3.คล้ายกันอยู่หลายส่วน
ไป๋หมิงหลันยกมือขึ้นมาเท้าคาง นางนั่งอยู่ริมสระบัว ในสระน้ำมีดอกบัวสีหวานกำลังบานสะพรั่ง ถึงแม้ว่าในเผ่ามารจะมิได้งดงามเทียบเท่าเมืองสวรรค์ แต่ทว่าทิวทัศน์ภูเขาและในน้ำก็ล้วนน่ามอง
แพรขนตางอนงามกะพริบถี่ๆ ทอดสายตามองไปยังสระบัวเบื้องหน้า ดวงหน้างามงอง้ำ หลังจากที่หมิงหลันกล่าวไปเช่นนั้นทั้งท่านจอมมารหลี่เจ๋อเชี่ยนและท่านหลี่เจ๋อฮั่นก็ตกใจกันไปตามๆ กัน
สุดท้ายท่านจอมมารก็เดินจากไปโดยที่ไม่มองใบหน้าของนางแม้แต่หางตา
หรือว่าข้าจะทำผิดพลาดสิ่งใดไป ทว่าในตำราปกขาวได้เขียนเอาไว้อย่างชัดเจน ว่าการเอ่ยปากขอร่วมหออย่างตรงไปตรงมาถือว่าเป็นการแสดงความจริงใจที่ดีที่สุด
หากเป็นเรื่องความจริงใจและความตรงไปตรงมา นางก็แสดงออกไปอย่างชัดเจนแล้ว เหตุใดถึงทำหน้าเช่นนั้น
หมิงหลันถอนหายใจก่อนจะล้มตัวนอนลงบนพื้น เรือนผมดำเงางามสยายลงไปกับพื้นหญ้า พระจันทร์ดวงน้อยลอยเด่นอยู่บนท้องนภา ส่องแสงอ่อนๆไปทั่วทั้งบริเวณ
หมิงหลันคิดว่าค่ำคืนแรกในเผ่ามาร จะได้นอนอยู่ในอ้อมกอดของบุรุษที่ถวิลหามาตลอดหลายร้อยปี แต่ดูจากสายตาที่เขามองมาที่นางแล้ว เห็นทีจะยากเย็น
หมิงหลันยกไหสุรานารีแดงขึ้นมาดื่ม บรรยากาศที่เผ่ามารนั้นเงียบสงบมากกว่าที่คิดเอาไว้ ดูไปแล้วก็คล้ายกับเมืองมนุษย์ อากาศยามค่ำคืนเย็นสบาย ส่วนในยามกลางวันจะอบอุ่น เพียงแต่ผู้คนที่นี่ดูจะเคร่งขรึมไปสักหน่อย
แต่หมิงหลันมั่นใจว่านางจะสามารถอยู่ที่นี่ได้แน่นอน!
หากท่านพี่ไป๋เฉียนกำลังคิดถึงข้าอยู่ เทพบุปผาหมิงหลันผู้นี้ขอฝากเทพีจันทราไปบอกกล่าวแก่ท่านพี่ด้วยนะเจ้าคะ ว่ามิต้องเป็นห่วงน้องสาวผู้นี้…
ไหสุราที่ว่างเปล่าทั้งสามไหกองรวมกันอยู่โคนต้นไม้ ส่วนใบหน้าที่งดงามจนยากจะละสายตาก็กำลังนอนหลับพริ้มด้วยฤทธิ์ของสุรานารีแดง
หลี่เจ๋อเชี่ยนนั่งลงข้างๆ เทพบุปผาคนงดงาม ดวงตาสีนิลของเขากำลังทอดสายตามองร่างบางที่กำลังหลับใหล เหตุใดถึงได้ดื่มสุรามากมายเช่นนี้ บนสวรรค์มิได้สอนเรื่องมารยาทอย่างนั้นหรือ?
