บท
ตั้งค่า

ตอนที่4 ความโกรธของไป๋หลง

หลังจบการประลองระหว่างเต้าจี้กับไป๋หลงสร้างความตกตะลึงให้แก่เหล่าอสูรจำนวนมาก มีทั้งชื่นชมและยกย่อง อายุยังน้อยแต่สามารถโค่นล้มผู้ที่มีพลังเหนือกว่าตนเองได้... เต้าจี้หลังเห็นสนามเป็นรูปฝ่ามือขนาดใหญ่มันก็หน้าซีดซีดลงทันที ลองถ้าคิดรับท่านั้นเข้าไปไม่ตายก็เจ็บหนักพอสมควร เต้าจี้มองไปที่ไป๋หลงด้วยสายตาที่ชื่นชมและยกย่อง..ถึงแม้เต้าจี้จะอยู่ขั้นจักพรรดิ์ก็ไม่ได้หมายความว่าพลังป้องกันจะสูงตามเสมอไป... 

    "เอาล่ะ ที่1 ของลานประลองแห่งนี้ได้แก่ ไป๋หลง" 

หลังไป๋หยางประกาศออกมาเหล่าอสูรก็โห่ร้องด้วยความดีใจและตื่นเต้น...

เฮ้ๆๆ ไป๋หลง!! ไป๋หลง! ไป๋หลง!  

 เหล่าอสูรทั้งหลายได้เรียกชื่อไป๋หลง เพื่อเป็นการแสดงความนับถือและเคารพ..

     "เอาล่ะๆ การประลองก็จบลงเพียงเท่านี้ แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองได้แล้ว ส่วนเจ้า ไป๋หลงเดี๋ยวตามข้ามาที่ห้องด้วยข้ามีบางอย่างจะมอบให้"

   ไป๋หยางพูดจบเหล่าอสูรก็แยกย้าย กันไปทำหน้าที่ของตนส่วนไป๋หลง ก็เดินตามไป๋หยางผู้เป็นบิดาไป พอมาถึงห้องของไป๋หยาง ไป๋หยางเอามือล้วงเข้าไปในแหวนมิติ ปรากฎเป็นกุญแจ ที่มีรูปร่างหน้าตาประหลาดขนาดเท่าหนึ่งฝ่ามือ ไป๋หยางได้นำกุญแจดอกนั้นไขไปที่ ฝ่าผนังปราฏเป็นประตูขนาดใหญ่สีทองอร่าม มีอัญมณีฝังไว้รอบนอกขอบประตู  เมื่อไป๋หยาง เปิดประตูเข้าไปในห้อง  สิ่งที่ไป๋หลงเห็นคือ กองสมบัติขนาดใหญ่ มีทั้งทองเพชร  มีทั้งอาวุธ คัมภีร์  และโอสถ มากมายตั้งเกลื่อนกลาดดูไม่เป็นระเบียบเท่าไรนัก..

  "ไป๋หลง ข้ามีคำถามจะถามเจ้า ช่วยตอบตามความจริงได้หรือไม่!!"  ไป๋หยางกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง 

"ได้ขอรับข้าจะตอบท่านตามความจริงทุกประการ" ไปหลงตอบกลับด้วยน้ำเสียงสัตย์จริง เพราะไป๋หลงคิดว่าผู้เป็นบิดา จะต้องถามเรื่องที่สำคัญแน่นอน..

  " เจ้า ใช้เวลาในฝึกฝ่ามือสยบสรรพสิ่ง นานแค่ไหน"   เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็ตอบกลับไปตามตรง..

 "เรียนท่านพ่อ ข้าใช้เวลาในการฝึก 4 ชั่วยาม"

    ไป๋หลงได้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสัตย์จิง  ทำให้ไป๋หยางที่ได้ยินว่าใช้เวลาเพียงแค่4ชั่วยาม ถึงกับกุมขมับ  ได้แต่พึมพำอยู่ในใจ  "ลูกของพวกท่านไปสัตว์ประหลาดรึเปล่า ขนาดอัจฉริยะ ในทวีป จรัสแสงยังต้องใข้เวลาเป็นปี เฮ้ออ ข้าละอายใจจริง ข้าฝึกวิชานั้นมาตั้ง5 ปี แต่นี้มัน เฮ้ออ.. "    ไป๋หยางได้แต่พึงพำอยู่ในใจ

  " อย่างงี้นี้เอง เอาล่ะข้าจะไม่ อ้อมค้อมละ อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเจ้าจะอายุครบ7 ปี ข้าเลยมีของบางอย่างอยากจะมอบให้" 

