2. ปีกกล้าขาแข็ง
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา วายุก็ขับรถพาสองสาวมาถึงยังหอพัก ที่นี่เป็นตึกขนาดใหญ่สูงยี่สิบสองชั้น เป็นอพาร์ตเมนต์เปิดใหม่ราคาจึงย่อมเยาว์ นั่นก็เพื่อต้องการดึงดูดผู้เข้าพักให้เข้ามาพัก ที่นี่อยู่ใกล้สถานศึกษาและบริษัทใหญ่จึงมีทั้งนักศึกษาและหนุ่มสาวชาวออฟฟิศ
แล้ววายุก็ได้กลายเป็นหนุ่มบริการยกกระเป๋าอีกครั้งเมื่อวาวีได้ขอร้องให้ช่วยยกกระเป๋าของเธอขึ้นไปส่งที่ห้อง ชายหนุ่มร่างกำยำจึงได้ยกกระเป๋าของแป้งร่ำให้ด้วย และนั่นก็ประจวบเหมาะกับที่เขาอยากจะขึ้นไปดูความเรียบร้อยของห้องพักของทั้งสองสาวอยู่พอดี
ติ๊ง..
เสียงสัญญาณของประตูลิฟต์ดังขึ้นเมื่อได้เคลื่อนมาถึงชั้นที่กดเลือกไว้ซึ่งเป็นชั้นสิบหก
"ถึงแล้วพี่ยุ" วาวีพูดขึ้นเสียงใสพลางเกี่ยวแขนแป้งร่ำพากันเดินนำพี่ชายตัวโตออกจากลิฟต์ ปล่อยให้พี่ชายลากกระเป๋าใบโตสองใบตามหลังมา
"ห้องแกห้องไหน?" วายุลากกระเป๋าเดินตามสองสาว ขณะที่ปากถามน้องสาวสายตาก็ไล่สำรวจบรรยากาศในชั้นนี้ไปด้วยว่าจะปลอดภัยสำหรับสองสาวหรือเปล่า แล้วชายหนุ่มก็ได้เห็นกล้องวงจรสองตัวที่สุดทางเดินทั้งสองฝั่ง และอีกสองตัวที่ช่วงกลางทางเดินบริเวณหน้าลิฟต์ นับว่าตึกนี้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยพอสมควร
"ห้องนี้พี่ยุ" วาวีหยุดที่หน้าห้องห้องหนึ่งแล้วหยุดเท้า ขณะที่มือก็ปล่อยแขนเรียวของเพื่อนเป็นอิสระ
"พี่จะเข้าไปดูห้องด้วย" วายุยังไม่ยอมส่งกระเป๋าให้สองสาว
"งั้นหนูขอกระเป๋า พี่ยุจะได้เข้าห้องไปกับวา" เห็นแบบนั้นแป้งร่ำจึงยื่นมือไปเพื่อขอกระเป๋าเสื้อผ้าของตน
"ไม่ได้พักอยู่ด้วยกันเหรอ?" วายุขมวดคิ้วยุ่ง คำพูดของแป้งร่ำทำให้เขาเข้าใจแบบนั้น
"เปล่าพี่ เราอยู่คนละห้อง" วาวีเป็นคนตอบขณะที่มือก็ไขกุญแจห้อง
"งั้นพี่จะไปดูห้องแป้งก่อน เดี๋ยวพี่มา" วายุเอ่ยเสียงเครียดที่รู้ว่าสองสาวแยกกันเช่าห้อง ไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนกันอย่างที่เขาเข้าใจตั้งแต่แรก
"ไม่เป็นไรหนูไปได้" แป้งร่ำรีบปฏิเสธด้วยความเกรงใจพลางพยายามไล่คว้าหูกระเป๋าใบใหญ่ของตน แต่พี่ชายตัวโตของเพื่อนก็ลากกระเป๋าหนี
"วาแกเข้าห้องไปก่อน เดี๋ยวพี่มา" วายุบอกน้องสาวแล้วดันกระเป๋าไปให้เมื่อเห็นว่าวาวีเปิดประตูได้แล้ว ไม่สนมืออีกข้างที่มีสาวสวยไล่แย่งกระเป๋า ถ้าเขาไม่ปล่อย จ้างให้มือนุ่มนิ่มที่มาโดนหลังมือแกร่งตอนยื้อกระเป๋าก็ดึงกระเป๋าออกจากมือเขาไปได้
วาวีพยักหน้ารับรู้เมื่อเห็นว่าพี่ชายไม่ละความตั้งใจที่จะไปส่งแป้งร่ำ เธอรับกระเป๋ามาแล้วเดินเข้าไปในห้อง ปล่อยให้สองคนแย่งยื้อกระเป๋ากันไป
"เดินนำไปสิ ห้องไหน?" วายุพูดเสียงดุใส่เด็กดื้อหลังจากที่เห็นว่าวาวีปิดประตูห้องเรียบร้อยแล้ว บอกว่าจะไปส่งที่ห้องก็ยังจะดื้อแพ่งไม่ยอมอยู่นั่น ทำราวกับว่าไม่อยากให้เขารู้ว่าห้องเธออยู่ไหนอย่างนั้นแหละ
แป้งร่ำจึงต้องปล่อยมือจากหูกระเป๋าอย่างเลี่ยงไม่ได้ก่อนจะออกนำหน้าคนยกกระเป๋ากิตติมศักดิ์ไปยังห้องตน ซึ่งห่างจากห้องของวาวีเจ็ดห้อง
ห้องในชั้นนี้มีทั้งหมดสิบเก้าห้องซึ่งแบ่งเป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งสิบห้องและฝั่งที่มีลิฟต์มีเก้าห้อง เพราะต้องแบ่งเนื้อที่ให้กับกล่องลิฟต์โดยสาร มีโถงทางเดินคั่นกลาง โดยห้องของแป้งร่ำและวาวีนั้นแยกออกไปคนละฝั่งของลิฟต์ ตอนมาจองนั้นในชั้นนี้ไม่มีห้องว่างติดกันเลยเพราะมารู้ช้าไป ทั้งคู่เลยคิดว่าได้ชั้นเดียวกันก็ดีแล้ว
แป้งร่ำเดินมาหยุดที่ประตูห้องห้องหนึ่ง เธอหยิบกุญแจออกมาจากระเป๋าก่อนจะไขเปิดประตู เสร็จแล้วจึงหันไปยื่นมือเพื่อจะรับกระเป๋าจากพี่ชายเพื่อน
"พี่จะเข้าไปด้วย เปิดประตูสิ" วายุสั่งเสียงเข้มพลางพยักหน้าไปที่ประตูสีไม้โอ๊กเข้ม ไม่สนฝ่ามือน้อยที่เขารู้ว่านุ่มเพียงใดที่ยื่นมาตรงหน้า
"หนูอยู่ได้ พี่ไปหาวาเถอะ" แป้งร่ำที่คิดว่าคนตัวโตจะเข้าไปในห้องนั้นเพราะเป็นห่วงว่าเธอจะกลัวการอยู่แปลกที่ จึงได้พูดให้เขาคลายกังวล อีกอย่างเธอและเขาก็ไม่ใช่พี่น้องกันแท้ ๆ ที่จะสะดวกใจให้เขาเข้าห้องได้
"มีความลับอะไรถึงไม่ให้พี่เข้าห้อง?"
แต่แล้วแป้งร่ำก็ต้องหน้าหวอเมื่อพี่ชายเพื่อนเข้าใจไปอีกทาง
"พี่จะเข้าไปดูข้างใน" วายุเอ่ยเสียงดุพร้อมกับยื่นมือไปหมุนลูกบิดแล้วเปิดด้วยตัวเอง เดินเบียดเจ้าของห้องที่ยืนขวางประตูจนเธอต้องก้าวถอยหลบไปด้านหลัง
ด้วยเพราะคนตัวเล็กไม่ทันตั้งตัว ตอนที่เขาเดินเบียดเลยทำให้เธอหลบไม่ทัน ท่อนแขนของเขาเลยบังเอิญไปโดนก้อนเนื้ออวบที่พุ่งดันเสื้อยืดล้ำหน้าลำตัวบางออกมา และเขาก็ได้รู้ว่ามันนิ่มหยุ่นเพียงใด ใจแกร่งเต้นผิดจังหวะขึ้นมาในทันที
"ห้องกว้างดีนี่" วายุเบนความสนใจจากโนมเนื้อของหญิงสาวที่เขารู้จักมาตั้งแต่เด็ก แสร้งไปมองสำรวจรอบห้องพร้อมกับใจที่เต้นโครมครามไม่หยุด
"ค่ะ" แป้งร่ำตอบสั้น ๆ พลางเดินไปดึงกระเป๋าเสื้อผ้าออกจากมือหนา และครั้งนี้เธอก็ดึงออกมาได้ง่าย ๆ เมื่อพี่ชายของเพื่อนไม่ได้ยื้อยึดเอาไว้อีกแล้ว
'แหงสิ! เขาได้ดั่งใจทุกอย่างแล้วนี่'
แป้งร่ำคิดในใจขณะที่ลากกระเป๋าเดินเข้าไปในโซนห้องนอนด้วยใจที่ขุ่นเคืองหลังจากที่โดนพี่ชายของเพื่อนขัดใจมาตลอด เขาทำราวกับว่าเธอเป็นวาวีน้องสาวของเขา ที่จะสั่งหรือบังคับอะไรก็ได้ เธอมันคนประเภทที่ไม่ชอบคนมาสั่งเสียด้วย หากจะทำเธอจะทำเอง
วายุมองตามหลังเจ้าของห้องไปด้วยความหงุดหงิดในหัวใจ คนอุตส่าห์มาส่งไม่มีคำพูดหวาน ๆ ขอบคุณเลยหรือไง ทั้งที่ตอนเด็ก ๆ เมื่อราว ๆ สิบห้าปีก่อน หลังจากที่อ้อนให้เขาทำโน่นทำนี่ให้ เธอก็มักจะเข้ามากอดอ้อนพี่ยุจ๊ะพี่ยุจ๋าอยู่เลย
น่าโมโหหญิงสาวจริง ๆ ที่ปีกกล้าขาแข็งไม่ง้อคนกันเองอย่างเขาคนนี้ เธอเพิ่งจะออกมาอยู่ตามลำพังแท้ ๆ ไม่รู้หรือไงว่าโลกภายนอกมันน่ากลัวขนาดไหน ทั้งที่เขาหวังดีจะเข้ามาดูความเรียบร้อยของประตูหรือกลอนล็อกให้ เกิดมีคนคิดไม่ซื่อมาบุกห้องจะทำอย่างไร ขนาดเขาเป็นคนกันเองยังคิดเลย
..........................
คิดทุกดอกแล้วบอกคนกันเอง 55555