บทที่ 27 ฝันอันยาวนาน
แฮ่กๆๆๆ
อาเซน่าหอบหายใจด้วยความเหนื่อย ระยะทางจากกระโจมที่พักสำหรับครอบครัวช่างตีดาบกับอุโมงค์ลับที่สร้างไว้ค่อนข้างไกลพอสมควร หนามจากต้นหญ้าเกาะเกี่ยวแขนขาจนเลือดไหลซิบๆ เป็นแผลถลอกปอกเปิก เสียงร้องตะโกน เสียงดาบ และเสียงอึกทึกครึกโครมยังตามหลอกหลอน
กุบกับๆๆๆๆๆ
เสียงฝีเท้าม้ากำลังมาทางนี้!
อาเซน่าชะงักฝีเท้า ย่อตัวลงใช้พงหญ้ารกชัฏอำพรางตัวโดยอัตโนมัติ หัวใจเต้นตุ้บๆ ราวกับตีกลอง
“ฟาโรห์ออกจากเหมืองหรือยัง!”
เธอโผล่ศีรษะขึ้นเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนถามถึงฟาโรห์อเมโนฟิส ดีใจสุดแสนที่พระองค์กำลังยกทัพมาช่วย
ครั้นเมื่อเห็นชายฉกรรจ์ชุดดำจากสองทิศกำลังควบม้าเข้าหากันด้วยท่าทางมีพิรุธ เธอก็ก้มศีรษะลง
“มาแล้ว! ถึงหน้าประตูหมู่บ้าน! ให้คนของเราโจมตีเหมืองได้เลย!”
“ดี! ข้ากับพวกจะดักซุ่มอยู่ทางนี้ ทำให้เหมือนว่าเราล่อให้มาติดกับเพื่อยึดเหมือง แล้วโยนความผิดให้พวกเบดูอินซะ! พวกมันจะได้ไม่คิดว่าเป็นเรา”
“ฆ่าฟาโรห์ให้สำเร็จก็แล้วกัน! อย่าให้ถูกจับได้ ไม่งั้นซวยกันหมดทั้งกระบิแน่!”
ขนคอของเธอลุกชัน! เมื่อได้ยินคำสนทนาของคนทั้งสองที่ต่างก็แยกย้ายควบม้ากันกลับไป พลันได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากใจกลางหมู่บ้านว่ากองทัพของฟาโรห์อเมโนฟิสเสด็จมาถึงแล้วอย่างที่พวกเขาพูดจริงๆ
พวกที่บุกเข้ามา...เป็นคนของพระองค์เอง!
นี่เป็นแผนลอบปลงพระชนม์!
เธอทิ้งอุโมงค์ไว้เบื้องหลังแล้วหมุนตัววิ่งกลับไปยังทิศทางเดิม ฝ่าควันไฟและลูกธนูที่ถูกยิงออกมาจากผู้บุกรุกอย่างฉิวเฉียด
ไม่รู้ทำไม...จึงรู้สึกว่าเธอใช้เวลานานเหลือเกิน กว่าจะกลับเข้ามาถึงใจกลางหมู่บ้านอีกครั้ง
แล้วร่างบางก็ปลิวหวือไปปะทะกับผนังกระโจม เมื่อใครคนหนึ่งคว้าแขนของเธอไว้และจับเหวี่ยงไปอย่างไม่ปราณี!
แควก!
ฟืดๆๆๆๆๆๆ
เธอกรีดร้องดังลั่นเมื่อเสากระโจมหักและแทงทะลุขึ้นมา ปลายแหลมของไม้กรีดผืนหนังจนขาดเป็นทางยาวข้างๆ เอว ถ้าหากว่าแขนของเธอไม่ได้กางออก รับรองว่ามันจะต้องเป็นแผลเหวอะหวะ หรือไม่ก็ขาดไปเลย
ฉัวะ!
“กรี๊ด!!!!!”
อาเซน่าหลับตาปี๋ร้องลั่น เมื่อเลือดของชายในชุดดำพุ่งกระฉูดด้วยคมดาบ ร่างใหญ่ยักษ์ล้มลงเสียงดังตึง! ก่อนที่พ่อของเธอจะวิ่งเข้ามา
“อาเซน่า! นี่พ่อเอง...ไม่ต้องกลัวนะลูก”
“พ่อ...พ่อ!” เธอกระโดดกอดบิดาที่เข้ามาช่วยได้ทันท่วงที แล้วก็ถอยออกมาเมื่อรู้สึกถึงน้ำเหนียวๆ ที่ไหลมาจากร่างของเขา
“พ่อบาดเจ็บ!”