   ไป๋หยางกล่าวจบก็มีกำไลสีขาว รวดลายที่แกะสลักดูแล้ว ทรงพลังเป็นอย่างมาก แต่ มันคืออุปกรณ์ ในการสะกดพลัง ของไป๋หลงเมื่อครบอายุ7ปีถ้าเป็นไปตามที่ราฟาเอลบอก เมื่อไป๋หลงอายุได้7 ปี ผนึกก็จะคลายออก และพลังจะระเบิดออกมา ทำให้เทพเบื้องบนรับรู้ถึงการมีอยู่ของเขา อาจจะทำให้ไป๋หลง ตกอยู่ในอันตรายได้ เลย ต้องเอากำไลนี้มาให้ไป๋หลง...

 " ท่านพ่อกำไลนี้มันสวยและดูทรงพลังมากเลย มันคือสิ่งใด? "  ไปหลง ถามไปหย๋างด้วยนิสัยขี้สงสัย  เมื่อไปหยางได้ยินแบบนั้นก็ตอบกลับไปว่า

  "มันคือกำไรที่ช่วยกักเก็บพลังส่วนเกินของเจ้าที่ปล่อยออกมากจะมีประโยชน์มากในการต่อสู้"  ความจริงแล้วไป๋หยางได้บิดเบือนความจริงไปนิดหน่อยเกี่ยวกับคุณสมบัติของกำไล ถึงจะรู้สึกไม่ดีที่ต้องโกหกไป แต่นี้ก็เพื่อ ตัวไป๋หลงเองในอนาคต...

   "ข้าเข้าใจแล้วท่านพ่อ "

   ไป๋หลงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเริงร่า และมองดูกำไลที่สวมอยู่บนมือตนอย่างสน อกสนใจ 

"ไป๋หลง จงเลือกของที่เจ้าอยากได้อยู่ในนี้ได้กี่อย่างก็ได้แล้วแต่ใจเจ้า แล้วก็ข้าจะมอบแหวนมิติให้เจ้าด้วย" 

      ไป๋หยางกล่าวจบก็หยิบแหวนมิติระดับสูง     ออกมาเป็นแหวนมิติสีแดงสด ราวกับสีโลหิต ยื่นให้แต่ไป๋หลงเตรียมจะปฏิเสธแต่ ไป๋หย่างส่ายหัว เป็นความหมายโดยนัยว่า เจ้ารับไปเถอะ เมื่อเห็นเช่นนั้น ไป๋หลง ก็เดิน เข้าไป ตรงกลางห้องคลังสมบัติ ระหว่างเดินไป๋หลง ได้หยิบกระบี่เล่มนึงขึ้นมามีลักษณะสวยงาม แต่ไม่รู้ระดับของมัน ไป๋หลงเลยคิดว่าค่อยไปหาดูในตำรายุทธภัณฑ์ น่าจะมีให้อ่าน   เมื่อคิดเช่นนั้นไป๋หลง นำกระบี่เข้าไปเก็บไว้ในแหวนมิติ  เดิมทีในแหวนมิติมีเงินเก็บอยู่หนึ่งล้านเพชร เป็นจำนวนเงินที่สามารถสร้างพัก หรือสำนักขนาดใหญ่ได้เลยทีเดียว  ไป๋หยางเดินเข้ามาหาไป๋หลง แล้วกล่าวบางอย่าง..

 

     " ข้ามีธุระด่วน เจ้าก็เดินดูไปเรื่อยๆได้เลยเมื่อเจ้าออกมาห้องนี่จะปิดตัวเองมันเองทันที" 

   หลังจากไป๋หยางบอกกล่าวแก่ไป๋หลงเสร็จ ไปหลงก็พยักคอ แล้วเดินดูต่อไปเรื่อย ระหว่างทางเดินไป๋หลง ได้เก็บโอสถระดับจักรพรรดิและโอสถระดับราชันที่ ตั้งไว้บน ชั้นวางโอสถ ไป๋หลงเหลือไปเห็นอีกขวดที่บรรจุโอสถสีทอง มันคือโอสถ ระดับตำนาน เมื่อเห็นเช่นนั้นไป๋หลงก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจเพราะไป๋หลงรู้ถึงคุณสมบัติของมัน และ การ สร้างขึ้นมานั้น ยากเย็นอย่างมาก ไป๋เฟิงตัดสินใจเก็บมันเข้าไปในแหวนมิติ   ไป๋เฟิงได้เดินดูและเลือกสิ่งของมากมายที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อการบ่มเพาะพลัง ได้คัมภีย์มาอีกหลายเล่ม เช่น  ดัชนีย์ทะลวงใจ     ก้าวเหยียบนภา    กายาเหล็ก    แต่วิชาที่ ไป๋หลงสนใจที่สุดคือ  วิชาเทพพิโรธ และ วิชากระบี่ตัดสวรรค์    ทั้ง2 วิชานี้ วิชาที่มีพลังทำลายสูง คือวิชาเทพพิโรธ  ถ้า เรื่องความเร็วก็วิชากระบี่ตัดสวรรค์  เมื่อรู้สึกพอใจแล้ว ไป๋หลง ก็เดินออกจากห้องคลังสมบัติทันที เมื่อไป๋หลง ก้าวออกมาจาก ห้องประตูก็ปิดลง และ ฝาผนังห้องก็กลับมาเป็นแบบเดิมทันทีสร้างความ สนใจ ให้กับไป๋หลงไม่น้อยเลยทีเดียว..

      เมื่อไป๋หลงเดินออกมาจากห้องก็ไป๋หยางของผู้เป็นบิดา แล้วมุ่งหน้าไปยังหอคัมภีร์ ทันทีเพื่อที่จะไปฝึกฝนวิชาและบ่มเพาะพลัง ในห้องฝึกที่อยู่ด้านในหอคัมภีร์ ไป๋หลงเดินมาเรื่อยๆ สังเกตว่าไม่ค่อยมีเหล่าอสูร  ในคฤหาสน์  ไป๋หลงจึงได้ไปถามกับ เหล่าอสูรที่เฝ้าหน้าประตู ของหอคัมภีร์  เมื่ออสูรทั้ง2ตนเห็นไป๋หลงเดินมาก็ทำความเคารพไป๋หลง..

   "คาราว่ะนายน้อย"  อสูรทั้งสองตอบพร้อมเพรียงกันไป๋หลงยิ้มให้ก่อนจะถามอสูรทั้งสองตน

  "  เอ่อ..พวกท่านรู้ไหมว่าเหล่าอสูรที่อยู่ในคฤหาสน์ไปไหนกันหมด?"  หลังจากไป๋หลงถาม อสูรทั้งสองตนหันมามองหน้ากันก่อนจะเอ่ยบอกแก่ไป๋หลง

 "เรียนนายน้อย เอ่อ..ท่านรู้จักเจ้าแห้งรึเปล่า" อสูรทั้งสองถามแก่ไป๋หลง  ไป๋หลงก็คิดอยู่สักพักนึงก่อนจะตอบอสูรทั้งสอง

 " รู้จักสิ ข้าเคยชวนเขามาเล่นกับข้า เขาใจดีมากเลยล่ะ เล่นด้วยแล้วสนุกมากเลย แล้วเกี่ยวอะไรกับเขาล่ะ "ไป๋หลงถามอสูรทั้งสอง

"เอ่อ..คือเรียนนายน้อย เมื่อเช้านี้เจ้าแห้งนั้นได้ไปลาดตระเวน รอบนอกป่าอสูร  แล้วโดนมนุษย์จับไป เพื่อเป็นทาสขอรับ"

   เมื่อเหล่าอสูรกล่าวจบมันก็หันหน้าไปมองไป๋หลง แต่ตอนนี้พวกมัน ทั้งสอง เห็นเงามรณะออกมาจากร่างของไป๋หลง พวกมันทั้งสองบอกเรื่องที่ไม่สมควรจะบอกแก่ไป๋หลง อสูรทั้งสองล้มลง เพราะทนแรงกดดันไม่ไหว ปีก2 คู่ ปรากฏบนแผ่นหลังของไป๋หลง พร้อมกับระเบิดพลังมหาศาลออกมาด้วยความโกรธแค้นและชิงชัง...

   ตู้มมมมม!! 

 เสียงระเบิดพลังของไป๋หลง ทั่งสนั่นทั่วป่าอสูรสร้างความตื่นตระหนกให้กับเหล่าอสูร  ไป๋หยางและเหล่าผู้อาวุโสอสูรทั้งหลายกำลังปรึกษากันเรื่องของเจ้าแห้งพอดี..

