บท
ตั้งค่า

ตอนที่10

พวกเรากลับมาถึงบ้าน ฉันรีบเข้าไปนอนในห้อง ซึ่งแม่กับยายนอนรออยู่แล้ว

“ไม่ไปอาบน้ำล่ะพิม”

“ไม่อาบล่ะแม่ขี้เกียจ”

“เหม็นเน่า!! เป็นผู้หญิงทำตัวสกปรกจริงๆ”

“เอาหน่าๆ พิมก็ลูกแม่นั่นแหละ”

ฉันนอนหนุนหมอนตัวเอง ที่ไม่อยากอาบน้ำ ก็แค่ไม่อยากเห็นหน้าพี่เอกเท่านั้นแหละ เพราะกลัวจะทำให้คิดถึงเรื่องเมื่อกี้จนนอนไม่หลับ

เช้าต่อมา...

ก็เป็นอย่างที่คิด ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน ตอนแรกก็คิดว่าเป็นเพราะชาเย็นที่กินไปหรือเปล่า? ไม่ใช่เลย! ฉันเอาแต่คิดเรื่องพี่เอก...ไอ้คำว่า ‘เมียกู’ ดังก้องอยู่ในหัวอย่างกับถูกบันทึกไว้ในเมมโมรี่ ไม่รู้ฉันเป็นบ้าอะไรก็แค่ผู้ชายพูดเล่นป่าววะ?

ตอนนี้นั่งแต่งหน้าอยู่หน้ากระจก ให้ตาย! อยากเลื่อนวันจันทร์เป็นวันอาทิตย์ชะมัด เพราะฉันจะได้นอนสบายๆ ไม่ต้องไปทำงาน...แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้สินะ

แต่งตัวเสร็จก็เดินออกมาจากห้อง เช้านี้ทุกคนกำลังนั่งพร้อมหน้าพร้อมตาอยู่บนม้าหินอ่อนหน้าบ้าน เพียงแค่ฉันก้าวออกไป ทุกสายตาก็หันมามอง

“นั่นชุดทำงานเหรอ?” ป้าปุ้ยเป็นคนแรกที่ถาม ฉันถึงกับก้มมองการแต่งกายตัวเอง มันแปลกตรงไหน? ก็แค่ชุดสูทกระโปรงสั้นแค่คืบสีน้ำเงิน เสื้อตัวในสีขาวชีฟองรัดรูป...รัดสะจนหน้าอกทั้งสองเต้าจะทะลักออกมาแล้ว รองเท้าคัทชูสีดำสูงสี่นิ้ว ผมสีน้ำตาลอ่อนปล่อยยาวสยายละไปกับต้นแขน ทุกอย่างก็ดูปกติออก...ถ้าไม่นับว่าวันนี้เลือกทาลิปสติกสีส้ม ที่ปกติต้องแต้มด้วยสีแดง...

“ค่ะ” ฉันแหงนตอบป้าปุ้ยก็จริง แต่ดันเหลือบไปสบตากับพี่เอกเข้าพอดี ให้ตาย!! ใบหน้านิ่งๆนั่นทำให้ฉันหงุดหงิดชะมัด ไอ้เรานอนไม่หลับทั้งคืน ส่วนเขาคงหลับเป็นตาย เฮ้อ~

“พิมไปทำงานก่อนนะคะ” ฉันไม่รอคำตอบ รีบเดินไปยังรถตัวเอง แล้วขับไปทำงาน

โชว์รูม...

“เซฮายเพื่อนรัก ทำไมวันนี้หน้าตาแกดู...แบบว่า...” มะนาวเลิกคิ้วสูง จ้องหน้าฉันมองตาปริบๆคงสังเกตเห็นถุงใต้ตาคล้ำจากการไม่ได้นอน

“เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ”

“อะไร!! มีเรื่องอะไรจะเหลาป่ะ ฉันพร้อมฟังนะเว้ย”

อีนี่สมเป็นเพื่อนรักจริงๆ ลางสังหรณ์มันแม่นมาก แต่ฉันส่ายหัวปฏิเสธไป อย่าให้มันรู้เรื่องไม่เป็นเรื่องดีกว่า เพราะมันรู้คนเดียวนั่นก็หมายความว่าทุกคนต้องรู้กันทั้งโชว์รูม

ช่วงเย็น...

วันนี้ยืนทั้งวัน...ยืนจนปวดขา เพราะต้องคอยรับรถลูกค้าที่เข้ามาเช็คสภาพรถ ก่อนที่จะเดินทางไกลในช่วงสงกรานต์ น่าอิจฉาที่พวกเขาได้เที่ยว ส่วนพวกฉันต้องมานั่งทำงานงกๆ เฮ้อ~

กลับมาถึงบ้าน ทุกคนกำลังนั่งกินข้าวเย็นกันพร้อมหน้า และฉันได้รับข่าวร้าย...ข่าวซวยซ้ำซวยซ้อนที่ทำเอาฉันแทบกินข้าวไม่ลง นั่นก็คือ...