“ไม่สาหัสหรอกลูก”
“ข้าจะห้ามเลือดให้” เธอฉีกผ้าซับที่ใส่ทับกางเกงอีกชั้นหนึ่งด้วยมือไม้อันสั่นเทา เมื่อเห็นว่าน้ำเหนียวๆ ที่ว่านั้นคือเลือดที่ไหลออกมาจากซี่โครงของบิดา
แผลไม่สาหัสนัก แต่ถ้าไม่ห้ามเลือดไว้ เลือดจะไหลจนหมดตัวแน่ ครั้นปิดปากแผลเสร็จ ก็ไม่มียาสมุนไพรมาสมานแผลอีก เพราะกระโจมในหมู่บ้านถูกเผาเกือบหมด
เสียงอึกทึกค่อยเบาบางลง ไฟที่เคยลุกโชติช่วงไม่ได้แผ่ขยายเป็นวงกว้าง ค่อยๆ ดับลงเห็นแต่สีแดงๆ ละลานตาอยู่บนผืนทราย
“พ่อเห็นท่านอเมโนฟิสหรือไม่ ข้ามีเรื่องด่วนต้องกราบทูล”
“เรื่องอะไร!?”
“นี่เป็นแผนลอบปลงพระชนม์ ข้าต้องเรียนให้พระองค์ทราบ”
“อะไรนะ!? โอ...จริงหรือนี่...ฟาโรห์กำลังสั่งการให้ดูแลคนเจ็บอยู่ อาจารย์หมอของเจ้าก็อยู่ที่นั่น”
เธอหันมองตามทิศทางที่บิดาชี้มือไป
“พ่อจะพาเจ้าไปเอง” คนเจ็บพยุงตัวเองลุกขึ้นยืน จับบ่าบุตรสาวที่กำลังจะก้าวพ้นวัยเด็กเข้าสู่วัยแรกรุ่นเป็นการปลอบโยนเมื่อเธอมีท่าทีกังวลเป็นอย่างมาก
สองพ่อลูกเดินประคองกันไป ผ่านกลุ่มหมอกควัน ศพ และซากกระโจมที่ถูกเผาเสียหาย ซึ่งทหารกระจายกำลังกันตรวจตราอย่างเข้มงวด
“พวกมันหนีไปได้ คงอาศัยช่วงชุลมุนออกไปด้านหลังหมู่บ้าน”
“นำความไปรายงานฟาโรห์ ให้ทหารที่เหมืองออกลาดตระเวนดูรอบๆ”
“ท่านแม่ทัพเนฟูร์ ข้ามีเรื่องด่วนจะแจ้งองค์ฟาโรห์!” อาเซน่าถลาเข้าไปหาแม่ทัพภาคตะวันออก ซึ่งรับหน้าที่อารักขาฟาโรห์แทนแม่ทัพฮูร์เร็มที่ไปประจำอยู่ที่เทเบกับเจ้าชายน้อยก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน
“อ้าว! อาเซน่า เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง นั่นพ่อเจ้าบาดเจ็บหรือ?” แม่ทัพเนฟรูห์ที่กำลังสั่งการพลทหารร้องทักเด็กสาวอย่างสนิทสนม แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าบิดาของเธอบาดเจ็บ
“ขอบคุณ” คนเจ็บกล่าวขอบคุณทหารของท่านแม่ทัพที่เข้ามาช่วยพยุง
“ที่เหมือง...พวกมันจะโจมตีที่เหมือง...ข้าได้ยินพวกมันคุยกัน”
“อะไรนะ! โจมตีเหมือง!?”
“ค่ะ และยังมีคนซุ่มอยู่ข้างในรอโจมตีฟาโรห์”
“ตามข้ามา” แม่ทัพภาคตะวันออกมิได้รอช้า เดินลิ่วๆ นำสองพ่อลูกไปเข้าเฝ้ากษัตริย์หนุ่มทันที
ฟาโรห์อเมโนฟิสยืนอยู่ท่ามกลางทหารหลายสิบนาย และหมอทหารที่กำลังพยาบาลคนเจ็บ ครั้นเมื่อเห็นแม่ทัพเนฟรูห์เดินหน้าเครียดเข้ามาพร้อมกับเด็กสาวและบิดาของเธอ พระองค์ก็ร้องทักออกไป
“อาเซน่า...”
