บทที่ 1
“อะไรนะยัยแตงโม อีกทีสิ”
เสียงตะโกนแข่งกับเสียงดนตรีที่ดังลั่น ทำให้หญิงสาวที่กำลังกระดกเหล้าเพียวๆ เข้าปาก หันมาตวัดตาค้อนขวับ แล้ววางแก้วของตนลงอย่างกระแทกเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงดังพอๆ กับเสียงดนตรี
“ก็บอกว่าอกหักไงล่ะ อกหักอะ ถึงได้พามาเลี้ยง ได้ยินมะยัยซัน อกหักโว้ยยย จะให้ไปแย่งไมค์นักร้อง บอกให้ดังทั่วร้านด้วยเลยปะ”
“เอ้าใจเย็น แตงโม นะโม พุทโธ สังโฆ”
เสียงหวานๆ เบาๆ เอ่ยคำกล่อมที่ไม่น่าจะอยู่ในสถานที่อโคจรแบบนี้ เล่นเอาสองสาวที่กำลังทำเหมือนจะทะเลาะหัน หันไปทางต้นเสียง ซึ่งเป็นหญิงสาวร่างเล็ก แต่สรีระบางอย่างก็อูมอิ่มจนน่าอิจฉา หล่อนอยู่ในชุดยาวแบบคอเต่า แขนยาว กระโปรงบานกรอมเท้าสีขาวล้วน สวมรองเท้าผ้าใบสีชมพูนู้ด อาจจะเป็นสีสันอย่างเดียวในตัวของหล่อนก็ว่าได้ ผมยาวเกล้าเป็นมวย อวดใบหน้า น่ารัก จิ้มลิ้ม สดใส หล่อนดูเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทางเอาจริงๆ ในขณะที่หญิงสาวที่กำลังรายล้อมหล่อนนั้น สวมเสื้อผ้าเรียกได้ว่าใช้ผ้าเศษสองส่วนห้าของผ้าที่เป็นชุดของหล่อนก็เป็นได้
“มาสวดอะไรตรงนี้ยะ ยัยกิ่ง นี่มันร้านเหล้า ไม่ใช่สถานปฏิบัติธรรม”
“แหม...ก็ฉันกำลังจะไปสถานปฏิบัติธรรมของฉัน แล้วแกลากพาฉันมาที่นี่ทำไมล่ะแตงโม” เจ้าของชื่อ กัดริมฝีปาก แล้วหยิกแก้มเพื่อนแรงๆ จนกิ่งพะยอมร้องโอ๊ย!
“ต้องครบแก๊งสิ ก็เพื่อนเศร้าอะ เพื่อนเศร้าขนาดนี้ เลือกพระมากกว่าเพื่อนเหรอ ยัยกิ่ง”
“เปรียบเสียบาปกรรม ก็เลือกแกไหมล่ะ ถึงได้ขึ้นรถตามมานี่ เฮ้อ...”