พบหน้ากันครั้งแรกก็เอ่ยปากขอร่วมหอ เห็นว่าเขาเป็นจอมมารมากราคะหรืออย่างไร?
เทพบุปผาคือเทพแห่งหมู่มวลดอกไม้ ทว่าดอกไม้ที่งดงามก็ยังมีงดงามไม่เทียบเท่ากับใบหน้าที่กำลังเมามายนี้เลย
เขาถอนหายใจก่อนจะอุ้มนางขึ้นมา สิ่งที่ดึงดูดเจ๋อเชี่ยนมิใช่แค่เพียงหน้าตาที่งามงด หากแต่เป็นกลิ่นหอมที่ลอยฟุ้งออกมาจากร่างกายของหมิงหลัน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของบุปผาในยามเช้าที่ต้องแสงของดวงตะวัน
เจ๋อเชี่ยนอุ้มนางเพื่อจะพาเดินกลับตำหนัก เขาวางหมิงหลันไว้บนเตียงพร้อมทั้งดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้
ท่าทางจะต้องหาข้ารับใช้เอาไว้ให้นางเสียแล้ว ถึงเผ่ามารและสวรรค์จะมิถูกกันแต่นางก็ถือเป็นสตรีที่จะมาให้กำเนิดลูกของเขา เขาไม่อยากให้ใครมาตราหน้าว่าเขาเลี้ยงดูเทพบุปผาอย่างอดๆ อยากๆ
……
หมิงหลันค่อยๆลืมตาขึ้นมา ภาพเบื้องหน้าคือห้องนอนที่ไม่ค่อยคุ้นตาสักเท่าไหร่ แต่ทว่านางจำบรรยากาศรอบๆห้องได้ว่านี่คือห้องนอนของนางที่ท่านจอมมารประทานมาให้
อ่า..นี่ข้าเมาจนเดินกลับห้องมาไม่รู้ตัวเลยงั้นหรือ?
ทว่าพอหมิงหลันลุกขึ้นมาจากเตียงขึ้นก็พบสาวใช้ราวสี่นางกำลังยืนก้มหน้าอยู่…เมื่อวานมีสาวใช้เพียงนางเดียวเหตุใดวันนี้มีมาเพิ่มถึงสี่นาง
“ท่านเทพบุปผาจะอาบน้ำเลยไหมเจ้าคะ หรือว่าจะล้างหน้าก่อน”
เมื่อหวนคิดไปถึงยามหัวค่ำ นางนอนบนพื้นหญ้าในสภาพที่เมามาย เช่นนั้นเห็นทีจะต้องอาบน้ำเสียแล้ว สาวใช้ที่มาใหม่ ดูแลหมิงหลันได้เป็นอย่างดีทั้งอาบน้ำ แต่งตัว รวมไปถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
“หมิงหลัน! ข้ามาแล้ว!!”
หลี่เจ๋อฮั่นเดินเข้ามาพร้อมกับลูกท้อมากมายในมือ
“นี่ท่านไปเก็บมางั้นหรือ เหตุใดถึงไม่พาข้าไปด้วยเล่า!”