สิ้นเสียงเรียกอันกังวานหวานแผ่ว เสียงหวีดของอากาศก็ดังขึ้น!
ฟ้าว!
อาเซน่าเบิกตากว้าง เมื่อธนูดอกหนึ่งลอยข้ามศีรษะเธอมาจากทิศตะวันตก ปักลงกลางหลังของกษัตริย์แห่งอียิปต์ดังฉึก!
“ฟาโรห์!!”
ทุกคนร้องขึ้นพร้อมกันเมื่อร่างสูงล้มทั้งยืน แม่ทัพเนฟรูห์ตั้งสติได้ก่อน วิ่งเข้าไปใช้ร่างกำบังพระองค์ ตามด้วยทหารอีกเป็นพรวนที่ต่างก็หมอบลงต่ำตั้งป้อมกำแพงป้องกันไว้
“เอาเศษไม้มาเป็นโล่! พลธนูเคลื่อนเข้าจุดกำบังยิงตอบโต้กลับไป!”
“ครับ”
พลธนูวิ่งออกจากที่เกิดเหตุ แต่ยังไม่ทันถึงที่กำบัง ลูกธนูอีกดอกก็ลอยหวือเข้ามา
ปัก!
ร่างของเขาล้มลงคว่ำหน้าแน่นิ่งไป
“อาเซน่าไปหลบอยู่หลังกระโจม!”
“พ่อ!” บุตรสาวร้องเรียกบิดาเสียงหลง เมื่อพ่อดึงเธอเข้าในอ้อมแขนพร้อมกับประคองกอดพาเคลื่อนตัวออกจากจุดเสี่ยง
ทหารกระจายกำลังกันออกไปเพื่อหาคนร้ายที่ซุ่มยิง ขณะที่แม่ทัพเนฟรูห์นำร่างฟาโรห์ออกจากที่โล่งไปหลบอยู่หลังต้นไม้ได้สำเร็จ
ฟ้าว!
เสียงแหวกอากาศดังเข้ามาเป็นครั้งที่สาม ก่อนจะถูกเป้าหมายดังปึก!
“พ่อ!!!!”
อาเซน่าล้มหน้าคะมำใกล้ๆ พลธนูที่นอนตาย ขณะที่พ่อของเธอหน้าทิ่มลงบนผืนทราย พร้อมกับลูกธนูที่ปักอยู่กลางหลัง!
“พ่อ! ไม่....ฮือๆๆๆ”
เธอตะโกนเรียกบิดาสุดเสียง ร้องไห้คร่ำครวญปริ่มจะขาดใจเมื่อเห็นบิดาสิ้นใจต่อหน้าต่อตาขณะที่ร่างของพ่อยังเป็นที่กำบังปกป้องเธออยู่
“อาเซน่า...”
เปรี้ยะๆ
“ฮือๆๆๆ พ่อ...พ่อ”
“อาเซน่า...”
ฮี้ๆๆๆ
เฮือก!
หญิงสาวผวาลุกพรวดด้วยความตกใจสุดขีด เหงื่อแตกพลั่กๆ เมื่อได้ยินเสียงแตกของประกายไฟและเสียงม้าร้อง ผสานกับเสียงเรียกอันคุ้นเคยขณะที่เธอร้องไห้คร่ำครวญ ครั้นแล้วความจริงก็ได้ประจักษ์เมื่อสายตาปะทะกับกองไฟเล็กๆ ที่อยู่ใจกลางโพรงถ้ำ และเจ้าม้าตัวจริงที่กำลังผงกหน้าขึ้นมามอง
“ข้า...ฝัน?”
เธอรำพันเบาๆ งุนงงยิ่งนักเมื่อเห็นผิวเนื้อเปลือยเปล่าของตัวเอง เสื้อผ้าถูกถอดออกไปตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อเสียงแหบห้าวดังขึ้นข้างตัว
“ท่าทางจะฝันร้าย แต่ก็ปกปิดร่างกายของเจ้าหน่อยเถอะ! สงสารปัลจีกับอัลเลส ถ้าต้องตื่นมาเห็นดอกบัวตูมทั้งสองดอกของเจ้า!”
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด
