บทที่3 ลูกสาวของผมใครก็ห้ามแตะ
บทที่3 ลูกสาวของผมใครก็ห้ามแตะ
ในวิลล่า
ฉินกั่วกั่วหลบอยู่ด้านหลังของอิ่นซิน เธอกลัวมากเมื่อเห็นฉากนี้
คุณตาและคุณยายของเธอ กำลังจะขายเธอให้คนอื่น
“เรื่องนี้ ฉันตกลงไปแล้ว ประธานหลี่เป็นคนมีเงินฐานะทางบ้านก็ดีเป็นคนที่ไม่ธรรมดาตั้งแต่เด็ก ยอมรับประธานหลี่เป็นพ่อฉันคิดว่าไม่มีปัญหาหรอกแถมยังเป็นผลประโยชน์ต่อทุกคนด้วย”
หญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อีกทั้งใส่ชุดหรูหราราวกับว่าเธอเป็นเจ้าของ
เธอเป็นแม่ของอิ่นซิน จางลี่
ความเห็นครั้งนี้เธอเป็นคนคิดเอง เพราะบริษัทซานหยวนกรุ๊ปของตระกูลพวกเขาเจอปัญหากองทุนขาดทุนอย่างมากต้องการหาผู้ร่วมลงทุน แต่เวลาน้อยขนาดนี้หาไม่ทัน คนเดียวที่สามารถหามาร่วมลงทุนได้มีแต่บริษัทของประธานหลี่
แต่ทว่าประธานคนนี้มีข้อตกลงข้อนึง ก็คืออยากได้ฉินกั่วกั่วเป็นลูกบุญธรรมเพื่อเป็นถงหย่างซีของลูกชายของเขา
เรื่องนี้เมื่อเธอได้ยินก็ตอบตกลง ประธานหลี่พูดไว้ไม่มีผิดตระกูลพวกเขารู้สึกว่าฉินกั่วกั่วคือความหายนะของตระกูลตลอด ถ้าไม่ใช่เพราะฉินเฟิงตระกูลของพวกเขาคงไม่ลงเอยแบบนี้และหายนะตัวนี้ก็คงไม่เกิด
ให้ประธานหลี่ไปเหมาะสมที่สุดแล้ว
“ใช่ พวกคุณคิดเช่นนี้ก็ถูกแล้ว”
ประธานหลี่ยิ้มแฉ่งไม่เพียงแต่วางสายตาไว้ที่ฉินกั่วกั่วและยังมองไปที่อิ่นซินอีก สายตามีความร้อนเผ่า อิ่นซินเป็นดอกไม้ที่คนทั้งเมืองเจียงเฉินจ้องอยากจะได้มาครอบครอง
ทั้งหุ่นและรูปลักษณ์ล้วนเป็นที่หนึ่ง ตอนนั้นคนที่วิ่งตามจีบเธอมีรอบทั่วเมืองเจียงเฉิงตอนนี้เธอมีลูกสาวแล้วแต่ความสง่าก็ไม่สูญหายและคนยังต้องการมากขึ้น
ได้ฉินกั่วกั่วมา เส้นทางที่จะได้อิ่นซินก็ไม่ไกลแล้ว
แต่ว่าอิ่นซินยืนอยู่ด้านหน้าของฉินกั่วกั่ว ปกป้องเธออย่างนั้นกล่าวขึ้นมา “ฉันไม่สามารถให้ฉินกั่วกั่วกับคุณได้หลี่เทียนเฉิง คุณล้มเลิกไปซะเถอะ”
ไม่พูดว่าหลี่เทียนเฉิงจะดีกับกั่วกั่วไหม พูดในแง่ลูกชายของเขาเกิดมาไม่ธรรมดาก็จริง อีกอย่างเกิดมาพร้อมความพิการทางสมองและอายุน้อยๆก็หนักสองร้อยกว่ากิโลกรัม ไม่ว่ายังไงเธอไม่มีวันส่งกั่วกั่วเข้าหลุมไฟนี้แน่
นี่คือลูกสาวของเธอ
“ยอมแพ้เหรอ? เหอะๆ อิ่นซิน เธออย่าเห็นแก่ตัวไปหน่อยเลย”
จู่ๆ บนบ้านก็มีเสียงดังขึ้นมาชายหนุ่มเดินลงมาจากบ้าน ทั้งตัวสวมชุดสูทยังมีหนุ่มวัยกลางคนที่ตามมา
“อิ่นป่าย!”
