ตอนที่ 3 : หุบเขาวายุ
เฟยหลงได้บ่มเพาะทักษะเทพจักรพรรดิสงครามต่อไปซึ่งตอนนั่นเองที่เฟยหลงรู้สึกว่ามีพลังสายหนึ่งกำลังบดขยี้ผิวหนังกล้ามเนื้อกระดูก
และอวัยวะภายในเหมือนโดนมีดกรีดและทำลายลงแล้วสร้างใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เเต่ละครั้งที่สร้างใหม่ให้ความรู้สึกว่าอวัยวะภายในกล้ามเนื้อกระดูกและผิวหนังมีความแข็งแกร่งทนทานมากยิ่งขึ้นไปอีก
เมื่อผ่านไปสิบสองชั่วยามร่างกายของเฟยหลงมีพลังที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นไหลเวียนไปทั่วร่างกายและทำให้เฟยหลงรู้สึกสบายตัว
เมื่อเฟยหลงลองกำหมัดของตนเองดูก็ได้ยินเสียงกระดูกดังออกมา
เฟยหลงได้กระโดดลงมาจากต้นไม้และลองใช้หมัดต่อยลงบนลำต้นของต้นไม้ต้นนั้นดู
' ตูม '
มีเสียงระเบิดดังขึ้นและต้นไม้ที่ต่อยก็ได้หักโค่นลงมาทันที
เมื่อเฟยหลงเห็นรอยที่พลังที่เกิดจากหมัดของตนเองก็ยิ้มขึ้นมาและหัเราะ
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า สมกับเป็นทักษะที่มาจากช่วงเวลาเเห่งบรรพกาลไม่ว่าจะเป็ความเร็วการบ่มเพาะทำให้ข้าเข้าสู่ขั้นที่สอง ของขอบเขตก่อกำเนิด "
" แม้เเต่ความบริสุทธิ์ของพลังปราณล้วนมีคุณภาพเหนือกว่าทักษะระดับเซียนที่ข้ามีเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ฝึกตนขั้นพลังเท่าเทียมกันเป็นทักษะที่ไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ"
เมื่อเฟยหลงกำลังอารมณ์ดีและกำลังคิดบางอย่างอยู่นั้นเองก็ได้คิดที่หาโอสถหรือของจำเป็นต่างๆที่ใช้สำหรับการบ่มเพาะ
แต่ก็มีปัญหาอยู่ก็คือตอนนี้เฟยหลงไม่มีเงิน
" ข้าคงต้องคิดหาวิธีทำเงินดีกว่า "
ถ้าเป็นตอนที่เฟยหลงเคยเป็นเซียนตัวเขามีทรัพย์สินมากมายมหาศาลที่จะใช้จ่ายเพื่อซื้อของต่างๆ เช่น อาวุธ โอสถ หรือของจำเป็นสำหรับการบ่มเพาะ
ซึ่งในโลกใบนี้มีวิธีหลากหลายรูปแบบที่จะทำเงินมากมายมหาศาล เช่น ปรุงยา หลอมอาวุธ แต่ด้วยพลังและทรัพยากรที่มีจำกัดของตอนนี้เฟยหลงเลือกวิธีที่ง่ายที่สุดนั้นก็คือ
การล่าแก่นสัตว์อสูรเพื่อนำมาขายซึ่งราคาของแก่นสัตว์อสูรยิ่งมีระดับสูงราคายิ่งแพงและแก่นพวกนี้สามารถนำไปปรุงยาหรือแม้กระทั่งหลอมอาวุธก็ยังได้
ซึ่งที่ๆเฟยหลงจะไปก็คือ หุบเขาวายุ ซึ่งเป็นหุบเขาที่อยู่ห่างจากตัวเมืองฟ้ากระจ่างเพียง 20 ลี้ตามความทรงจำของเจ้าของร่างคนเก่าที่เคยอาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้
เมื่อตัดสินใจได้แล้วเฟยหลงได้เริ่มต้นการเดินทางไปยังหุบเขาวายุที่ซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์วิเศษต่างๆนาๆได้
เมื่อเฟยหลงมาถึงหุบเขาวายุระหว่างการเดินสำรวจหุบเขาต่างอยู่นั้นเองก็ได้ยินเสียงคำรามดังขึ้น
' โฮก... '
' ฟ่อ... '
เฟยหลงที่เดินสำรวจเมื่อได้ยินเสียงคำรามก็ได้วิ่งตามไปเพื่อหาต้นตอของเสียงด้วยความเร็วสูง
ซึ่งภาพที่ปรากฏตรงหน้าของเขาคือภาพของพยัคฆ์ที่มีลำตัวสีขาวเเล้วยังมีพลังขอบเขตก่อกำเนิดขั้นที่9
ที่กำลังเผชิญหน้ากับอสรพิษขนาดใหญ่ตัวหนึ่งซึ่งมีพลังขอบเขตก่อกำเนิดขั้นที่8เช่นกัน
เมื่อเฟยหลงเห็นสัตว์อสูรเหล่านี้มีพลังมากกว่าตัวเขาจึงรอดูว่าพวกมันจะสู้กันแล้วฝ่ายไหนจะชนะกันเเน่หลังตากนั้นตัวเขาจะได้ฉวยโอกาศทำอะไรบางอย่าง
พยัคฆ์ที่มีลำตัวสีขาวได้คำรามและกระโดดเพื่อเข้าโจมตีอสรพิษใหญ่ตนนั้น
' โฮก '
ซึ่งอสรพิษใหญ่ได้ใช้ความคล่องแคล่วหลบกรงเล็บของพยัคฆ์ที่มีลำตัวสีขาว
เมื่อเฟยหลงสักเกตพวกมันแล้วค้นหาตามความทรงจำว่าเป็นสัตว์อสูรอะไรหลังจากนั้นไม่นานก็ได้ข้อมูล
พยัคฆ์ที่มีลำตัวสีขาวตัวนั้นคือพยัคฆ์เมฆา
อสรพิษยักษ์ตัวนั้นคือ อสรพิษใบไม้ร่วง
ซึ่งเมื่อสัตว์อสูรทั้งสองโตเต็มที่จะมีพลังขอบเขตวิญญาณซึ่งเหนือกว่าขอบเขตก่อกำเนิด
การต่อสู้ของสองสัตว์อสูรได้ดำเนินต่อไปจนเฟยหลงเริ่มเห็นท่าทางของพยัคฆ์เมฆาเหมือนกำลังพยามปกป้องอะไรอยู่
เเละเมื่อเฟยหลงกวาดตามองก็พบว่ามีลูกพยัคฆ์เมฆาตัวเล็กน่ารักน่ากอดตัวหนึ่งกำลังขดตัวอยู่ด้วยร่างกายที่สั่นเทา
อสรพิษใบไม้ร่วงที่กำลังสู้อยู่กับพยัคฆ์เมฆาได้ใช้หางฟาดใส่แต่พยัคฆ์เมฆาหลบได้
จึงทำให้หางของอสรพิษใบไม้ร่วงก็ได้ไปโดนกับก้อนหินขนาดใหญ่ด้านหลังแตกออกซึ่งเเละมันก็ได้กระเด็นไปทางด้านลูกของพยัคฆ์เมฆา