บทที่ 4 นางฟ้าของกอง
หลังจากนั้น เพลิงก็ทำงานในกองถ่ายของพ่อคุณแพนตามที่เธอฝากฝังกับฝ่ายบุคคลของบริษัทไว้ ดาราสาวเองก็ไม่ได้เจอกับเพลิงบ่อยนักเพราะต่างฝ่ายต่างทำงาน ส่วนพี่อ๋อมยังคงเป่าหูเธอเรื่องเพลิง ยุยงให้เธอไล่เด็กหนุ่มคนนั้นออกจากห้องไม่หยุด แม้แพนจะอธิบายหลายต่อหลายครั้งว่าต้องการตอบแทนที่เขาเคยช่วยเหลือเธอไว้ แต่ผู้จัดการส่วนตัวยังคงคัดค้าน เสนอให้เธอให้เงินเพลิงก้อนหนึ่งเป็นสินน้ำใจก็พอ แต่แพนไม่ยอมรับปาก
ตอนนี้เธอรู้สึกมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือเขา ได้เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ในอดีตมองไม่เห็นอนาคต มองเธอด้วยสายตาชื่นชมบูชา เป็นความรู้สึกเต็มตื้นที่เธอไม่เคยได้รู้สึกมาก่อน
วันนี้แพนมีถ่ายแบบที่สตูดิโอของพ่อ เธอแวะซื้อขนมเข้ามาด้วย เมื่อเข้าไปถึงเธอเห็นเพลิงกำลังช่วยจัดแสงและอุปกรณ์ต่าง ๆ เขามาทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยตากล้อง แน่นอนว่าแรก ๆ คนในกองย่อมไม่พอใจเพราะเป็นเด็กฝาก แต่เพลิงเป็นเด็กหนุ่มที่ขยันมาก ไม่ว่าจะจัดแสง จัดไฟ ยกของ ร้อนแค่ไหน หนักแค่ไหนเขาก็ไม่บ่น และด้วยรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาคมคาย รวมกับนิสัยเจียมเนื้อเจียมตัว พูดจาสุภาพของเขา ไม่นานคนในกองก็ให้การยอมรับและเอ็นดู
ในตอนนั้นเอง แพนเห็นมีเด็กสาวคนหนึ่งยื่นกระดาษทิชชูให้เขาเช็ดเหงื่อเมื่อจัดแสงเสร็จ เพลิงรับมาแล้วกล่าวขอบคุณ แพนสังเกตเห็นว่าเด็กสาวคนนั้นหน้าแดงระเรื่อขึ้นเสียด้วย ดูเหมือนว่าเด็กน้อยของเธอจะเนื้อหอมไม่เบา
“เพลิง” แพนทักขณะที่เดินเข้าไปหาเมื่อเห็นเด็กสาวคนนั้นเดินไปแล้ว
“พี่!” เขาหันมาเรียกด้วยความตกใจ ไม่รู้เพราะเขาเสียงดังเกินไปหรือเพราะเธอสวยจนทุกคนต้องเหลียวมอง คนในกองจึงเหมือนหยุดงานทุกอย่างแล้วมองมาตรงจุดที่พวกเขายืนอยู่เป็นตาเดียว
“พี่ซื้อขนมมาฝาก” แพนเผยรอยยิ้มสดใสแล้วชูขนมในมือขึ้น ทั้งแสงแดดและรอยยิ้มของเธอแยงตาเขาไปหมด
“พี่เข้าไปนั่งในร่มก่อนเถอะครับ ตรงนี้ร้อน” เขาลดเสียงลงขณะที่พูดกับเธอ ไม่อยากให้เธอเป็นจุดสนใจ แต่คนที่ถูกมองจนเคยชินแบบเธอกลับไม่อินังขังขอบกับสายตาหลายคู่ที่มองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นเลยสักนิด
“รับขนมไปก่อนสิ พี่ถือจนเมื่อยแล้วเนี่ย”
เพราะไม่อยากให้เธอยืนอยู่ตรงนี้นานแล้วเป็นจุดสนใจเพลิงจึงยื่นมือไปรับขนมที่เธอยื่นมาให้
“รีบเข้าร่มเถอะครับ ตรงนี้ร้อน” เขาพูดคำเดิมซ้ำอีกครั้ง
“อือ” แพนฉีกยิ้มให้เขาอย่างเป็นกันเองแล้วเดินเข้าร่ม พลางคิดว่าเด็กคนนี้น่ารักจริง ขนาดเรื่องแค่นี้ยังห่วงเธอ
แพนเป็นถึงลูกผู้บริหารช่อง ซ้ำเรื่องอุปนิสัยความหยิ่งและไม่เห็นหัวใครของเธอก็เลื่องลือ การที่เธอทำตัวสนิทกับพนักงานแบบนี้ ใคร ๆ ต่างก็ให้ความสนใจ ดังนั้นเมื่อแพนเดินลับหายไปในห้องแต่งตัว พี่เต๋า หัวหน้าของเพลิงก็เดินมาสะกิดไหล่ทันที
“รู้จักกับคุณแพนเหรอ” เต๋าพอจะรู้มาว่าเพลิงเป็นเด็กฝาก แต่ไม่รู้ว่าใครฝากมา
เพลิงลังเลเล็กน้อย ใจเขาไม่อยากโกหกแล้วคนอื่นจับได้เพราะจะยิ่งกลายเป็นเรื่องนินทากันไปไกล อีกอย่างสำหรับเขาเธอคือผู้มีพระคุณ เขาอยากจะบอกให้คนอื่นรู้ด้วยซ้ำว่าเธอมีน้ำใจกับเพื่อนมนุษย์แค่ไหน แต่ไม่รู้ว่าตัวเธอเองสะดวกให้เขาพูดแค่ไหน แม้เมื่อสักครู่นี้เธอจะแสดงให้เขาเห็นว่าเธอไม่นึกรังเกียจเลยสักนิดหากคนอื่นจะรู้ว่าเธอกับเขารู้จักกัน
“เป็นรุ่นพี่ที่รู้จักครับ” เพลิงเลือกตอบไปแบบนั้น ซึ่งเขาคิดว่าเป็นคำตอบที่ตรงที่สุดแล้ว
“น่าแปลก ปกติแพนหยิ่งมาก แทบไม่ไหว้หรือไม่สนใจใครเลย มาถึงก็ทำงานแล้วก็กลับ”
เพลิงหันไปมองคนพูดอย่างไม่พอใจ ข่าวลือก็คือข่าวลือ เพราะคนลือถึงเธอแต่ทางที่ไม่ดีแบบนี้ ในโซเชียลแพนถึงมีแต่ข่าวแย่ ๆ เยอะนัก แต่คนพูดพอได้พูดแล้วก็พูดไม่หยุด
“ตอนเด็ก ๆ ก็ไม่ได้อยากเข้าวงการนะ แต่จำใจเข้าเพราะถูกพ่อกับแม่ลากไปไหนมาไหนด้วย”
เพลิงพยักหน้าโดยไม่ได้พูดอะไร ข้อนั้นเขาไม่เข้าใจว่าน่าแปลกใจตรงไหน เธอเป็นคนสวยมาก จะมีคนมองเห็นแล้วดึงเข้าวงการบันเทิงก็ไม่แปลก
“แล้วก็พ่อกับแม่แพนไม่ค่อยลงรอยกันนะ เพราะฝั่งพ่อมีบ้านเล็กเต็มไปหมด”
“ผมไปดูตรงโน้นก่อนนะครับ” คราวนี้เขาขัดหัวหน้าตัวเองขึ้นอย่างยอมเสียมารยาท เพราะการเอาเรื่องส่วนตัวคนอื่นมาพูดแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่เหมาะอะไรเลย แถมคนนั้นยังเป็นถึงลูกสาวเจ้าของช่องที่พวกเขาทำงานอยู่ และสิ่งที่เขาได้ยินเกี่ยวกับตัวเธอนั้น แตกต่างกับสิ่งที่เขาได้สัมผัสอย่างสิ้นเชิง เขาจึงไม่รู้ว่าตัวเองจะทนฟังเรื่องไม่จริงต่อไปทำไม
สักพักเขาจึงเห็นหนุ่มหน้าสวยเดินเข้ามา อ๋อมเองก็สังเกตเห็นเพลิงเช่นกัน เพลิงไม่รู้ว่าแววตาภายใต้แว่นสีดำนั้นเป็นแบบไหน แต่คุณผู้จัดการส่วนตัวคนนั้นหยุดมองเขาเพียงนิดแล้วก็สะบัดหน้าเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว บอกตามตรง ถ้าบอกว่าเรื่องนิสัยที่เขาได้ยินเป็นเรื่องของอ๋อมไม่ใช่แพน ยังน่าเชื่อมากกว่าเสียอีก
