บทที่ 2
ประเทศไทย
'‘คุณกายค่ะ คุณกาย คุณกายอย่าเป็นอะไรนะคะ ฮือ..ฮือ”
เสียงสะอื้นไห้ของสตรีสาวสวยคนหนึ่งดังขึ้นหน้าห้องฉุกเฉิน ของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ไม่เพียงแค่เสียงของเธอเท่านั้น เสียงของ คุณหญิงมัลลิกาผู้เป็นมารดาของชาญวิทย์ก็ดังไม่แพ้กัน โดยข้างกาย ของนางมีร่างของรัฐมนตรีชาญณรงค์ผู้เป็นสามีปลอบประโลมไม่ห่าง
เวลาช่างผ่านไปนานเหลือเกินในความรู้สึกของบุหลัน ทั้งๆ ที่ ชาญวิทย์เพิ่งเข้าไปในห้องฉุกเฉินได้เพียงสิบนาทีเท่านั้น คนที่รอคอย ต่างหัวใจเจียนสลายกันแทบ'ทุกคน
“คุณหมอคะ ลูกชายของดิฉันเป็นยังไงบ้างคะ?”
การรอคอยของทุกชีวิตที่อยู่หน้าห้องจบสิ้น เมื่อประตูห้อง ฉุกเฉินถูกเปิดออก ร่างของนายแพทย์เจ้าของไข้เดินออกมา และนั้นทำ ให้คุณหญิงมัลลิกาโผวิ่งเข้าไปถามไถ่อาการของลูกชายทันที
“ปลอดภัยแล้วครับ พักดูอาการที่นี่ต่ออีกสักสองสามวันนะครับ รอให้หมอเช็คร่างกายของคุณกายให้ละเอียดก่อน หากไม่มีอะไรน่าเป็น ห่วงผมจะให้คุณกายกลับบ้านได้ครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ”
มัลลิกากล่าวขอบคุณนายแพทย์ด้วยความดีใจ หัวอกของคน เป็นแม่พองโตขึ้นอีกครั้งเมื่อรู้ว่าลูกชายของตนปลอดภัย
“มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ ขอตัวก่อนนะครับ”
นายแพทย์ขอตัว ก่อนจะเดินออกห่างห้องฉุกเฉินหลังจากหมด หน้าที่
“คุณหญิงป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ คุณกายปลอดภัยแล้วค่ะ”
บุหลันเดินมากุมมือของมัลลิกาพร้อมกับพูดให้อีกฝ่ายคลาย ความกังวลใจ ซึ่งเธอเองก็เพิ่งปลดแอกความรู้สึกนั้นไปแล้ว เมื่อได้ยิน คำพูดของนายแพทย์
“จะให้ป้าหมดห่วงได้ยังไง ในเมื่อกายยังเป็นอยู่แบบนี้ ไม่รู้ว่า เมื่อไหร่จะหายชักที”
นางพูดด้วยนั้าเสียงสั่นเครือตราบใดที่ลูกชายยังไม่หายขาด นางคงถูกจองจำด้วยคำว่าเป็นห่วงไปจนชีพวาย ชาญวิทย์เป็นลูกคนโต ของตระกูลโยธินบรูภัทร เป็นทายาทที่จะสืบสานธุรกิจรีสอร์ททางเหนือ และทางใต้ของครอบครัว อีกทั้งชาญณรงค์ผู้เป็นพ่อยังหวังจะให้
ชาญวิทย์เดินตามรอยเท้าตน เล่นการเมืองดั่งที่ต้นตระกูลเคยปฏิปติมา
แต่ทว่าความหวังทั้งหลายสะดุดอยู่กลางคัน เนื่องจากชาญวิทย์ ป่วยด้วยโรคเนี้องอกในสมอง โรคที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับลูกชาย เนี้อ งอกนี้ยังไม่เข้าข่ายเป็นมะเร็ง แต่ต้องรีบกำจัดมันทิ้งไปก่อนที่จะลุกลาม กลายเป็นมะเร็งร้าย โรคที่รักษาให้หายขาดได้ยากยิ่ง
การผ่าตัดนำเนี้องอกออกในครั้งแรกพวกเขาคิดว่าน่าจะ หายขาด ปรากฏว่าอีกหกเดือนต่อมา เนี้องอกก็เกิดขึ้นอีกครั้งแน่นอน ที่ว่าจะต้องตัดมันทิ้งเหมือนครั้งก่อน และงอกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ผลข้างเคียงในการผ่าตัดทำให้ความจำของชาญวิทย์สั้นลง มีอาการ ฉุนเฉียวบ่อยครั้ง
และสิ่งที่สองสามีภรรยาหนักใจมากที่สุดคือ เรองทายาท หาก ชาญวิทย์เป็นอยู่อย่างนี้ คงไม่มีทางมีทายาทสืบทอดตระกูลเป็นแน่แท้ ข้อนี้เองที่นำความกลัดกลุ้มมาให้กับพวกเขาไม่น้อย แต่ทว่าในความ กลัดกลุ้มยังมีทางออกเสมอ
“คุณกายต้องหายค่ะคุณหญิงป้า ต้องหายค่ะ” เธอพูดอย่างมี ความหวัง
“แล้วเรื่องที่เราคุยกันไว้ล่ะ จันทร์จะว่ายังไง ให้คำตอบป้าได้ หรือยัง?”
