บทที่ 4 พ่อของลูก 1.2
นานกว่าสองชั่วโมงที่พิมลวัลย์และศิริกาญจน์นั่งคอยปกรณ์อยู่ที่ด้านนอกห้องจัดเลี้ยง จนบัดนี้ร่างของหนูน้อยได้หลับอย่างเป็นสุขในอ้อมแขนของแม่บุญธรรม ที่ให้ความรักความเอาใจใส่หนูน้อย เหมือนกับลูกในอก พิมลวัลย์อดทนรออย่างใจเย็นเพื่อเด็กน้อยที่น่าสงสารในอ้อมแขนของเธอคนนี้
แขกผู้มีเกียรติต่างทยอยกันกลับไปจนเกือบหมดแล้ว หากแต่ร่างของเจ้าบ่าวยังไม่มีวี่แววจะออกมาจากห้องจัดเลี้ยงแต่อย่างใด
“มาร์ค...แกไม่ออกไปจากห้องจัดเลี้ยงนี้ใช่ไหม?...นี่มันจะสี่ทุ่มแล้ว...เด็กคนนั้นกับแม่ของเขารอแกอยู่ด้านนอกนะ” จักราบิดาของปกรณ์ถามอย่างเหลืออดที่เห็นลูกชายนั่งดื่มบรั่นดีอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน โดยมีเจ้าสาวนั่งอยู่ข้างๆ
“อยากรอก็รอไป...จะไปสนใจทำไม” ปกรณ์พูดอย่างไม่ไยดี เขามั่นใจว่าไม่เคยมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนี้ แล้วจะมีลูกกับเธอได้ยังไง ไม่ใช่ปลากัดนะที่มองตากันแล้วจะได้ท้อง
“มาร์ค...แกควรจะออกไปจากห้องนี้ได้แล้วนะ...เจ้าสาวของแกนั่งคอยแกเข้าหออยู่...หรือว่าแกจะนั่งดื่มบรั่นดียันเช้า” จักราพูดอย่างเหลืออด
“ช่างเขาเถอะค่ะคุณพ่อ นารถรอได้” นีรนารถพูดแทรกขึ้น
“น่าเบื่อชะมัด...วันแต่งงานแท้ๆ ดันมีมารมาขวาง คอยดูนะจะเล่นงานให้สาสมเลยทีเดียว” ปกรณ์วางแก้วบรั่นดีลงบนโต๊ะอย่างแรง สาวเท้าเดินออกไปจากห้องจัดเลี้ยงอย่างอารมณ์ขุ่นมัว เพื่อจัดการกับพิมลวัลย์ที่กล้าฉีกหน้าเขา และมาทำลายความสุขที่น่าจะมีมากล้น ให้เป็นความทุกข์ที่ยากจะกลืนกิน
“ไม่ต้องตามไป...ให้มาร์คมันจัดการด้วยตัวของมันเอง” จักราสั่งนีรนารถและลูกน้องของปกรณ์ไม่ให้เดินตามลูกชายของเขาออกไปจากห้องจัดเลี้ยง
ความคิดที่จะจัดการกับพิมลวัลย์เหือดหายไปทันที เมื่อเห็นร่างของสองแม่ลูกที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ โดยลำแขนบางโอบกอดรัดร่างของหนูน้อยไว้แนบอก นอนหลับอยู่บนเก้าอี้ทั้งสองคน โดยด้านข้างของเก้าอี้มีกระเป๋าใบใหญ่และใบขนาดกลางอย่างละหนึ่งใบวางอยู่ ปกรณ์ไล่สายตาไปตามใบหน้านวลยามหลับใหล ดวงตาทั้งสองข้างของเธอหลับพริ้ม คิ้วเรียวโก่งได้รูป จมูกโด่งรั้นเชิดนิดๆ อุปนิสัยน่าจะไม่ยอมใครง่ายๆ ริมฝีปากบางได้รูปหยักสวยสีชมพู ทุกส่วนของใบหน้าของเธอช่างถูกจัดวางอย่างเหมาะเจาะ
ชายหนุ่มยืนพิจารณาพิมลวัลย์อยู่หลายนาที ผู้หญิงคนนี้ยิ่งมองยิ่งสวย เขาพยายามนึกว่าเคยเจอผู้หญิงคนนี้หรือเปล่า เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันตอนไหน แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก เขาไม่แก่จนหลงๆ ลืมๆ สาวที่เคยนอนข้างกาย หรือสาวที่เคยกกกอดแนบชิดสักคนเดียว ‘เคยนอนกันตอนไหนวะเนี่ย?...นึกไม่ออกสักที’ ปกรณ์บ่นในใจ หรืออาจจะเป็นไปได้ว่าเคยหลับนอนกันยามที่เขาเมาไม่ได้สติ แต่ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเขาไม่เคยดื่มจนสติขาดขนาดนั้นสักครั้งเดียว
สายตาของเขาเลยมองมาที่หนูน้อย หน้าตาน่ารักน่าชัง รูปร่างอวบ ผิวขาวอมชมพู ที่พวงแก้มของหนูน้อยมีสีชมพูเล็กน้อยกระจายไปทั่ว ผมสีน้ำตาลเข้ม จมูกของหนูน้อยโด่งเล็กน้อย ริมฝีปากสีชมพูสดเรียวเล็ก ทำให้ใบหน้าของหนูน้อยน่ารักมากยิ่งขึ้น ปกรณ์มองหน้าหนูน้อยนิ่ง ก่อนจะเอื้อมมือหมายจะจับที่พวงแก้มอย่างคนละเมอ
พิมลวัลย์ขยับตัวอย่างเมื่อยขบ ก่อนจะปรือตาขึ้นอย่างช้าๆ ภาพแรกที่เธอเห็นคือภาพของชายหนุ่มที่เธอมาทวงสิทธิ์ของความเป็นพ่อให้กับหนูน้อยในอ้อมกอดคนนี้ กำลังยืนดูเธอกับลูกอยู่ และเห็นมือของเขากำลังจับที่พวงแก้มของศิริกาญจน์ เธอจึงปัดมือของเขาออกอย่างแรง เพราะนึกว่าปกรณ์จะมาทำร้ายลูกของเธอ
“ทำอะไร?”
“ไม่ได้นึกพิศวาสอะไรขึ้นมาหรอก...แค่จะปัดยุงที่แก้มเด็กคนนี้เท่านั้น” ปกรณ์แก้ตัว พิมลวัลย์ลุกขึ้นยืนโดยมีร่างของหนูน้อยกอดกระชับไว้ในอ้อมแขน
“จะไปกันหรือยัง?...ฉันกับลูกคอยคุณนานแล้วนะ”
“นี่เธอกะจะย้ายสำมะโนครัวมาอยู่บ้านฉันเลยหรือไง?...ถึงได้เตรียมเสื้อผ้ามาพร้อม...เธอนี่แผนสูงนะ...เอาเด็กมาเป็นข้ออ้าง รู้ทั้งรู้ว่าฉันไม่เคยนอนกับเธอ เด็กคนนี้ก็ไม่ใช่ลูกของฉันด้วย”
“รอผลตรวจดีเอ็นเอก่อนเถอะ แล้วคุณจะรู้ว่าเด็กคนนี้ใช่ลูกคุณหรือไม่...ถ้าไม่ใช่ฉันยินดีทำทุกอย่าง เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มาหยามหน้าคุณในวันนี้” พิมลวัลย์พูดเสียงหนักแน่น
“เธอพูดเหมือนจะมั่นใจว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของฉัน”
“ใช่!!...จินนี่เป็นลูกของคุณ ที่เกิดจากความมักง่าย รักสนุกของผู้เป็นพ่อ พอแม่ของจินนี่หมดความหมาย เป็นผู้หญิงไร้ค่าในสายตาของคุณ คุณก็ถีบหัวส่งให้ไปเผชิญหน้ากับความโหดร้าย โดยที่คุณไม่รู้สึกกับการกระทำของคุณเลยแม้แต่นิดเดียว”
“คำพูดที่เธอพูด มันเหมือนกับว่าเธอไม่ใช่แม่ของจินนี่เลยนะ”
“ฉันเป็นแม่ของจินนี่...เป็นผู้หญิงที่คุณไข่ไว้แล้วก็ทิ้งไป แต่ที่ฉันพูดเมื่อกี้ ฉันพูดเปรียบเปรยให้คุณฟังต่างหาก หรือไม่จริง...คุณทำแบบนี้กับผู้หญิงมานับไม่ถ้วนแล้วไม่ใช่หรือ?” พิมลวัลย์พูดแก้ตัวก่อนที่ปกรณ์จะจับผิดเธอได้อีก