“เมื่อไหร่แพนจะไล่หมอนั่นไปไกล ๆ เสียที พี่ไม่ชอบเลย”
แพนเริ่มหน้าบึ้งกับความจู้จี้จุกจิกของพี่อ๋อม แม้จะรู้ว่าเขาเตือนด้วยความเป็นห่วง แต่บางครั้งก็ทำให้เธออึดอัด พี่อ๋อมมักจะกังวลไปเสียทุกอย่างจนห้ามเธอไปหมด ห้ามแม้กระทั่งเรื่องคบเพื่อน
“แพนบอกแล้วไงคะว่าอยากตอบแทนเพลิงเรื่องที่เคยช่วยแพนไว้”
“ถ้าแค่นั้นให้เงินไปก็น่าจะพอ” ประโยคหลังเริ่มอ่อนลง เพราะเห็นสีหน้าที่แสดงความไม่พอใจของแพนอย่างชัดเจน และรู้ว่าเรื่องที่แพนตั้งใจแล้วยังไงก็ไม่เปลี่ยนใจ
อ๋อมวางแผนว่าจะหาห้องเช่าใหม่เล็ก ๆ ให้เพลิงแล้วให้หมอนั่นย้ายออก ถ้าเด็กนั่นมีที่อยู่แพนก็จะไม่กังวล แต่ตอนนี้เพลิงเริ่มทำงานในกองแล้ว จะไล่ไปก็คงยาก ตอนนี้แม้จะไม่พอใจแค่ไหน ก็ยังไม่ใช่เวลาที่ควรจะเอาเรือเข้าไปขวาง น้ำเสียงของอ๋อมจึงอ่อนลงอีกไปมาก
“พี่ทำทั้งหมดเพราะเป็นห่วงแพนนะ”
แพนวางลิปสติกที่หยิบขึ้นมาเติมลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง
“แพนรู้ค่ะ แล้วพี่ก็ไม่ต้องเอาเรื่องนี้ไปฟ้องแม่ด้วย”
ก่อนออกจากห้องแต่งตัวเพื่อไปซ้อม แพนไม่ลืมกำชับเรื่องสำคัญกับพี่อ๋อม เจาะจงบอกผู้จัดการส่วนตัวของตัวเองเท่านั้น เพราะเวลามีเรื่องอะไรเขาก็จะอ้างแบบนี้ตลอดเธอถึงต้องยอมให้ทุกครั้ง
หลังจากที่แพนพูดคุยกับเพลิงที่กอง ก็มีภาพจากทีมงานหลุดออกไป แต่ไม่ใช่ในทางเสียหายอย่างที่เพลิงกังวล มีคนนำภาพที่แพนยื่นขนมและน้ำให้เพลิงไปตั้งกระทู้ในอินเทอร์เน็ต หลังจากนั้นก็มีภาพที่คนโพสต์กระทู้ได้กินขนมด้วยพร้อมกับ สเตตัสว่าคนนี้คือนางฟ้าของตึกจริง ๆ ซื้อขนมมาฝากทีมงานอย่างทั่วถึง
แพนโทรหาเพลิงทันทีที่เห็นข่าว
“ขนมนั่นพี่ซื้อให้นายนะ” เธอพูดทันทีที่เขารับสาย “ทำไมเอาขนมที่พี่ซื้อให้ไปยกให้คนอื่น”
[ผมกินจนอิ่มแล้วค่อยแบ่งไปให้คนอื่น ก็พี่ซื้อมาเยอะเกินไปนี่]
“แน่นะ!” แพนถามเขาซ้ำให้มั่นใจ เขาเป็นเด็กผู้ชายวัยกำลังโต น่าจะกินให้เยอะหน่อย เธอเลยซื้อไปเสียเยอะ ทำไมกินน้อยนักก็ไม่รู้ และอีกอย่างคือคนพวกนั้นก็นินทาเธอลับหลัง ไม่ใช่เธอไม่รู้แต่เลือกที่จะไม่สนใจ ทำไมเธอจะต้องเปลืองเงินซื้อขนมให้คนนิสัยแบบนั้นด้วย
[ผมอิ่มแล้วเลยแบ่งให้คนอื่น] เพลิงยังคงยืนยัน [คนอื่นจะได้รู้ไงว่าพี่ใจดีขนาดไหน]
แพนฟังน้ำเสียงชื่นชมเธออย่างไม่ปิดบังของเด็กหนุ่มแล้วก็ให้รู้สึกว่าแก้มตัวเองร้อนขึ้น เธอบอกตัวเองว่าเธอไม่สนใจสังคม ไม่สนใจคนอื่น แต่พอมีคนมองด้วยความชื่นชมแบบนี้ก็ทำให้ใจเธอเต้นผิดจังหวะได้เหมือนกัน
แพนเพ่งมองรูปและคอมเมนท์ในแท็บเล็ตขณะคุยโทรศัพท์
นางฟ้าชัดๆ
ไม่เห็นเหมือนในข่าวเลย ข่าวอาจไม่จริงเสียทีเดียว
เคยเจอแพนในห้าง ยิ้มสวยมาก
คนอะไรสวยมาก ลูกรักพระเจ้าชัด ๆ
ขนาดถูกแอบถ่ายยังสวย
แพนเอียงคอไปมา มองรูปตัวเองอย่างชื่นชม ก็สวยจริงอย่างที่ชาวเน็ตว่า พอมองหนุ่มน้อยในภาพที่รับขนมไปจากมือเธอ เขาสูงแต่ผอม สวมเสื้อยืดตัวใหญ่สีดำ กางเกงยีนส์เก่า ๆ ทำไมเด็กของเธอถึงดูซอมซ่อนักนะ เด็กที่อยู่ในการดูแลของเธอ ก็คือเด็กของเธอนั่นแหละ
“นายว่างอีกทีวันไหน”
[วันอาทิตย์ครับ พี่ถามทำไม]
“วันอาทิตย์ไปห้างกันนะ”
[ไม่กลัวคนอื่นเห็นเหรอครับ] ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเธอเป็นดาราดัง จากที่เห็นเองในกองและจากที่เห็นในอินเทอร์เน็ต
เธอเหมือนชะงักไปนิดก่อนจะตอบ
“ความจริงก็ไม่กลัวนะ” เธอไม่ใช่คนสนโลกและสังคมอยู่แล้ว ไม่งั้นคงรักษาภาพลักษณ์ให้ดีกว่านี้อย่างที่พี่อ๋อมอยากให้ทำไปนานแล้ว
[ยังไงก็ปลอมตัวหน่อยเถอะครับ]
เมื่อถึงวันอาทิตย์ เพลิงก็ได้เห็นว่าแพนสวมวิกผมสั้นอย่างที่เขาเจอวันนั้นที่ผับ สวมเสื้อยืด กางเกงยีนส์ ดวงตาคู่สวยถูกบดบังด้วยแว่นตาดำอันโต เขาคิดว่าเธอจะเป็นจุดสนใจเพราะแว่นดำอันนี้นี่แหละ แต่เมื่อเธอมั่นใจที่จะแต่งตัวแบบนี้ เขาจึงไม่กล้าขัด
ที่แรกที่แพนพาเพลิงไปคือร้านตัดผม เธอเลือกทรงผมให้เขาอยู่นานแสนนาน สุดท้ายจึงเปิดรูปไอดอลชาวเกาหลีรูปหนึ่งแล้วชี้ให้ช่างดู เป็นทรงผมทรงเซิร์ฟคัท ด้านบนยาวส่วนด้านข้างไถไล่เฟส ไม่รู้เพราะช่างเก่งหรือเบ้าหน้าเขาดีอยู่แล้ว พอช่างเซตผมให้เขาก็ดูหล่อเนี้ยบยิ่งกว่าดาราเกาหลีที่เธอยื่นแบบให้ช่างดูเสียอีก
หลังจากตัดผมเสร็จเธอก็พาเขาไปซื้อเสื้อผ้าสำหรับใส่ทำงาน
“พี่ครับ มันแพงไปหรือเปล่า” เพลิงบอกอย่างกังวลเมื่อเธอนำเสื้อเชิ้ตมาพาดกับตัวเขา
“ไม่ต้องห่วงน่า เดี๋ยวพี่หักจากค่าจ้างของนายทั้งหมดนั่นแหละ”
คิ้วคมของคนฟังขมวดมุ่น เขาไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องใส่เสื้อผ้าแพง ๆ แบบนี้เสียหน่อย แต่พอเห็นเธอพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุดอย่างอารมณ์ดี เขาจึงไม่อยากขัดใจ ตาคมมองความน่ารักของอีกฝ่ายจนไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าเธอเลือกเสื้อผ้าแบบไหนให้เขา เลือกให้กี่ชุดบ้าง