คนที่ถูกถามอึ้งไปชั่วขณะเมื่อได้ยินคำถามที่บาดหัวใจสาว เรอง ที่ว่านั้นก็คือ ชาญณรงค์และมัลลิกาขอร้องให้เธอแต่งงานกับชาญวิทย์ เพื่อที่จะได้มีทายาทสืบสกุล คำขอร้องของผู้มีพระคุณทำให้เธอตกใจ และอึ้งไปในคราวเดียวกัน ตามติดมาด้วยความหนักอึ้งของหัวใจ
มันเป็นการตัดสินใจที่ยากยิ่งสำหรับบุหลัน พระจันทร์ที่แสน สวยงาม เธอจะแต่งงานกับชาญวิทย์โดยที่ไม่มีความหนักใจ ไม่มีความ เสียใจเลย หากเธอไม่มอบหัวใจให้ใครคนหนึ่งไปแล้ว และที่สำคัญ ร่างกายก็ตกเป็นของเขาคนนั้นแล้วด้วย
หากไม่ทำตามร้องขอ บุหลันก็จะกลายเป็นคนอกตัญณูไป ในทันที เนื่องจากตระกูลโยธินบรูภัทรมีบุญคุณกับเธอมาก จะพูดได้ว่า เธอและครอบครัวเป็นทาสรับใช้ตระกูลนี้มาอย่างยาวนานหลายชั่วอายุ คน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นชาญณรงค์กับมัลลิกาไม่ได้เร่งรัดอะไรเธอ เพราะท่าน ทั้งสองรู้ว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ยากยิ่ง
สาเหตุที่มัลลิกาเลือกบุหลันมาเป็นลูกสะใภ้ มากกว่าเลือก ลูกหลานของคุณหญิงคุณนายคนในระดับเดียวกับนาง เป็นเพราะหญิง สาวรู้วิธีปฐมพยาบาลหากชาญวิทย์ตกอยู่ในภาวะฉุกเฉิน รู้จักวิธีดูแล ลูกชายทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรองอาหาร เรองยา อีกทั้งบุหลันยังเป็นเด็ก ในปกครองควบคุมง่าย และที่สำคัญที่สุดชาญวิทย์รักบุหลัน ด้วยเหตุผล หลายประการทำให้นางและสามีเลือกบุหลันมาเป็นลูกสะใภ้ เลือกมา เป็นแม่ของหลานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
“ว่าไงจันทร์ จะให้คำตอบป้าได้หรือยัง?”
นางถามอีกครั้ง นางเองก็ไม่ต้องการบีบคั้นบุหลันมากเกินไป แต่ทว่าวันนี้มัลลิกาจำต้องพูดออกไป เนื่องจากอาการของชาญวิทย์เรม แย่ลงทุกวัน นางกลัวว่าหากช้าไปกว่านี้ อาจจะสายเกินไป บุหลันตกอยู่ ในสภาวะกดดันอีกครั้ง หนึ่งเดือนมาแล้วที่ผู้มีพระคุณพูดเรองนี้กับเธอ หากแต่เธอบ่ายเบี่ยงมาตลอด วันนี้คงจะทำเช่นนั้นไม่ได้แล้ว อาการของ ชาญวิทย์ไม่ล้ดีนักในรอบหนึ่งสัปดาห์มานี้ บุหลันกำลังคิดไม่ตกว่าจะ เลือกสิ่งใดระหว่าง
ความรักกับความกตัญญ
“ค่ะคุณหญิงป้า จันทร์ตกลงแต่งงานกับคุณกายค่ะ”
และแล้วเธอก็เลือกความกตัญญ รอยยิ้มของมัลลิกาเฉิดฉาย เต็มดวงหน้า คำตอบนี้เองที่นางรอคอยมานานหนึ่งเดือน ในที่สุดฝันก็ เป็นจรงเสียที
“ขอบใจมากนะจันทร์ป้าขอบใจจันทร์มากๆ”
มือที่ยังเต่งตึงของคุณหญิงมัลลิกาเอื้อมมากุมมือของบุหลัน พร้อมกับขอบใจในคำตอบที่นางได้รับ
“ไม่เป็นไรค่ะคุณหญิงป้า มันเป็นหน้าที่ของจันทร์อยู่แล้วค่ะ”
เธอตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ ราวกับว่าคำตอบที่เอ่ยออกไปนั้น เป็นความต้องการของตนเอง เปล่าเลย...หัวใจดวงน้อยๆ กำลังชํ้าชอก อย่างหนักกับคำตอบที่เปล่งออกไป แต่ต้องกืเนทนความรู้สึกทั้งหลาย เอาไว้ เพียงเพื่อคำว่ากตัญณู
“ป้าจะไปหาฤกษ์แต่งงานเลยนะ ป้าอยากมีหลานเร็วๆ”
มัลลิกาเอ่ยด้วยนั้าเสียงแช่มชื่น นางไม่เคยรู้สึกดีใจเท่าวันนี้มา ก่อนเลย คำตอบของบุหลันเสมือนความหวังที่ใกล้เป็นจรง อีกไม่นาน ตระกูลโยธินบรูภัทรก็จะมีทายาทเสียที
ในทางกลับกัน เวลานี้ในใจของบุหลันมีแต่ความหมองเศร้า ใน อกตรอมตรม แต่ต้องยิ้มอย่างชื่นมื่นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรับรู้ความทุกข์ ความเสียใจของเธอ
(ส‘ออสัปดาห์ต่อมา
งานประมูลจิวเวอรรี่ประจำปีเพื่อการกุศลถูกลัดขึ้นใน โรงแรมบลูเลอวารัดอินเตอร์เนชั่นแนล โรงแรมชั้นหนึ่งอันแสนหรูหรา และโอ่อ่า สมฐานะของเจ้าของโรงแรมที่ทุ่มทุนกว่าห้าพันล้านบาท เนรมิตโรงแรมที่ใหญ่ที่สุด ดีที่สุด เลิศหรูอลังการมากที่สุดในประเทศ ไทย ของตกแต่งภายในโรงแรมถูกลัดวางอย่างลงตัว ผสมผสานระหว่าง ความเป็นไทยกับตะวันออกกลาง และที่โดดเด่นมากที่สุดก็คือ รูปปัน ราชสีห์ตัวใหญ่ที่ทำจากทองคำล้วนๆ ตั้งตระหง่านอยู่กลางล๊อบบี้ของ โรงแรม เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจกับแขกที่มาเข้าพัก จนถูกขนานนามว่า โรงแรมแห่งความสวยงาม
เดิมทีแล้วงานจะถูกลัดอีกโรงแรมหนึ่ง แต่ทว่าเจ้าของโรงแรม แห่งนี้ได้เสนอตัวในการนำเครื่องประดับเลอค่าของประเทศจามาลย์ มาร่วมประมูลด้วย อีกทั้งยังให้ใช้ห้องลัดเลี้ยงขนาดใหญ่หรือที่เรียกกัน ว่าห้องบอลลูมของตนเป็นสถานที่ในการลัดงานโดยที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย ใดใดทั้งสิ้น ทางคณะกรรมการผู้ลัดงานจึงคว้าโอกาสงามๆ นั้นไว้ทันที
แขกที่มาร่วมงานเริ่มทยอยกันเช้ามาในงาน ทุกคนต่างทึ่งกับ ห้องลัดเลี้ยงแสนหรูหรากันทุกคนโคมไฟระย้าสวยงามและเจิดวิจิตรรูป
ปันราชสีห์ขนาดความสูง 140 เซนติเมตรหลายตัวที่วางอยู่รอบๆ ห้อง พื้นพรมที่ทำจากพรมเปอร์เซียถูกปูทับเต็มพื้นที่ของห้อง นุ่มยิ่งนักยามที่ ได้เหยียบยํ่าเดิน
รัจึมนตรีชาญณรงค์ประธานในการประมูลเดินเข้ามาภายใน งานพร้อมกับคุณหญิงมัลลิกา ชาญวิทย์ลูกชายคนโตและบุหลันว่าที่ ลูกสะใภ้ ทั้งหมดเดินไปนั่งยังโต๊ะวีไอพีที่อยู่ด้านหน้าเวทีขนาดใหญ่
“โรงแรมใหญ่ลังเลยนะคะคุณกาย”
บุหลันพูดด้วยนํ้าเสียงตื่นเต้นเมื่อเห็นความโอ่อ่าของสถานที่ ทว่าการตกแต่งแบบนี้เธอรู้สึกคุ้นตามากเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟ ระย้า หรือแม้แต่ราชสีห์ที่ทำจากทองคำตั้งเด่นกลางล็อบบี้ การจัดวาง เช่นนี้ช่างคล้ายคลึงกับสถานที่แห่งหนึ่งที่เธอไม่มีวันลืมเหลือเกิน
“แน่นอนอยู่แล้ว ได้ข่าวว่าเจ้าของโรงแรมเป็นเศรษฐีตะวันออก ฆ
กลาง ทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อสร้างโรงแรมนี้ พี่จึงเลือกโรงแรมนี้เป็นที่จัดงาน แต่งงานของเราไง จะได้ติดอยู่ในความทรงจำตลอดไป”
ชาญวิทย์เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มสดใสเมื่อนึกถึงงานแต่งงานที่จะ เกิดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ทว่าคนที่ได้รับฟังถึงกับยิ้มไม่ออก ใจ กระตุกวูบ แต่ทว่าเธอก็ยังกืเนยิ้มบางๆ ส่งให้ว่าที่เจ้าบ่าวในอนาคต เรอง การแต่งงานที่จะเกิดขึ้นบุหลันไม่รู้อะไรมากนัก นอกจากวันวิวาห์ เพราะ ทุกอย่างมัลลิกาและชาญวิทย์เป็นคนจัดการ
เธอน่าจะมีความสุขเหมือนกับเจ้าสาวทั่วๆ ไป ที่ต้องไปเข้า คอร์สเจ้าสาว ขัดหน้า ขัดผิวให้โฉมไฉไล ไม่เลย...ยิ่งใกล้วันแต่งงานมาก เท่าไหร่ เธอยิ่งเต็มไปด้วยความหมองเศร้า เจ็บปวดหัวใจ
“จันทร์ไปเตรียมตัวได้แล้ว จะถึงเวลาประมูลของแล้ว”
มัลลิกาเอ่ยบอกบุหลัน หนึ่งในจำนวนผู้หญิงยี่สิบคนที่จะสวมใส่ เครื่องประดับลวดลายสวย เพื่อให้บุคคลที่มาร่วมงานประมูล เครื่องประดับชิ้นนั้นๆ ที่นางแบบสวมใส่อยู่ บุหลันเป็นหนึ่งในผู้หญิง ยี่สิบคนที่ถูกคัดเลือก โดยมีมัลลิกาเป็นคนเสนอชื่อเธอ
“ค่ะคุณหญิงป้า”
สาวผู้อ่อนหวานรับคำคุณหญิงมัลลิกาก่อนที่จะลุกขึ้นยืนแล้ว เดินไปยังห้องแต่งตัวด้านหลังเวที
“อ้อยได้ข่าวว่าเจ้าของโรมแรมจะนำเครื่องประดับมาประมูล ด้วย จรีงหรือเปล่าคะคุณพี่หญิงเล็ก?”
มัลลิกาคุณหญิงรุ่นน้องเอ่ยถามคุณหญิงประภัสสรรุ่นพี่ ภรรยา นักการเมืองชื่อดังสังกัดพรรคการเมืองเดียวกับสามีของนาง
“จรีงจ่ะคุณหญิงอ้อย เจ้าของโรงแรมจะนำเครื่องประดับมา ประมูลด้วยค่ะ ได้ข่าวว่าเครื่องประดับที่ว่านี้ เป็นของกำนัลที่จะให้คนรัก นะคะ แต่ว่ากลับหนีกลับบ้านเกิดไปก่อน ได้ยินข่าวแว่วๆ ว่าหนีตาม ผู้ชายไป คุณพี่ได้ยินแล้วยังไม่อยากจะเชื่อเลยค่ะ ผู้หญิงคนนั้นต้องบ้า หรือไม่ก็เสียสติแน่ๆ เลย หนีจากความสะดวกสบายเพื่อไปหาความ ลำบาก ท่านชีคออกจะหล่อ รวยไม1ได้รวยธรรมดานะคะ รวยมากถึงมาก ที่สุด” คุณหญิงประภัสสรจีบปากจีบคอพูด
“จริงหรือคะคุณพี่หญิงเล็ก เจ้าของโรงแรมเป็นท่านชีคเหรอคะ แล้วยังจะเรองที่คนรักของท่านชีคหนีตามผู้ชายไป อ้อยไม่อยากจะเชื่อ เลยค่ะ ว่าคนอย่างท่านชีคจะถูกทิ้ง”
มัลลิกาถามกลับทันควัน เรองราวที่ได้รับรู้เป็นเรองที่เหลือเชื่อ มากๆ ไม่คิดว่าคนที่ศักดินา เพียบพร้อมไปทุกอย่างจะอกหัก อีกทั้งยัง โดนผู้หญิงทิ้งอีก ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ
“โอ๊ย!!...จริงกว่าจริงอีกค่ะคุณน้อง คุณพี่พูดจริงค่ะ ก็อย่างว่า นะคะไปอยู่บ้านเมืองของเขา อยู่ในกฎในเกณฑ์มากมาย จะไปไหนก็ไป ไม่ได้ นกน้อยก็เลยอยากจะออกจากกรงทอง”
“อีม...มันก็อาจจะจริงนะคะ อาจจะเป็นอย่างที่คุณพี่หญิงเล็ก พูดก็ได้ค่ะ อยู่ไกลบ้านไกลเมือง ต่างวัฒนธรรมด้วย”
มัลลิกาสนับสนุนคำพูดของประภัสสรแม่งานใหญ่ของงาน การ สนทนาของทั้งสองหยุดชะงักลง เมื่อเสียงฮือฮาของคนในงานดังขึ้น และ คนกลุ่มหนึ่งเข้ามาในงาน
ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังบุรุษรูปงามที่สวมใส่ชุดประจำชาติ เสื้อแขนยาวถูกคลุมด้วยเสื้อคลุมสีดำปิดข้อเท้า ตกแต่งบริเวณสาบเสื้อ และชายแขนด้วยผ้าปักทองคำ สวมหมวกทรงกลมใบเล็ก ทับด้วยผ้า คลุมศีรษะ มีเชือกสีดำที่ทำจากหนังอจึครอบกันผ้าเลื่อนหลุด
เรือนกายของเขาแม้ว่าจะเป็นแค่ภายนอกยังสมบูรณ์แบบ ไม่ ต้องจินตนาการเลยว่า ภายใต้ชุดที่เขาสวมใส่เรือนร่างของชายผู้นี้จะ บึกบึนมากเพียงไร ดวงตาสีนิลคมกรืบของเขาที่จัดวางอยู่บนใบหน้า หล่อเหลาก็เช่นเดียวกัน แลดูมีอำนาจ มีมนต์ขลังคนที่มองสบตาแทบจะ พ่ายแพ้ศิโรราบ หนวดเคราที่ขึ้นเล็กน้อยยิ่งทำให้เขาดูมีพลังบารมี จน คนที่มองพากันหลบลี้สายตาที่ตวัดมอง
“นั่นไงคะคุณน้อง ท่านชีคจาร์ฟา อาบู คารม อัลดุลลาห์ เจ้าของโรงแรมแห่งนี้ไงคะ”
ประภัสสรหันไปบอกมัลลิกาที่หันไปมองบุรุษรูปงามที่ประภัสสร บอกนางว่าคือเจ้าของโรงแรมนี้และเป็นชายหนุ่มที่ถูกผู้หญิงทิ้ง
“สวัสดีค่ะท่านชีคจาร์ฟา ดิฉันเป็นเกียรติมากๆ เลยค่ะที่ท่านชีค มาร่วมงานนี้ด้วย”
ประภัสสรเจ้าของงานรีบตรงดิ่งไปต้อนรับจาร์ฟาที่จับจ้อง ดวงตาไปยังโต๊ะวีไอพีนิ่ง
“ฉันเมื่อย อยากนั่ง” เสียงเย็นชาของชีคหนุ่มกล่าวออกไป
“เชิญค่ะท่านชีค ดิฉันเตรียมโต๊ะไว้ให้แล้วค่ะ”
“ฉันอยากนั่งโต๊ะเดียวกับท่านรัฐมนตรี คุณจัดการให้ฉันได้มั้ย?”
คำพูดเชิงสั่งของจาร์ฟาดังขึ้น ทำให้เจ้าของงานอึ้งไปเพียงนิด เพราะโต๊ะที่นางจัดเตรียมไว้ให้ชีคหนุ่มนั้นคือ โต๊ะวีไอพีอีกตัว ในเมื่ออีก ฝ่ายต้องการ นางก็พร้อมจะจัดให้ได้ดั่งใจ
“จัดการได้ค่ะท่านชีค เชิญค่ะ”
ประภัสสรรีบเชื้อเชิญแขกวีไอพีที่รั้งตำแหน่งเจ้าของสถานที่ไป ยังโต๊ะพิเศษด้านหน้าเวที เพื่อที่จะได้มองเห็นเหล่านางแบบสวมใส่ เครื่องประดับในการประมูล
โต๊ะวีไอพีถูกจัดวางแบบไม่เหมือนใคร มีโต๊ะตั้งอยู่ตรงกลาง โดย มีเก้าอี้แสนนุ่มห้าตัวเรียงรายล้อมตัวโต๊ะในรูปครงวงกลม การจัดเรียง เช่นนี้ทำให้คนที่นั่งโต๊ะนี้ทุกคนสามารถมองเห็นการเดินโชว์ เครื่องประดับบนเวทีได้โดยไม่ต้องเหลียวหลังมอง
“คุณณรงค์คะ ท่านชีคจาร์ฟาค่ะ” ประภัสสรแนะนำตัวให้ทั้ง สองรู้จักกันอย่างเป็นทางการ
“สวัสดีครับท่านชีค”
ชาญณรงค์ลุกขึ้นยืน ก่อนจะยื่นมือออกมาตรงหน้า เพื่อให้อีก ฝ่ายจับมือตอบเป็นการทักทายแบบสากล ทว่าจาร์ฟาหาได้ยื่นมืออกไป เขากลับหลุบตาตํ่ามองมือของชาญณรงค์ ก่อนจะยกดวงตาขึ้นมอง ใบหน้าของเจ้าของมือ
“สวัสดี” พูดจบก็ยื่นมือมาจับมือข้างนั้นของชาญณรงค์ที่ค้าง เติ่งอยู่นาน
“ผมดีใจนะครับที่ได้เจอท่านชีคที่นี่ ปลายเดือนหน้าผมจะไป ประชุมเรองการค้าระหว่างประเทศที่จามาลย์พอดีเลยครับ” ชาญณรงค์ เปิดปากพูด
“ครับ ผมก็ได้รับรายงานเช่นนั้นเหมือนกัน” เสียงเรียบตอบ กลับไป
“ผมจะแนะนำภรรยาและลูกชายให้ท่านชีครู้จักนะครับ มัลลิกา ภรรยาของผมครับ คนนี้ก็ชาญวิทย์ลูกชายคนโตครับ”
จาร์ฟาปลายตามองเจ้าของชื่อทั้งสองคนด้วยสายตาที่แตกต่าง กัน เขามองมัลลิกาที่พนมมือไหว้เขาด้วยสายตานิ่งเฉย ต่างกับอีกคนที่ ลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือมาตรงหน้า ดวงตาคมกริบเปลี่ยนเป็นสีแดงวาว โรจนํในบัดดล พยายามกดทับอารมณ์ขุ่นมัว ความแค้นที่พลุ่งพล่านใน อกเต็มกำลัง ยื่นมือออกไปจับมือของชาญวิทย์ แล้วออกแรงบีบจนอีก ฝ่ายเบ้หน้า
“สวัสดีครับคุณชาญวิทย์ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
คำพูดภาษาไทยที่ค่อนข้างชัด เปล่งผ่านริมผีเปากหนาได้รูปของ จาร์ฟา นำความแปลกใจเล็กน้อยมาให้กับบุคคลที่ได้ยิน เพราะไม่คิดว่า ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าจะพูดภาษาไทยได้ แต่ก็ไม่มีใครถามถึงเหตุผล นั้น
“สวัสดีครับครับท่านชีค เป็นเกียรติมากครับที่ได้รู้จักท่านชีค” ชาญวิทย์ทักทายโต้กลับ ข่มความเจ็บจากแรงบีบมือของจาร์ฟา เต็มที่ ก่อนจะดึงมือออกมาจากมือหนาของอีกฝ่ายอย่างเร่งด่วน ก่อนที่ กระดูกมือของตนจะหัก
ชาญวิทย์ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจาร์ฟาถึงทำเช่นนี้กับตน ทั้งสายตา และการกระทำบ่งบอกว่าเกลียดและแค้นเขานักหนา เขาไปทำอะไรให้ ชีคหนุ่มเคืองขุ่น ชาญวิทย์ถามคำถามที่ตนเองต้องการรู้ในใจ พยายาม หาคำตอบด้วยตัวเอง ทว่าก็มองไม่เห็นคำตอบที่ต้องการรู้เลย
ชีคจาร์ฟาปรายตามองชาญวิทย์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ถัดจากเขาไป สองตัว แสยะยิ้มออกมานิดๆ การบีบมือเมื่อครู่มันเป็นปฐมบทในการแก้ แค้นเท่านั้น เพราะต่อจากนี้คือของจรง
เสียงพิธีกรบนเวทีดังขึ้นเรียกความสนใจของทุกคนให้มองไปยัง เวที ก่อนที่พิธีกรสาวจะเชิญให้รัฐมนตรีชาญณรงค์ขึ้นมากล่าวเปิดงาน การประมูลการกุศลในครั้งนี้ รัฐมนตรีชื่อดังขึ้นไปกล่าวเปิดงานตาม หน้าที่ หลังจากที่ชาญณรงค์กล่าวเปิดงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รายการ ต่อไปคือการแสดงของเด็กพิเศษหนึ่งในมูลนิธิที่จะได้รับเงินบรีจาคใน การประมูลในครั้งนี้ เสร็จจากการแสดงชุดนี้การเริ่มต้นการประมูล เครื่องประดับเลอค่า
“เด็กๆ ค่ะ เตรียมตัวให้พร้อมนะคะ จะเรมการประมูลแล้วค่ะ”
เสียงของซันนึ่ชายประเภทสองที่ทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย ของเหล่านางแบบกิตติมศักดิ้ทั้งหลาย ร้องบอกลูกหลานคุณหญิง คุณนายที่กำลังประทินโฉมถันอยู่ สิ้นเสียงชันนี่เหล่าชายฉกรรจ์หลาย คนก็เดินเข้ามาในห้องแต่งตัว ในมือพวกเขาถือกล่องเครื่องประดับราคา แพง โดยมีร่างของประภัสสรแม่งานเดินนำหน้ามา
“ชันนึ่เอาเครื่องประดับแจกให้นางแบบตามป้ายที่เขียนไว้ได้เลย นะ จบการแสดงชุดนี้ก็ให้นางแบบคนที่หนึ่งขึ้นเวทีได้เลย ส่วนกล่องนี้ เป็นชุดสุดท้ายที่จะเดิน ให้จันทร์ใส่นะ”
เจ้าของงานสั่งชันนี่ สาวประเภทสองหยิบกล่องเครื่องประดับที่ เขียนอยู่หน้ากล่องว่า “หัวใจจา?1ฟา” แล้วเปิดมันออกดู ดวงตาชันนี่ส่อง
กระทบกับความระยิบระยับของสร้อยเพชรเม็ดงาม และตื่นตาตื่นใจยิ่ง นักกับจี้ที่ทำจากพลอยแดงรูปหัวใจล้อมรอบด้วยเพชรอีกชั้นหนึ่ง สร้อย เพชรชิ้นนี้สวยงามมากเหลือเกิน