อิ่นซินมองไปที่ชายหนุ่ม สีหน้าดูไม่ใยดี
เพราะผู้ชายคนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอเป็นคนของตระกูลซึ่งตอนนี้เป็นหัวหน้าตระกูล
“อิ่นซิน ฉันรู้ความมั่นใจของเธอคือพ่อนิ เธอคิดว่าพ่อจะเข้าข้างเธอแต่วันนี้ตระกูลเจอวิกฤต เธอสร้างปัญหาใหญ่ไว้ก่อนหน้านั้นบริษัทซานหยวนกรุ๊ปเกือบล้มละลายเพราะเธอ วันนี้เธอไม่คิดจะชดเชยเหรอ?”
อิ่นป่ายทำท่าทีที่เป็นไปด้วยความชอบธรรม
ต่อมาพ่อของอิ่นซิน อิ่นหยวนชายวัยกลางคนที่ลงมาจากบ้านอีกคนถอนหายใจ “ลูกส่งฉินกั่วกั่วให้พวกเขาเถอะ กองทุนที่ขาดทุนต้องรีบชดเชยนี่เป็นสิ่งที่ลูกติดค้างตระกูลอิ่นไว้”
“พ่อ!”
อิ่นซินมองไปที่พ่อของตัวเองอย่างเหลือเชื่อ
เธอติดค้างตระกูลอิ่น?
เมื่อก่อนตระกูลอิ่นเป็นเพียงตระกูลเล็กๆเท่านั้นเป็นน้ำมือของเธอเองที่สร้างบริษัทซานหยวนกรุ๊ปให้มีชื่อเสียงที่โด่งดังสิ่งนี้ต่างหากทำให้ตระกูลเจริญรุ่งเรืองขึ้นมา ต่อมาเธอได้ทำเรื่องนั้นตระกูลจึงถีบหัวส่งเธอออกมาไม่ให้มีอำนาจในบริษัทได้เป็นแค่พนักงานธรรมดา
เรื่องนั้นเธอผิดเธอยอมรับ
แต่ว่า บริษัทซานหยวนกรุ๊ปเป็นของเธอถ้าไม่ใช่เพราะเธอตระกูลอิ่นไม่มีทำได้ขนาดนี้หรอก แต่ในกำมือของพวกเขาบริหารงานบริษัทซานหยวนกรุ๊ปจนเกิดปัญหานี่เป็นสิ่งที่เธอต้องรับผิดชอบเหรอ?
สิ่งที่เธอติดค้างตระอิ่น เธอต้องชดใช้?
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงต้องเสียสละลูกสาวคนเดียวของเธอ
“ลูกตัวซวยแบบนี้ มันไม่ควรปรากฏอยู่ในตระกูลของเรา ส่งตัวไปเถอะ ปู่ของลูกตกลงแล้วถ้าจดทะเบียนกับผู้ร่วมหุ้นได้สำเร็จ ก็จะให้ฉันกลับตำแหน่งหัวหน้าตระกูล”
ดวงตาของพ่อของอิ่นซินเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขามองไปที่ฉินกั่วกั่วที่อยู่ข้างหลังอิ่นซิน
ตัวซวย!
ถ้าไม่ใช่เพราะตัวซวยนี้และพ่อของมัน ครอบครัวของพวกเขาจะถูกเตะออกจากตระกูลได้ไง
“พ่อ......ท่าน!”