ว่าแล้วก็นวดขมับ กับอาการเหวี่ยงของเพื่อนรัก อภิญาดาค้อนขวับกับท่าทางของกิ่งพะยอม แม่สาวเรียบร้อย ธรรมะธัมโม จนไม่คิดว่าจะมาเข้ากลุ่มร่วมก๊วนอะไรกับพวกเธอได้ แต่ก็น่ะ...กลับคบหากันได้ยาวนาน กี่ปีแล้วนะ ที่คบกันมาแบบนี้ ก็ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน จนมาทำงานแม้จะทำงานกันต่างที่ แต่ก็ติดต่อ ร่วมกลุ่มเที่ยวด้วยกัน คุยกันทุกวัน สนิทสนมกันยิ่งกว่าพี่น้องเลยก็ว่าได้
พวกเธอคบกันแบบเหนียวแน่นหนึบ แทบจะเรียกได้ว่าแก๊งสามสาว สามสไตล์นี้ ตัวติดกัน รู้นิสัยใจคอกันสุดๆ หลับตาแล้วคนไหนเดินผ่าน ได้กลิ่นก็รู้เลยล่ะว่าเป็นใคร สนิทกันถึงขนาดนี้ เข้านอกออกในบ้านเพื่อนได้ตลอด ถือกุญแจให้กันและกัน พ่อและแม่ของทั้งสามสาวที่ต่างมีลูกสาวคนเดียวเหมือนกัน ตอนนี้พวกท่านรู้สึกว่าเพื่อนลูกกลายเป็นลูกตัวเองไปกันแล้ว เรียกได้ว่าสนิทกันถึงขนาดนั้นเลยล่ะ
ถึงจะต่างสไตล์ ต่างนิสัย แต่ก็เป็นความต่างที่คบกันได้อย่างลงตัว
และที่เหมือนกันตอนนี้ก็คือ สามสาวอายุย่างเข้า 29 โสดสนิท ไม่มีใครมีแฟนกันเลยสักคน
“อกหักยังไม่ชินอีกหรือยังไงล่ะยัยแตงโม ว่าแต่ว่า แกอกหักกับใครอะ ฉันเพิ่งได้ยินแกคร่ำครวญอกหักไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อนเองนะ”
“นั่นมันอกหักแบบ...” อภิญาดาถอนใจเฮือก ก่อนจะยักไหล่
“นี่หล่อนที่บ้านไม่ได้ติดเน็ต ไม่มีเน็ตฟิกซ์ดู ไม่ดูยูทูป ไม่เล่นเฟซเหรอยะ ยัยซัน”
“แหม...ฉันไม่ได้อยู่เขา ชะง่อนผานะแก จะได้อับสัญญาณเป็นคนถ้ำแบบนั้นอะ”
สุนิษา ทำตาโตกับคำพูดคำจาของเพื่อนสุดเฮ้วประจำกลุ่ม ที่ว่าสุดเฮ้วนี่ ก็เพราะนิสัยของอภิญาดาล้วนๆ
“ฉันอกหักจาก คิม ซี จูย่ะ คิม ซี จู โอ๊ย รู้จักปะ”
“พระเอกเรื่อง รักนี้ฟินนะ” กิ่งพะยอมทำตาเคลิ้มเลยล่ะ พลางย่นจมูกน้อยๆ
“หล่อนะ อิอิ”
“เห็นมะ ยัยชีอย่างยัยกิ่ง คนที่นอนไม่เกินสี่ทุ่มอะ ยังรู้จักเลย ทำไมแกไม่รู้จักหะ ยัยซัน”
“โอ๊ย! ฉันไม่ได้ไปสายเกา ฉันอะสายฝอย่ะ ผู้ฝอเท่านั้นที่ฉันต้องการ เอ่อ ตกลงว่าอะไรยังไง แกอกหักกับใครหะ ยัยแตงโม”
“กับน้องที่แผนกอะ”
“หืม?”
สุนิษาคิ้วขมวด ยกแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นจิบอย่างระวัง แน่ล่ะวันนี้ เธอจะดื่มมากไม่ได้ แม้จะโดนบังคับให้ดื่มเป็นเพื่อน เพราะรู้ๆ กันว่า อภิญาดานั้น ลงได้เมาแล้ว ‘รั่ว’ ขนาดไหน ยิ่งมีเรื่องทุกข์แล้วมาเมาแบบนี้ ยิ่งกลายร่างอัพเลเวลจาก ‘รั่ว’ เป็น ‘เรื้อน’ กันได้เลย
“ใครอะ ยัยแตงโม มีใครน่ากินด้วยเหรอแผนกของเรา”
สองสาวทำงานบริษัทเดียวกัน เป็นนายหน้าโบรกเกอร์ตัวจี๊ด ที่หาตัวจับยากในวงการนี้ ตอนนี้สุนิษาได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการ ส่วนอภิญาดาไม่น้อยหน้าเพื่อน หล่อนเขยิบเป็นรองผู้จัดการทั้งที่ทำงานกันไม่ถึงห้าปี เรื่องการทำงานนั้นมีแต่คนซูฮก ว่าแน่จัด เจ๋งจริง เป็นกองกำลังสำคัญของบริษัทเลยก็ว่าได้
ทั้งอภิญาดาและสุนิษานั้น เรียกได้ว่าเป็นสาวที่สวย รวย ทั้งปัญญา หน้าตา และเงิน แปลกที่ทั้งคู่ยังไม่มีหนุ่มใดมากล้าจีบเลยสิน่า...อาจจะเพราะสเปคด้วยส่วนหนึ่ง สุนิษานั้นตอนแรกตั้งสเปคผู้ชายไว้สูงมาก เพราะเธอถือว่าเธอมีดีและกำลังกอบโกยประสบการณ์ รวมถึงความสำเร็จ ความสำเร็จ เงินทองหลั่งไหลมา แต่ผู้ชายในสเปคกลับถอยห่างและลดสเปคไปเรื่อยๆ จนเหลือนิดๆ หน่อยๆ ไปล่ะตอนนี้ โธ่...ก็ความโสด สวย รวย บางทีมันก็เหงานะ
“มีสิ ฉันอกหักตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มอะ ตั้งใจจะจีบน้อง แต่น้องทำเมียท้อง เมื่อวานนี้อะโอ้โหเมียโทรมาค่ะ ดีใจร้องตะโกนดังลั่นทั่วแผนก แห้ว...กินแห้ว อกหัก ฮือ...”
