโตเร็ว และหลายครั้งที่ออกจากบ้านไปพร้อมพี่ชายเพื่อจับปลา หรือหาของปลา อู๋ฉินหมิงมักไปพลอดรักกับสาวๆ อยู่เสมอ ส่วนตัวเขาในวัยหนุ่มน้อยจะมีสตรีที่ลักลอบมาสร้างความสัมพันธ์ด้วย บ้างเป็นพี่สาวที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียง หรือหญิงม่ายที่สามีเสียชีวิตในสงคราม ไม่ก็เป็นแม่นางน้อยที่รุ่นราวคราวเดียวกันซึ่งหลงใหลในความหล่อเหลาและสง่างามของเขา อีกทั้งมีเรื่องซุบซิบว่าลูกชายคนเล็กของตระกูลอู๋ คือหนุ่มน้อยหน้าหยกที่หาใครเทียบได้ นอกจากนั้นเขายังมีขาที่สามซึ่งผู้คนล่ำลือว่าทั้งอวบใหญ่ เป็นลำตรงสวย ดังนั้นสตรีที่ได้ข่าวซุบซิบจึงพากันย่องมาหาเขาอย่างลับๆ