บท
ตั้งค่า
ตอนที่ 1 คนดุ
"ใครอนุญาตให้เธอเข้ามาในห้องนี้"
เจ้าของเสียงเข้มที่เอ่ยถามแกมดุอยู่หน้าประตูห้องที่เปิดทิ้งไว้ เพราะคนในห้องมัวแต่หาของในนั้นอยู่ จึงไม่รู้ว่ามีคนมา แถมคนที่ยืนตีหน้ายักษ์อยู่หน้าห้องก็ยังเป็นเจ้าของห้องเสียด้วย
ศิรดา สะดุ้งตัวด้วยความตกใจ แต่เมื่อจำน้ำเสียงนั้นได้หัวใจก็แทบร่วงลงไปอยู่ตาตุ่ม นอกจากน้ำเสียงเข้มที่เอ่ยถาม ใบหน้าเรียบตึง รอยขมวดที่คิ้วยิ่งบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้านั้นลดความหล่อลงได้สักนิด เธอเผลอมองสีผมแปลกตาของเขาอยู่นาน สีบอร์นเทาที่รับกันกับใบหน้าหล่อคมเข้ม
"ขะ..ขอโทษค่ะ พี่ธร พอดีรดามาหยิบสายชาร์จโทรศัพท์ให้ยายจ๋าน่ะค่ะ ของยายจ๋า...เอ่อ..ว้าย..."
กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ แต่ยังไม่ทันได้อธิบายจนจบ แขนเรียวเล็กของเธอก็ถูกเขากระชากอย่างแรงให้เดินตามเขาออกจากห้อง ตรงไปในทิศทางห้องข้างๆ
"จ๋า ต่อไปห้ามเข้าไปหยิบของในห้องพี่อีกนะ"
พอเปิดประตูห้องน้องสาวเข้าไปได้เขาก็เหวี่ยงข้อมือเธอออกอย่างแรง ราวกับที่เขาจับจูงมาเมื่อครู่มันน่ารังเกียจ เสียงเข้มก็เอ่ยบอกน้องสาวตัวเองทันที แต่สายตาที่จ้องมองราวกับจะกินหัวนั้นกลับมองมาที่เธอ
"แหมพี่ธร ก็จ๋าเห็นห้องพี่มีสายชาร์จเยอะนี่น่า ขอสักอันงกไปได้ พอดีของจ๋ามันขาดน่ะ" น้องสาวก็เถียงเสียงแข็งไม่แพ้พี่ชาย
"ฉันไม่ได้งก แต่ควรจะมีมารยาท จะเข้าห้องคนอื่นก็ควรขอก่อน"
"ปกติพี่ก็ไม่เคยกลับบ้านสักหน่อย"
"ฉันจะกลับหรือไม่กลับ พวกเธอก็ไม่ควรจะเข้าห้องคนอื่นแบบนี้ มารยาทไม่มียังไม่รู้สึกผิดอีก"
ปัง!!
หลังจากเขาด่าเสร็จก็เดินออกไปกระชากประตูห้องปิดเสียงดังจนทั้งสองคนสะดุ้งตัวด้วยความตกใจ พอลับสายตาคมดุเธอก็ได้แต่แอบถอนหายใจหนักๆ
"ขอโทษทีนะรดา ทำเธอถูกด่าไปด้วย"
"ไม่เป็นไร"
ศิรดาได้แต่ยิ้มแห้งๆ ส่งให้เพื่อน ยกมือขึ้นพร้อมกับสายชาร์จโทรศัพท์ที่ยังถือติดมือมาด้วย ทั้งสองจึงได้แต่หัวเราะให้กัน
"ยายรดาเอ๋ย น่าสงสารจัง ฉันว่าเธอเปลี่ยนใจจากพี่ชายฉันเถอะ ชอบไปได้ยังไงคนแบบนี้มลพิษชัดๆ ไม่สนใจพี่นทีหรือ"
สายธารหรือยายจ๋าหมายถึงพี่ชายคนโตอย่างนที แต่เธอก็ไม่ได้ชอบพี่นทีแบบนั้น แม้พี่คนโตของบ้านนี้จะดูดี สุภาพ แถมยังใจดี
และถึงแม้จะถูกผู้ใหญ่ของทั้งสองบ้านจะแอบเชียร์อยู่ก็ตาม แต่คนที่เธอแอบมีใจให้กลับเป็นลูกชายคนรองของบ้านที่ท่าทางเป็นมลพิษอย่างน้องสาวเขาว่านั่นแหละ
หลังจากเรียนจบมาได้กว่าสองเดือน ทั้งสองสาวในวันว่างๆ ที่ยังไม่ได้เริ่มทำงานอย่างจริงจัง หรือแม้แต่คิดจะไปเรียนต่อที่ไหนสักแห่ง จึงมักใช้เวลาขลุกอยู่บ้านกันเกือบทั้งวัน บางวันก็บ้านเธอ บางวันก็บ้านยายจ๋า พอตกดึกก็ออกท่องราตรี พอโดนพ่อกับแม่ที่บ้านบ่นมากๆ ก็หนีไปนอนคอนโดเก่าตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนมหาวิทยาลัย
บ้านของยายจ๋าออกจะมีฐานะกว่าเธอไม่น้อย เพราะธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคในเครือราชศิริโสภณที่อยู่ในส่วนแบ่งการตลาดทั้งหมดครึ่งหนึ่งล้วนเป็นสินค้าจากบริษัทของบ้านยายจ๋า ส่วนบ้านเธอแม้จะพอมีฐานะเพราะธุรกิจโรงแรมหรู แต่ก็ยังเทียบไม่ได้ครึ่งหนึ่งด้วยซ้ำ
"จ๋า วันนี้อย่าเล่นน้ำดีกว่า"
จนช่วงบ่ายของวัน ทั้งสองสาวชวนกันไปว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำในร่มข้างบ้าน แต่เมื่อสายตาของเธอเห็นใครบางคนที่นั่งเหยียดขาพาดบนเก้าอี้อีกตัวด้วยท่าทางสบายอารมณ์ แถมเจ้าของเรือนผมสีเทานั้นยังสวมเสื้อคลุมสีขาวเหมือนกันด้วย เพราะเขาคงกำลังจะว่ายน้ำที่สระด้วยเช่นกัน
ศิรดารีบดึงแขนสายธารเอาไว้ทันที ไม่นึกอยากเผชิญหน้ากับเขาตอนนี้ แถมยังเป็นตอนที่เธออยู่ในชุดว่ายน้ำแสนเซ็กซี่ของยายจ๋าเสียด้วย
"กลัวอะไรล่ะ ไม่ดีหรือไง จะได้เจอหวานใจเธอไง แถมใส่ชุดว่ายน้ำด้วย จะบอกให้นะพี่ชายฉันซิกแพ็กแน่นปึก" ไม่พูดเปล่าคนโฆษณาพี่ชายตัวเองยังทำท่าแข็งแรงบึกบึนให้ดูเสียด้วย คนฟังแค่คิดตามก็แทบจะทำหน้าไม่ถูก
"ฉันอายน่ะ ใส่ชุดว่ายน้ำแบบนี้"
"น่าอายตรงไหน สวยจะตาย นมเป็นนม เอวเป็นเอว เรายังอยากจะไปทำนมอยู่เลยเนี่ย" เมื่อคนตัวเล็กหุ่นดีที่สวมเสื้อคลุมสีขาวทับไว้ทำท่าขืนตัวจะไม่เดินไป สายธารก็ต้องรั้งแขนเธอให้เดินมาจนได้
คนที่นั่งทอดอารมณ์ในท่าสบายๆ หันมามองเมื่อได้ยินเสียงคนเดินมาจากทางด้านหลัง เธอไม่ได้คิดไปเองแน่ เขาทำท่าคล้ายหงุดหงิดเมื่อหันมาเห็นว่าคนที่เดินมาเป็นใคร
"โห ดื่มเบียร์แล้วก็ว่ายน้ำเนี่ยนะ พี่ชายจ๋า" เสียงน้องสาวเอ่ยทักตอนที่ทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ที่ว่างอยู่ ศิรดาจึงเดินไปนั่งเก้าอี้ถัดไปอีกตัว เพราะคนขายาวยังไม่ยกขาออกจากเก้าอี้อีกตัวที่วางพาดไว้
"ต้องให้ฉันดื่มนมเวลาว่ายน้ำหรือไง"