“โอ๊ย ยัยแตงโม หล่อนนี่ไร้สาระนะ”
อดขำเพื่อนไม่ได้ จึงตบบ่าเพื่อนเบาๆ อภิญาดาค้อนขวับ แล้วทำหน้างอ
“ไร้สาระอะไร เครียดจริงจังนะยะ เนี่ยจะสามสิบแล้วนะแก พวกเราอะ ขึ้นคานกันทั้งสามคนด้วย นี่ไม่คิดจะลุกขึ้นมาทำอะไรกันเลยเหรอ หืม? ยัยซัน ยัยกิ่ง”
“ไปดูดวงไหม?”
ข้อเสนอจากสาวเรียบร้อยประจำกลุ่ม เล่นเอาทั้งอภิญาดา และสุนิษาหันมองหน้ากัน แล้วพากันขำพรืด
“ไปดูทำไมล่ะดวงอะ ยัยกิ่ง แล้วเชื่อด้วยเหรอยะเรื่องดวงน่ะ หืม?”
“เอ้า...ก็เชื่ออยู่นะ แต่ก็เชื่อแบบห้าสิบห้าสิบ เพราะการดูดวงคือสถิติ แหม...ก็ดูพอเป็นแนวทางไงล่ะ ว่าเราสามคนอะ จะได้มีสามีไหมนะ ชีวิตนี้”
“เอาสิ ฉันว่า ฉันจะต้องได้ผู้ชายก่อนพวกหล่อนแน่นอน” อภิญาดายักไหล่ แล้วยิ้มแบบคิดว่าตัวเองสวยที่สุด เซ็กซี่ที่สุดให้กับสองสาว
“โอ๊ย มั่นนะยะ” สุนิษาว่า
“แหม ก็เอาแค่ชื่อฉันก็กินขาดล่ะ พ่อฉันตั้งชื่อให้ว่าอภิญาดา แปลว่ามหาสวยนะแก แค่ชื่อ ความสวย กินขาด”
“แหม...จะบอกว่าพ่อแกตั้งชื่อแกตามความเป็นจริงของใบหน้าแกงั้นเหอะ ยัยแตงโม”
“จะเถียงปะล่ะ ว่าเพื่อนอะไม่สวย มีคนทักว่าเพื่อนอะหน้าเหมือนใหม่ดาวิกาด้วยล่ะ”
ลอยหน้าลอยตายืนยัน ความสวยของตนเองให้สองเพื่อนซี้ที่กำลังมองเพื่อนตาแป๋วให้ดูชัดๆ พร้อมกับตบท้ายอย่างแสนมั่นใจสุดๆ
“ไหมล่ะ? ถ้าใหม่ดาวิกามีไฝที่ใต้ตาซ้าย แล้วก็ลักยิ้มข้างหนึ่งแบบฉัน ก็ฝาแฝดชัดๆ”
“ที่เหมือนใหม่ดาวิกาน่ะ หน้าหรือนม”
เสียงเอ่ยกลั้วหัวเราะของสุนิษาดังขึ้น พร้อมกับเอื้อมมือจิ้มสรีระบางส่วนของเพื่อน ที่วันนี้อูมใหญ่ผิดจากทุกทีเล่นเอาอภิญาดาร้องกรี๊ดเบาๆ พลางทำเสียงดุ
“บูลลี่ใหม่ดาวิกาเหรอแก”
“บูลลี่แกต่างหาก อิอิ บอกมาว่ายัดทิชชูไปกี่ม้วนอะวันนี้”