เจ๋อฮั่นมิได้กล่าวคำใดเขาเพียงส่งยิ้มให้หมิงหลันเท่านั้น
“ข้าผ่านไปทางนั้นพอดี กินสิ กินเยอะๆ เลย”
“มีลูกท้อมากมายเช่นนี้ แสดงว่าตรงป่าที่ท่านไปเก็บมาจะต้องเป็นป่าท้อแน่ๆเลย ข้าอยากเห็นดอกท้อที่กำลังเบ่งบาน เอาไว้ครั้งหน้าท่านพาข้าไปด้วยได้ไหมเจ้าคะ…”
การร้องขอด้วยใบหน้าเช่นนั้น เขาจะกล่าวปฏิเสธออกไปได้เช่นไร มิใช่ว่าหลี่เจ๋อฮั่นมิเคยพบเจอสตรีมาก่อน เขาเป็นคนเจ้าสำราญที่ชอบท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ สตรีในโลกมนุษย์เขาร่วมเตียงมาแล้วนับไม่ถ้วน นิยามคำว่างามล่มเมืองของเมืองมนุษย์นั้น ใช้มิได้กับความงดงามบนใบหน้าของสตรีที่อยู่เบื้องหน้าเขาเลย
เจ๋อฮั่นพึ่งเข้าใจคำกล่าวว่า งดงามราวกับเหล่าเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ งดงามราวกับไม่มีอยู่จริง ยามที่นางแย้มยิ้มมันทำให้หัวใจของเขารู้สึกคันยุบยิบ ยามที่นางมองมาที่เขา ราวกับดวงตาที่กลมโตของนางกำลังสะกดเขาเอาไว้…นี่สินะความงดงามล้ำเลิศของเทพบุปผา
“ท่านเจ๋อฮั่น ท่านยังมิได้รับปากข้า..”
“อืม..ได้สิ เอาไว้ว่างๆ ข้าจะพาเจ้าไป”
อ่า..นางยิ้มอีกแล้ว รอยยิ้มที่สะเทือนเข้าไปในหัวใจของเขา
“ข้าอยากรู้อีกอย่าง เมื่อไหร่ข้าถึงจะได้เข้าหอกับท่านจอมมาร..”
ราวกับหลี่เจ๋อฮั่นที่กำลังฝัน ถูกปลูกให้ตื่นขึ้นมาด้วยการสาดน้ำเย็นๆเข้ามาที่ใบหน้า เขาหรี่ตามองไปที่หมิงหลันอย่างไม่เข้าใจ
“เหตุใดถึงอยากร่วมหอกับคนเช่นนั้น พี่ใหญ่มิได้ดีอย่างที่เจ้าคิดหรอกนะ!”
“ข้าเคยพบกับท่านจอมมารมาก่อนค่ะ ท่านจอมมารมาช่วยข้าไว้โดยบังเอิญ….”
อย่างนี้นี่เอง มิน่าเล่า!! นางคือสตรีคนแรกที่เดินเข้าเผ่ามารด้วยรอยยิ้ม ปกติแล้วสตรีนางอื่นจะต้องเดินร้องไห้เข้ามา…
คำกล่าวขานเกี่ยวกับพี่ใหญ่นั้นน่ากลัวเกินกว่าความจริงไปมาก ไม่แปลกที่สตรีพวกนั้นจะร่ำร้องอย่างหวาดกลัว แต่กับหมิงหลันนั้นไม่ใช่ นางเคยพบพี่ใหญ่มาก่อนแล้วนี่เอง
“เจ้าชอบท่านพี่งั้นหรือ? …มาที่นี่ก็ไม่ได้โดยบังคับมา?”
หมิงหลันยกยิ้มพร้อมทั้งพยักหน้า
“ข้าอาสามาเองเจ้าค่ะ ในใจได้แต่หวังว่า ข้าจะได้ยกมือขึ้นมาสัมผัสใบหน้าของท่านจอมมารสักครั้ง…”
ดวงตาของหมิงหลันเหม่อมองออกไปด้านนอกอย่างเพ้อฝัน ใบหน้าที่ขาวนวลขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ นางยกมือขึ้นมาประสานกันที่หน้าอกพร้อมกับขยับรอยยิ้มพรายที่แสนงดงามในสายตาของหลี่เจ๋อฮั่น
ท่าทางเช่นนี้ราวกับภาพวาดยังไงอย่างนั้นเลย ในใจราวกับมีขนนกปัดผ่าน เขาอยากให้บุรุษที่ทำให้นางแย้มยิ้มเป็นเขามิใช่พี่ชาย..
“มีคำกล่าวว่าข้ากับพี่ใหญ่หน้าตาเหมือนกันอยู่หลายส่วน เหตุใดเจ้าไม่ลองสัมผัสใบหน้าของข้าดูก่อนล่ะ?”