บทที่5 สัญญาทุนสนับสนุนมาแล้ว สามร้อยล้านพอหรือไม่
บทที่5 สัญญาทุนสนับสนุนมาแล้ว สามร้อยล้านพอหรือไม่
วันที่สอง
ในห้องของอิ่นซิน เธอค้นสมุดสีแดงออกมาเล่มหนึ่งเป็นทะเบียนสมรส
“ฉินเฟิงเจ็ดปีก่อนคุณไปไม่บอกลา มาวันนี้อย่าหาว่าฉันใจร้ายละกัน”
น้ำเสียงของอิ่นซินแสนเยือกเย็นจับทะเบียนสมรสไว้และตัดสินใจว่าหลังเลิกงานของวันนี้ เธอจะไปหย่ากับฉินเฟิง
“แม่คะ กั่วกั่ว.....”
ฉินกั่วกั่วเดินมาเธอสวมชุดกระโปรงน้ำตาคลอมองไปที่ทะเบียนสมรส น้ำตาของเธอรินไหลพลางพูด “แม่คะ กั่วกั่วเพิ่งมีพ่อ”
“พ่อหนูตายไปนานแล้ว”
อิ่นซินเห็นสภาพกั่วกั่วก็ใจอ่อนขึ้นมา แต่เพื่ออนาคตของพวกเขาไม่ควรมีความสัมพันธ์กับคนห่วยๆแบบนั้นแล้ว ทันใดนั้นก็อุ้มฉินกั่วกั่วออกจากบ้าน
เมื่อไปถึงบริษัทก็เห็นป้ายของบริษัทซานหยวนกรุ๊ปตรงประตูแววตามีแสงระลึกถึงความหลังเปล่งออกมา เพราะบริษัทนี้เธอเป็นคนค่อยๆก่อตั้งมาเองกับมือ
“ฉินเฟิง คุณอยู่ที่นี่ได้ยังไง!”
เวลานี้ จู่ๆอิ่นซินก็เห็นร่างที่ยืนตรงอยู่ที่ประตู
ร่างนั้นเธอรู้จักคือฉินเฟิง
“รอคุณไง” ฉินเฟิงอมยิ้ม
“รอฉัน? คุณใจดีถึงขั้นที่รอฉันเลยเหรอ? เหอะ คุณรับสินบนจากหัวหน้าตระกูลวันนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุมายอมรับผลลัพธ์กันเถอะ เมื่อฉันโอนหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ไปงั้นคุณก็ควรโอนเงินค้างชำระงวดสุดท้ายมาให้ฉัน”
อิ่นซินยิ่งคิดสีหน้ายิ่งไม่ดี
“ไม่ใช่ ผมกับพวกนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย” ฉินเฟิงส่ายหัว
แต่อิ่นซินกลับไม่เชื่อ “เหอะ งั้นคุณก็มีจุดประสงค์ที่สองสินะที่มาวันนี้เพื่อดูเรื่องตลกของฉันสินะ โอเคฉันจะทำให้คุณพอใจ ถ้าวันนี้เจรจาเรื่องเสร็จเราไปสำนักกิจการพลเรือนเพื่อหย่ากันเถอะฉันนัดเอาไว้แล้ว”
“ไม่ใช่ คุณฟังผมอธิบายก่อน”
ฉินเฟิงเพิ่งพูดไปได้สองคำ อิ่นซินก็เดินจากไปพร้อมรองเท้าส้นสูงอย่างไวพร้อมกับความเย็นชาและหันกลับมาพูดประโยคนึง “อย่าหลงทางล่ะ ฉันไม่อยากรออีกวัน”
สำหรับคนห่วยๆอย่างฉินเฟิง อิ่นซินอยากจะหย่าด้วยตอนนี้เลย
ฉินเฟิงรีบตามไปยังไงก็เป็นตั้งเทพแห่งสงครามของประเทศต้าหัว แม้แต่ผู้หญิงคนเดียวก็ยังตามไม่ทัน โชคดีที่ห่างกันเพียงเมตรเดียวไม่เกินหรือไม่น้อยไปกว่าครึ่งนิ้ว
เมื่อเข้ามาถึงห้องประชุมคณะกรรมการ ตอนนี้ห้องประชุมเต็มไปด้วยผู้คนชายชราหัวงอกนั่งอยู่ตำแหน่งหลักแต่ก็ยังดูมีชีวิตชีวา เขามองไปที่อิ่นซินที่เดินเข้ามาและค่อยๆลืมตามองไปที่ฉินเฟิงพลางเอ่ยปากพูด “ที่แท้ก็แกนั่นเองคนขอทาน กลับมาจริงๆเหรอ?”
สายตาแฝงความดูถูก
“คุณปู่”
เมื่ออิ่นซินได้ยินน้ำเสียงนี้ก็ขมวดคิ้ว ไม่ว่าจะยังไงฉินเฟิงก็ยังเป็นสามีของเธอตามกฎหมาย
“อิ่นซินแกจะโกรธทำไม พวกเรากำลังช่วยเธอระบายอารมณ์หมอนี่มันทำร่างกายเธอแปดเปื้อน จากนั้นเจ็ดปีก่อนไปก็ไปไม่กล่าวลาปล่อยให้เธอท้อง หลายปีมานี้ลูกไม่มีพ่อมาตลอดสารเลวแบบนี้มีค่าอะไรให้โมโหแทน?”
อิ่นป่ายเดินออกมาในนามของอิ่นซินและหยิบประเด็นนี้ออกมาพูดในห้องประชุม เมื่อผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ได้ยินก็หัวเราะเยาะในใจ
เรื่องนั้นเป็นเรื่องเจ็บปวดใจของอิ่นซิน
“พอแล้ว คนไร้ประโยชน์แบบนี้ไม่มีค่าที่จะหยิบออกมาพูด ที่ตามมาวันนี้เพราะมาเป็นพยานพูดเรื่องของเมื่อวานต่อดีกว่า”
ปู่ของอิ่นซินโบกมือ ให้พวกเขากลับไปคุยเรื่องของเมื่อวาน
“เมื่อวานอิ่นซินได้ตอบตกลงกับพวกเราแล้ว และเดิมพันไว้ว่าวันนี้จะมีเจ้านายคนไหนนำสัญญาลงทุนสนับสนุนมาไหม ถ้าไม่มีงั้นอิ่นซินต้องคืนหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์แก่ตระกูล”
อิ่นป่ายยืนขึ้นและกล่าวด้วยความตื่นเต้น
“ที่แท้อิ่นซินก็เป็นคนใจกว้างนี่เอง ฉันยังคิดว่าตายยังไงเธอก็คงไม่ให้หุ้นสิบเปอร์เซ็นต์แก่บริษัทแต่ไม่คิดว่าวันนี้เหมือนให้ฟรี ฮ่าๆ”
“อิ่นซินเธอคิดยังไง เดิมทีหัวหน้าตระกูลจะซื้อหุ้นนี้ด้วยราคาสูงแต่เธอกลับบอกว่านี่คือสิ่งที่เธอเหลือไว้ให้บริษัทซานหยวนกรุ๊ป และไม่เต็มใจที่จะขายมัน แต่วันนี้เธอกลับให้ฟรี”
“ที่แท้อิ่นซินทำเพื่อหัวหน้าตระกูลนี่เอง เมื่อก่อนฉันเข้าใจผิดสินะ”
คนในห้องประชุมหัวเราะออกมา
พวกเขารู้หุ้นสิบเปอร์เซ็นต์นี้สำคัญกับอิ่นซินแค่ไหน
ยิ่งไปกว่านั้น คนในบริษัทบางคนรู้เรื่องราวภายในและรู้ว่าวันนี้คงไม่มีใครเอาสัญญาลงทุนสนับสนุนมาส่ง
“แก!”
อิ่นซินตัวสั่นสายตามองไปที่ฉินเฟิงที่อยู่ด้านหลังเธอด้วยความรังเกียจ ถ้าไม่ใช่เพราะฉินเฟิงเธอคงไม่ต้องเอาสิ่งนี้มาเดิมพัน
จากนั้นก็ทำให้เธอประหลาดใจ ฉินเฟิงก้าวไปข้างหน้ากวาดสายตามองพลางพูด “อิ่นป่ายยังมีอีกเรื่องที่นายไม่ได้พูด ก็คือถ้าวันนี้มีสัญญาลงทุนสนับสนุนจริงจะทำยังไง?”
“หะ? มีสัญญาลงทุนสนับสนุน”
อิ่นป่ายยิ้มอย่างเยือกเย็นก่อนจะพูดต่อ “ถ้าเกิดว่ามีจริงงั้นอิ่นซินก็จะได้กลับสู่ตำแหน่งคณะกรรมการ แต่ทว่าพวกคุณคิดว่าวันนี้จะมีสัญญาลงทุนไหม?”
“อันที่จริงกองทุนของพวกเรานั้นมีช่องโหว่ขนาดใหญ่เกินไป ต้องการทุนสามร้อยล้านจึงจะสามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ แต่ตอนนี้เมืองเจียงเฉิงไม่มีใครอยากลงทุนกับเรา”
“ฉันที่เป็นผู้จัดการฝ่ายรัฐมนตรีรับผิดชอบในส่วนเจรจาหารือ เมื่อเอ่ยถึงเรื่องลงทุนสนับสนุนไม่มีบริษัทไหนเต็มใจ ทุกคนต่างหลีกเลี่ยงวันนี้เกรงว่าคงยากอีกแล้ว”
“ไม่ใช่ว่ายากอีกแล้วแต่มันแน่นอน แต่ว่าเรายังมีอีกเจ้านึง บริษัทชิ่งหยางกรุ๊ปเต็มใจสนับสนุนเราแต่ประธานบริษัทชิ่งหยางหลี่เทียนเฉิงอยากรับเลี้ยงฉินกั่วกั่วเป็นลูกสาว แต่ไม่ว่ายังไงอิ่นซินก็ไม่เต็มใจ เมื่อวานปฏิเสธประธานหลี่ไปนี่มันผลักบริษัทเราลงหลุมไฟชัดๆ โชคดีที่ตอนนั้นบีบเธอออกจากคณะกรรมการ”
ทุกคนเจราจาเรื่องนี้ เดิมทีอิ่นซินเป็นผู้บริหารบริษัทซานหยวนกรุ๊ปแต่หลังจากเกิดเรื่องนั้นพวกเขาก็บีบอิ่นซินออกจากตำแหน่ง
“อิ่นซิน อย่าหาว่าปู่รังแกแกเลย แกไม่เหมาะที่จะบริหารบริษัทซานหยวนกรุ๊ป”
ปู่ของอิ่นซินเหล่ตาและพูดเหมือนที่คนแก่พูด
อิ่นซินสั่นไปทั้งตัว บริษัทซานหยวนกรุ๊ปที่เธอก่อตั้งมา ในวันนี้มาบอกว่าเธอนั้นไม่เหมาะที่จะบริหารบริษัทนี้!
“อิ่นซิน วันนี้เธอก็หยุดฝันเถอะ ไม่มีบริษัทไหนมาหรอก จุดนี้ฉันมั่นใจมากไม่มีไอ่โง่คนไหนเต็มใจที่จะแก้ไขปัญหาของบริษัทเราหรอก....”
อิ่นป่ายยิ้มแต่ยังไม่ทันพูดจบ
ทันใดนั้น ก็ร่างหนึ่งก็วิ่งเข้ามาจากประตูโดยถือสัญญาอยู่ในมือ เสียงป๋อมแป๋มและคุกเข่าต่อหน้าอิ่นซิน “คุณหนู.....อิ่น...คุณผู้หญิง... ปล่อยบริษัทของเราไป ... ได้โปรด ... นี่คือสัญญา...ทุนสนับสนุน... สามร้อยล้าน ... ถ้าไม่พอ ...ฉันสามารถเพิ่มให้ได้ ...”
คำพูดนั้นสั่นสะท้านด้วยความกลัวเล็กน้อย
และเมื่อตระกูลอิ่นพบว่าร่างนั้นเป็นใคร พวกเขาจึงตกตะลึงกัน