"แหม แค่ทักทายแค่แซวเล่นเฉยๆ ต้องจริงจังขนาดนั้นป่ะพี่" สายธารรีบโวยใส่พี่ชาย เพราะแค่จะแซวเล่นเท่านั้น แต่เจ้าตัวตอบกลับเสียแทบหน้าหงาย
"ว่างกันนักหรือไง ไม่ชวนกันไปหางานหาการทำ เดี๋ยวพอตกดึกก็ออกไป...อยู่ที่ผับอีก"
ศิรดาได้แต่แอบฟังสองพี่น้องเถียงกัน และก็พอจะรู้ว่าเขาคงจะด่ากระทบมาถึงเธอ แล้วไอ้คำที่เขาหยุดเว้นว่างนั่นคงจะหมายถึงไม่ค่อยดีนัก
"เชอะ ตัวพี่เองยังไม่ยอมไปทำงาน จะมาบ่นน้อง"
"ฉันไม่ไปทำงานกับพ่อ แต่ฉันก็ยังทำงานมีรายได้ ไม่ได้แบมือขอเงินพ่อแม่เหมือนพวกเธอ"
"ไม่แบมือขอแค่พ่อแม่หรอก แต่จะขอพี่ด้วย เดี๋ยวคืนนี้ก็จะไปแรดๆ ที่ผับพี่นั่นแหละ ลงบัญชีไว้ด้วย"
พูดจบน้องสาวก็ได้แต่ถอดชุดคลุมสีขาวแล้วแกล้งโยนใส่ตักพี่ชาย เธอแทบจะไม่อยากคิดภาพเมื่อครู่ถ้าสายธารลุกออกจากเก้าอี้มาช้าอีกก้าวเดียวมีหวังยายจ๋าไม่ได้กระโดดน้ำลงสระไปอย่างนี้แน่ คงจะถูกพี่ชายตัวเองประเคนฝ่าเท้าที่เขาขยับจะช่วยส่งน้องสาวลงสระนั่นแล้ว
"ลงมาสิ รดา เร็วๆ เข้า"
เสียงเร่งเร้าให้คนที่ไม่กล้าถอดเสื้อคลุมได้แต่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้อย่างนั้น เธอเหลือบสายตาไปมองคนที่นอนเอนตัวอยู่เห็นเขามองมาทางเธอพอดี ใบหน้าหวานก็ขึ้นสีระเรื่อทันที แต่สายตาคมดุนั้นกลับแสดงท่าทางเบื่อๆ เซ็งๆ ใส่ ก่อนเขาจะขยับแว่นดำที่คาดอยู่บนศีรษะลงมาสวมเธอเดาว่าเขาคงแสดงท่าทางตัดบทเพราะเมื่อเห็นเธอไม่ลงน้ำสักที คงคิดว่าจะชวนเขาคุยแน่ จึงสวมแว่นตาดำแล้วหลับตาซะ จะได้ไม่ต้องคุยกับเธอ
เมื่อเห็นว่าเขาหลับตาลง เพราะตำแหน่งที่เธอนั่งมองเห็นหางตาเขานิดๆ เมื่อเขาไม่ได้สนใจ เธอจึงได้รีบถอดเสื้อคลุมแล้วก็รีบไปค่อยๆ ทิ้งตัวลงสระเบาๆ เพราะเกรงจะเป็นการรบกวนคนที่หลับตาอยู่
แต่พอได้แช่น้ำในบรรยากาศร่มรื่นแบบนี้เธอก็ดำผุดดำว่ายเสียจนลืมผู้ชายที่นอนเอนตัวอยู่ข้างสระ เมื่อคิดขึ้นมาได้ก็เหลือบสายตาไปมองเขาสักที เห็นเขายังเอนตัวอยู่ท่าเดิมสวมแว่นดำไว้อย่างนั้น เธอจึงคลายความอายลงได้เยอะทีเดียว อีกครู่ใหญ่ที่หันไปมองเก้าอี้นั้นอีกครั้งก็ไม่เห็นเขาอยู่ตรงนั้นเสียแล้ว
และตกดึกทั้งสองสาวก็เป็นอย่างที่สายธารประกาศกร้าวต่อหน้าพี่ชายนั่นแหละ เพื่อนสมัยเรียนหลายคนที่ยังไม่ได้ทำงานเหมือนเธอ หรือบางคนรอเวลาที่จะไปเรียนต่อเมืองนอก ก็นัดรวมตัวกันอยู่บ่อยๆ และสถานที่รวมตัวก็คงไม่พ้นผับของชลันธรนั่นเอง ด้วยเหตุผลของยายจ๋าว่าด้วยเรื่องความปลอดภัย