ใจอิ่นซินสั่น ไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี
แต่ทว่าเวลานี้ มีเสียงน่าตกตะลึงดังมาจากนอกประตู “ลูกสาวของผม ใครก็ห้ามแตะ”
“นี่มัน.....”
คนในห้องตกตะลึง
จากนั้นฉินเฟิงที่อยู่ด้านนอกก็เดินเข้ามาข้างใน ในห้องหยุดนิ่งไปต่อมาก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น โดยเฉพาะอิ่นป่าย “ ฉันก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็คือไอ้ขอทานนั่นเอง ทำไมจากไปตั้งหลายปี ไปขอทานที่อื่นมา จากนั้นขอเงินไม่ได้? แล้วกลับมาเหรอ?”
“ที่แท้ก็แกนั่นเอง แกยังกล้ากลับมาอีก”
พ่อแม่อิ่นซินมองไปทางฉินเฟิง สายตาไม่เป็นมิตรแม้แต่น้อย
ฉินกั่วกั่วเป็นตัวซวย แต่ท้ายที่สุดแล้วรากเหง้าก็อยู่ที่ฉินเฟิงถ้าไม่ใช่เพราะฉินเฟิงคนนี้ ครอบครัวพวกเขาคงไม่มาถึงจุดนี้หรอก
ดังนั้นตอนที่พวกเขาแต่งงานกันเสร็จหลังจากนั้นฉินเฟิงก็ได้จากไป จางลี่ตักตวงข้าวของของอิ่นซิน จากนั้นยังบอกอีกว่าฉินเฟิงยืมเงินจากเธอไปหนึ่งแสนให้ความประทับใจที่อิ่นซินมีต่อฉินเฟิงลดน้อยลง
“เห้ยๆๆ ผมนึกขึ้นมาได้แล้ว ผมเคยได้ยินเรื่องของคุณคนขอทานในตอนนั้น ได้ข่าวมาเคยขอทานหลายที่เป็นอะไรไป ครั้งนี้ให้ผมบริจาคให้ไหมครับ”
หลี่เทียนเฉิงหัวเราะออกมานึกว่ามาเป็นคู่แข่งขันอะไร ไม่คิดว่าจะเป็นมือใหม่
ในปีนั้นเหตุผลที่ฉินเฟิงกลายเป็นขอทานเพราะตระกูลฉินในจิงตูให้มา ตอนนั้นแม่ของเขาป่วยหนักเขายังเป็นเด็กช่วยไม่ได้จึงต้องไปอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากตระกูลฉินในจิงตู แต่ว่าถูกไล่ออกมาแม่ก็ตายระหว่างทาง เขาจึงเร่ร่อนอยู่บนถนน
“คุณมาทำไร?”
และอิ่นซินก็ใช้สายตาที่ไม่เป็นมิตรมองไปที่ฉินเฟิง
“พ่อ พ่อ”
ร้ายไม่ต่างจากคนอื่น ฉินกั่วกั่วหลุดออกจากมืออิ่นซินที่จับเอาไว้ ชั่วพริบตาก็กระโจนเข้าไปที่อ้อมอกของฉินเฟิง ใบหน้าเล็กๆที่น่าถูอยู่ตรงขาของฉินเฟิง “พ่อ กั่วกั่วเป็นคนที่มีพ่อ หนูไม่ต้องยอมรับคนนิสัยไม่ดีเป็นพ่อแล้ว”
“เด็กดี”
ฉินเฟิงลูบหัวฉินกั่วกั่วเบาๆ ดวงตาของเขาฉายแววอ่อนโยน จากนั้นกลิ่นอายจักรพรรดิที่เฝ้ามองปฐพีก็ปรากฏบนร่างกายของเขา เขาเงยหน้าขึ้นและพูดกับอิ่นซิน
“ผมมาครั้งนี้เพื่อช่วยคุณเรื่องทุนสนับสนุนของบริษัทพวกคุณ ผมจัดการเอง”