    ไป๋หยางคิ้วขมวดเพราะเสียงระเบิดมันดังขึ้นมาภายในคฤหาสน์ ตรงที่หอคัมภีร์  ไป๋หยางและเหล่าผู้อาวุโสรีบ ออกจากห้องประชุมและมุ่งหน้ามาที่หอคัมภีร์ทันที   เมื่อมาถึงเหล่าผู้อาวุโส และไป๋หยางเบิกตา กว้าง เมื่อเห็นสภาพของไป๋หลง  ปีก 2 คู่ของไป๋หลงกำลังกลายเป็นสีดำทั้งหมดปีกส่วนที่เป็นสีขาวกำลังจะหายไป น้ำตาของไป๋หลงไหลเป็นสีเลือด กำไลที่ ไป๋หยางให้ไว้เริ่มมีรอยร้าว สร้างความวิตกแก่ไป๋หยางเป็นอย่างมาก ผู้อาวุโสทั้งหลายก็อึ้งไม่แพ้กัน ก่อนจะเอ่ยถามแก่ไป๋หยาง....

   " ท่านไป๋หยางบุตรของท่านผู้นั้นมีพลังถึงเพียงนี้เลยรึ นี้แค่อยู่ในวัยเยาว์เท่านั้นถ้าโตขึ้นล่ะ พลังจะขนาดไหน ท่านดูที่ปีก ถ้าให้ข้าเดา ความโกรธและ ชิงชังกำลังครอบงำเขา ถ้าเขาได้สติของจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมเป็นแน่" 

    ผู้อาวุโสที่เป็นอสูรตนหนึ่งกล่าวขึ้น เหล่าผู้อาวุโสคนอื่นก็พยักหน้าให้กับความคิดของผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งเพราะ เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถที่สุด ไป๋หยางได้ยินเช่นนั้น ก็เริ่มพูดกับไป๋หลง ให้ได้สติ..

  "ไป๋หลง เจ้าใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้พวกเรากำลังหาทางแก้กันอยู่ พวกเราไม่อยากเปิดศึกกับเมืองกับจรัสแสงเพราะจะเกิดการสูญเสียทั้งสองฝ่าย" เมื่อไป๋หยางกล่าวจบไป๋หลงก็หันหลังกลับมามองไป๋หยาง

  "ท่านพ่อ ข้าขอโทษท่านด้วยข้าจะฆ่าเจ้าพวก บัดซบ!! นั้นที่มาทำกับสหายของข้า อย่างทรมาร ข้าขอขัดคำสั่งท่านครั้งนี้เเละเพียงเรื่องนี้เท่านั้น หลังจากนั้นข้าจะกลับมารับโทษ " 

เมื่อไป๋หลงกล่าวจบก็บินขึ้นด้านบนทะลุเพดานด้านบนมุ่งหน้าไปที่เมืองจรัสแสงทันที  โดยไป๋หยางยังกล่าวไม่ทันจบ..

  " พวกเจ้าทุกคนเตรียมตัวเราจะมุ่งหน้าไปที่เมืองจรัสแสง เพื่อช่วยไป๋หลงและพรรคพวกของเรา" ไป๋หยางออกคำสั่งแก่เหล่าผู้อาวุโสให้เตรียมตัวเข้าเมือง

   

   "ขอรับท่านเทพอสูรไปหยาง" เหล่าผู้อาวุโสรับคำสั่งอย่างพร้อมเพียง

     ทางด้านไป๋หลงบินบนท้องฟ้าด้วยความเร็วสูงสุด แต่ต้องหยุดลงเพราะข้างหน้ากลุ่มควันขึ้นมา ไป๋หลง ล่อนลงบนต้นไม้ต้นหนึ่ง ที่อยู่ใกล้กับที่เกิดควันไฟขึ้นไป๋หลงได้เก็บปีกของตนและกระโดดไปบนต้นไม้อีกต้นนึงที่อยู่ใกล้ขึ้นไปอีก...

 

   เมื่อไป๋หลงเห็นภาพตรงหน้าชัดขึ้น ดวงตาจากสีแดงสดมีชีวติชีวาตอนนี้หม่นหมองไร้ชีวิตชีวา คล้ายกับมองมดเปลือกซึ่งมันไม่ได้อยู่ในสายตาของไป๋หลง ภาพที่ไป๋หลงเห็นคือ  เจ้าแห้งนั้นตามตัวมีบาดแผลมากมายอยู่ในกรงเหล็ก ส่วนพวกที่อยู่กองไฟ มีพวก นักยุทธ์ สี่ถึงห้าคน กำลังก่อกองไฟย่างเนื้ออยู่กินกันอย่างสำราญแต่หารู้ไหมว่า ความตายกำลังใกล้เข้ามา!!

  

จบ...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel