ตอนที่2[ไอศูรย์]
เด็กเลี้ยงของไอศูรย์
ตอนที่3
[ไอศูรย์]
ไอศูรย์ก้าวเดินขึ้นชั้นบนแล้วผลักประตูเข้าห้องส่วนตัว ร่างสูงใหญ่ที่มีร่างกายสมบูรณ์แบบเพราะเจ้าของร่างได้ออกกำลังกายดูแลตัวเองมาเป็นอย่างดี หนุ่มใหญ่เดินเข้ามายืนข้างโต๊ะทำงานริมหน้าต่างกระจกบานใหญ่ ที่ติดฟิล์มหนาทึบจนคนภายนอกไม่สามารถมองเห็นคนด้านในได้เลย
มือเรียวยาวดึงรูดผ้าม่านออกเพียงประมาณศอกเดียว เพื่อยืนมองสำรวจไปด้านนอกตึกที่กว้างในเนื้อที่ห้าไร่ ที่เขากับมารดาได้ซื้อไว้เมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา
ทำให้ไอศูรย์ย้อนนึกถึงเมื่อสิบปีที่ผ่านมา…ตอนนั้นเขาเพิ่งเรียนจบจากรั้วมหาวิทยาลัยชื่อดัง วันนั้นเขาได้ออกไปร่วมสังสรรค์กับเพื่อน ๆ หลังเรียนจบพอเดินทางกลับมาถึงบ้านไอศูรย์ยังจำขึ้นใจ เมื่อกำลังจะผลักประตูเข้าด้านใน เขาต้องหยุดชะงักแล้วแอบฟังเสียงของบิดามารดาที่กำลังใช้อารมณ์สาดใส่กันอย่างหนักหน่วงอย่างไม่มีใครยอมใคร และยังมีผู้หญิงอีกคนที่นั่งอยู่บนโซฟากับเด็กหนุ่มหน้าละอ่อนน่าจะอายุอ่อนกว่าเขาหลายปี เหตุนี่สินะที่ทำให้บิดามารดาถึงกับมีปากเสียงกันรุนแรงได้ขนาดนี้
"นี่คุณเหมราชคุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง คุณนอกใจฉันงั้นเหรอ คุณมันเฮงซวย เลวที่สุด" เสียงมารดาสั่นเทาด้วยความโกรธบิดาของเขาอย่างมาก
"คุณลิตาฟังผมก่อนได้ไหม ผมรักคุณคนเดียวนะ ผมขอโทษผมผิดพลาดเอง แต่ตอนนี้เสาวรสกำลังเดือดร้อนไม่มีที่อยู่เธอถึงหอบลูกมาขออาศัยอยู่บ้านของเราด้วย" ไอศูรย์ได้ยินเสียงบิดาอ้อนวอนมารดาของเขาให้ยอมรับผู้หญิงและลูกใหม่ของท่าน
"คุณทรยศฉันคุณนอกใจฉันตั้งนานแล้ว จนตอนนี้ลูกชายอีกคนของคุณโตขนาดนี้แล้ว คุณยังมีหน้ามาบอกว่ารักฉันอีกเหรอค่ะ" เสียงมารดาเอ่ยจบ
ไอศูรย์รีบก้าวเท้าเดินเข้าด้านในทันที
"ตาใหญ่/ตาใหญ่" เสียงบิดามารดาต่างร้องประสานเสียงเรียกชื่อไอศูรย์พร้อมกัน
"ตาใหญ่ฟังพ่ออธิบายก่อนนะลูก" เสียงบิดาเอ่ยกับเขาอย่างรีบร้อน
"คุณหยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ ตาใหญ่เป็นลูกฉันคนเดียว ฉันกับลูกจะออกไปจากที่นี่ คุณได้ยินไหมฉันจะพาลูกออกไปจากที่นี่เอง" เสียงมารดาตวาดใส่บิดาดังกึกก้อง
"คุณนั่นแหละหยุดเลยนะลิตา คุณกำลังคิดจะทำอะไร ถ้าคุณพาลูกออกไปจากที่นี่ แล้วคุณจะเสียใจ ผมจะไม่มีวันให้อะไรคุณกับลูกเลยแม้แต่บาทเดียว" เสียงบิดาแรงด้วยโทสะพอ ๆ กัน