“โอ๊ย! ใจร้ายอะ ใครเค้ายัดกันยะทิชชู มีนวัตกรรมใหม่ย่ะเดี๋ยวนี้ ยกทรงแบบดูมๆ สิ ฟองน้ำสี่ชั้นเอง โอ๊ย อะไรกันอะหล่อน คนรู้หมดว่าฉันนมแบน เดี๋ยวแม่ก็ไปทำนมเสียนี่”
“จงพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ แกอะ สวยน่ารัก แม้จะนมไม่ค่อยมีนะยัยแตงโม” เพื่อนอีกคนเอ่ยเสริม เล่นเอาเธอต้องค้อนสองสาวคนล่ะขวับ
“เหมือนจะชมนะยัยกิ่ง จริงๆ หลอกว่าเพื่อนนมแบนใช่มะ ฮึ่ย! โกรธ กินเหล้าเป็นเพื่อนฉันเลย มาชนแก้ว”
“เอ่อ...”
กิ่งพะยอมทำท่าอ้ำอึ้ง โบกไม้โบกมือว่าเธอไม่ดื่ม แต่สุดท้ายก็โดนจับกรอกลงไปจนได้
แก้วแรกผ่านไป กิ่งพะยอมก็หลับคาโต๊ะ
ส่วนสองสาวก็เต้นกันอย่างเมามัน ออกลีลากันสุดเหวี่ยง เหล้าหมดไปครึ่งขวด อภิญาดาและสุนิษาก็ไปเต้นบนเวทีกับสาวประเภทสองอีกสองนาง เต้นกันได้ว่าลืมทุกสิ่ง เมามันกับการออกสเตปเอามากๆ เรียกได้ว่าเต้นลืมตายกันเลยล่ะ
“เฮลโหลมายเฟรน”
เมื่อเต้นไปเต้นมา สักพักก็แย่งไมค์จากนักร้องบนเวทีมาครองได้ สาวสวยหน้าตาละม้ายคล้ายดาราดัง ก็โบกไม้โบกมือให้กับทุกคนในร้าน ที่กำลังมองหล่อนเป็นตาเดียว เพราะลีลาอันสุดสะเด่า เมามันสุดๆ ของหล่อนนั่นเอง
“รู้ไหมว่าฉันเป็นครายยย ฉันคืออภิญาดา ชื่อแปลว่า ฮ่าๆๆ แปลว่ามหาสวยอะ สวยปะ สวยล่ะสิ สวยยยย สวยล่ะจีบได้นะจ๊ะ ว่าง...ว่างมาก”
คืนไมค์นักร้องเสร็จ คนที่อวดว่าตัวเองโสด ไม่ยักกะสนใจผู้ชายที่เริ่มหันมามองหล่อน ไปเต้นแบบลืมตายกับเพื่อนสาวจนถึงเวลาร้านปิด
ก็เป็นกันเสียอย่างนี้ล่ะ...
ถึงไม่ได้ผู้ชายกันเสียที ขนาดมาสถานที่แบบนี้ แต่งตัวสวยอ่อยผู้กันขนาดนั้น พอเมาแล้วสาวหนึ่งหลับ อีกสองสาวพากันเต้นออกสเตป เมามันกับการเต้นการกรี๊ด ร้องเพลงตามเสียงเพลง ไม่มงไม่มองล่ะผู้ชาย ขนาดหนุ่มๆ ขยิบหูขยิบตาให้บ้าง ยกแก้วให้บ้าง แต่สนกันที่ไหน สนแต่เมา กับเต้น...
ไม่แปลกหรอก ที่ทำไมยังพากันโสดทั้งสามคน...ยกแก๊ง