"เชิญคุณเสวยสุขอยู่กับเมียใหม่และลูกใหม่ของคุณไปเลย ฉันไม่ต้องการแม้แต่แดงเดียวเหมือนกัน" ประโยคที่บิดามารดาสาดใส่กันด้วยอารมณ์ที่ร้อนแรงทั้งสองฝ่ายไอศูรย์ยังจดจำได้ดีมาจนถึงวันนี้
หลังจากมารดาประกาศก้องไปทั่วห้องโถง คุณแม่ก็พาไอศูรย์เดินออกมาจากบ้านหลังนั้นทันที
"ดื้อรั้นเอามากเลยนะลลิตา ผมจะคอยดูคุณกับลูกชายคุณ ว่าจะไปกันได้สักกี่น้ำกัน ถ้าออกไปจากที่นี่ผมว่าไม่นาน เดี๋ยวคุณก็พาลูกซมซานกลับมาหาผมเชื่อสิ!" ประโยคสุดท้ายของบิดามันยังดังก้องอยู่ในหูไม่รู้ลืม
สิบกว่าปีแล้วสินะ ที่ไอศูรย์กับมารดาได้เดินออกมาและเราสองคนแม่ลูกก็ไม่เคยเข้าไปเหยียบบ้านหลังนั้นอีกเลย
ครานั้นมารดาพาไอศูรย์ไปอาศัยอยู่บ้านคุณยาย คุณแม่ของเขามานอนทำใจอยู่หลายเดือน เพราะความเสียใจที่โดนสามีนอกใจ แต่พอนึกถึงประโยคที่สามีได้ดูถูกเอาไว้ทำให้มารดาของเขากลับมาเข้มแข็งได้เร็วไวเกินคาด
คุณแม่ลลิตาของเขาได้ตัดสินใจนำเงินก้อนสุดท้ายที่มีติดตัวมา ให้ไอศูรย์ไปเปิดทำธุรกิจส่วนตัวด้วยการเปิดผับขนาดเล็กขึ้น ไม่รู้ว่าเพราะโชคชะตาหรือวาสนาต้องกัน ที่ทำให้ธุรกิจของไอศูรย์เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ อีกเช่นกัน
กระทั่งระยะเวลาหนึ่งปีเต็มที่ไอศูรย์มีทุนพอที่จะขยับขยายร้านให้ใหญ่โตขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง และมีลูกค้ามากมายที่วนเวียนกันเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
สามปีถัดไป…ไอศูรย์ก็ขยับขยายให้ใหญ่โตขึ้นมาเป็นตึกกว้างสูงตระง่านตั้งเด่นถึงห้าชั้น ทำครบวงจรอยู่ในนั้นเสร็จสรรพและยังขยายไปเปิดที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาวอีกแห่งด้วย และสามารถมีเงินเก็บซื้อที่แถบชานเมือง ที่เขากับคุณแม่ที่ชื่นชอบในธรรมชาติและปลูกบ้านหลังนี้ให้มารดาได้อยู่อย่างสุขสบาย การที่จะมีวันนี้ได้มันไม่ได้ง่ายเลยสักนิดสำหรับไอศูรย์ เพราะที่ผ่านมาเขาต้องอดทนต่อสู้กับคู่แข่งที่ผุดขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด เขาต้องมีมานะอดทนทุ่มเทกับมันอย่างหามรุ่งหามค่ำจนไม่มีเวลาไปเผื่อแผ่ใครได้อีก เขามุ่งหวังเพื่อที่จะให้ตัวเองประสบผลสำเร็จเพื่อจะได้ลบคำสบประมาทของบิดา
ทว่าการทุ่มเทกับงานขนาดนั้นของเขา ทำให้คนที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนกลับตัดความสัมพันธ์กับเขาอย่างสิ้นเชิง ไอศูรย์ต้องทำงานหนักขึ้นอีกเป็นเท่าตัวเพื่อจะให้ลืมเลือนผู้หญิงคนแรกไปจากใจ ถึงแม้จะสาหัสสากรรจ์ขนาดไหน เขายิ่งต้องอดทนเพื่อจะได้ลืมเลือนผู้หญิงคนนั้นให้ได้
ครั้นธุรกิจไปได้ดีคุณแม่จึงขอตัวไปใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนกับน้องสาวของท่านที่อังกฤษ เวลาไอศูรย์คิดถึงท่านก็ได้แต่วีดิโอคอลหากัน นาน ๆ จะว่างได้บินไปหาท่าน หนุ่มใหญ่ยืนเหมอลอยอยู่นานเขาถึงกับสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นอยู่หน้าห้อง
ก๊อก ๆ
ไอศูรย์หันมามองร่างสูงของลุกส์ ที่ผลักประตูเข้ามาในห้อง
"คุณใหญ่ผมพาหนูตะวันไปฝากป้าภาช่วยดูแลนะครับ เพราะผมไม่ค่อยถนัดดูแลผู้หญิงมากนัก" ลุกส์ที่เดินเข้ามาในห้องเอ่ยอธิบายกับเจ้านายหนุ่มของเขา
"ฝากป้าภาช่วยดูก็ดีเหมือนกัน ป้าภาเป็นผู้หญิงจะเข้าใจกันง่ายขึ้น และพรุ่งนี้นายก็ช่วยพาเด็กนั่นไปหาซื้อเสื้อผ้าของใช้ด้วยนะ แล้วก็ช่วยหาที่เรียนให้เธอด้วยล่ะ" ไอศูรย์ที่หันมาหาลุกส์คนสนิท เขาสองคนอยู่ในวัยเดียวกัน จึงทำให้ทั้งคู่มีเรื่องต้องปรึกษาพูดคุยกันตลอด เหมือนเพื่อนเหมือนญาติ ไอศูรย์ไม่เคยมองลุกส์กับเรย์เป็นคนอื่นเขาคงรักทั้งสองคนเสมอมา ถึงเรย์จะอ่อนกว่าพวกเขาถึงสองปีแต่ทั้งไอศูรย์และลุกส์ก็รักและเอ็นดูเรย์เหมือนน้องชายคนเล็ก เขาสามคนต่างช่วยกันดูแลธุรกิจให้เจริญเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ลุกส์กับเรย์เองก็รักและเคารพคุณลลิตาเหมือนแม่อีกคนของเขา เพราะที่ผ่านมาเธอได้ชุบเลี้ยงและส่งให้พวกเขาได้เล่าเรียนจนจบเป็นผู้ให้ชีวิตใหม่กับพวกเขาโดยแท้เช่นกัน
"อ้อ นายก็ช่วยดูแลไปรับไปส่งเธอเวลาไปมหา'ลัยด้วยล่ะ ถ้าวันไหนติดธุระก็ให้เรย์รับช่วงแทน"
"เข้าใจแล้วครับงั้นผมขอตัวไปพักผ่อนก่อน" ว่าจบลุกส์ก็เดินออกไป
ครั้นลุกส์ออกไปแล้วหนุ่มใหญ่จึงหันมาสนใจกับเอกสารบนโต๊ะ ไอศูรย์นั่งตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายของเดือนที่ผ่านมา เขาก็ยกยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจกับตัวเลขที่มากสมกับที่เขาสามคนได้ทุ่มเทกันมาโดยตลอด หนุ่มใหญ่รวบรวมเอกสารไว้มุมโต๊ะแล้วเข้าไปอาบน้ำ พออาบเสร็จก็เข้านอนพักผ่อน