“ช่วงสงกรานต์แม่กับยายจะไปต่างจังหวัดกับป้าปุ้ยนะ”

“โอเคๆ พิมต้องทำงาน พิมอยู่คนเดียวได้แม่”

“คนเดียวซะที่ไหน ลูกต้องอยู่กับพวกเอกต่างหาก”

“อะไรนะ!!” ฉันกวาดสายตามองพวกนั้น

“ลูกต้องหาข้าวหาปลาให้พวกนั้นด้วย”

“ห๊ะ!! อะไรนะแม่!!”

เวงกำอะไรวะ? งานก็ต้องทำ ยังต้องมาดูแลเทคแคร์ไอ้ลูกกรอกทั้งสี่ตัวอีก โตเป็นวัวเป็นควายหากินเองไม่เป็นหรือไง...แน่นอนว่าฉันพูดในใจ ลองบ่นดูสิ รับรองแม่เอาจานข้าวปาหัวแตก

“ทำไมไม่เอาพวกนี้ไปด้วยล่ะแม่ คนเยอะๆท่าทางสนุกออก”

“รถกระบะนั่งได้ที่ไหนกัน”

“ด้านหลังไง”

“นั่งให้ตำรวจจับเหรอ?”

“....” ก็จริง! ทำเอาฉันเถียงแม่ไม่ออก

“ต้องฝากตัวนะพะพิมสุดสวย” ไอ้เอ็มเอ่ยเย้ย ทำหน้าทะเล้น อยากเอาตีนยัดปากมันแหละ แล้วฉันจะขัดอะไรได้ล่ะ นอกจากทำตามคำสั่งแม่บังเกิดเกล้า

สองวันต่อมา...

พวกแม่ๆเดินทางกันแล้ว ไวเหมือนโกหก ออกจากบ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง ปล่อยฉันทิ้งไว้โดยไม่แยแสกับคนแปลกหน้า ถึงแม้จะเคยเล่นกันตอนเด็กๆก็เถอะนะ ก็น่าจะเป็นห่วงกันบ้างจริงไหม? ไอ้เรายิ่งเป็นผู้หญิงอ่อนแอ ไม่สู้คนอยู่...ถ้าไอ้พวกนี่ทำอะไรขึ้นมาจะทำไง?

“เฮ้ย!! อีพิมดำตอนเย็นกลับมาซื้อขนมมาฝากด้วย”

“ปากอย่างมึงอย่าแดกขนมเหอะ แดกตีนกูดีกว่า”

ก็อย่างที่เห็น...ฉันค่อนข้างที่จะไม่แสดงความอ่อนแอสักเท่าไหร่ แม่เลยไม่ห่วงกันสินะ เฮ้อ~ชีวิตน่าเศร้าของพะพิม

แต่งชุดทำงานเสร็จฉันก็ออกมาจากห้อง ในตอนนั้นหันไปมองคนที่นั่งอยู่บนแคร่มีกันแค่สามคน แต่ไม่เห็นคนตัวสูง แฮ่ม! ไม่ได้เจตนามองเขาหรอก ก็แค่มองผ่านๆ

“อีกคนไปไหนล่ะ” ฉันถามด้วยเสียงเรียบ ไอ้เอ็มแหงนหน้าจากจอมือถือ เบ้ปากยักไหล่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แล้วก้มดูมือถือต่อ โอเค! ในเมื่อไม่มีใครบอก ฉันเองก็ไม่ได้อยากรู้หรอก ว่าแล้วก็เดินออกมาจากบ้าน

ในตอนนั้น...หันไปเห็นร่างสูงกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนน ส่วนมืออีกข้างกำลังเลื่อนหน้าจอมือถือ พลางขมวดคิ้วมุ่ย ใบหน้าแสดงออกว่ากำลังเครียด เอ๊ะ!! เขามาอยู่หลายวันก็พึ่งจะเห็นสูบบุหรี่เป็นครั้งแรกนี่แหละ

ทันใดนั้น! สายตานิ่งสนิทชำเลืองมามองฉัน พวกเราสบตากัน ก่อนที่ฉันจะเบือนหน้าไปทางอื่น แล้วเดินไปยังซินดี้รถคู่ใจ ขับไปทำงานปกติ

ตกเย็น...

วันนี้เลิกงานช้ามาก เพราะฉันต้องไปพบลูกค้าที่บ้านเพื่อเสนอรถตัวใหม่ที่จะเข้ามา กว่าจะกลับมาถึงบ้านตัวเองก็เกือบจะสองทุ่มแล้ว

“อีพิมทำไมกลับมาช้าวะ” ไอ้เอ็มเป็นคนแรกเดินมารับฉันถึงประตูรถ ใบหน้ามันตื่นตกใจ ไอ้เราก็คิดว่ามีเรื่องอะไรที่แท้ก็...

“กูหิวเว้ย~”

“หิวก็ไปหาข้าวกินดิ มาบอกฉันทำไม”

“พวกกูรอมึงอยู่เนี่ย”

“รอทำไม แกร๊บก็มีสั่งมาส่งที่บ้านดิ”

“ไม่เอา”

“แล้วแต่” ฉันไม่สนใจมัน เดินถือเอกสารกลับเข้ามาในบ้าน อีกสามคนนั่งกันอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา โดยเฉพาะสองสาวแต่งตัวจัดเต็มทั้งหน้าทั้งผมทั้งชุดเซ็กซี่ด้วยเสื้อเกาะอก กระโปรงสั้นจู๋ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกมันต้องกะไปเที่ยวราตรี ‘ใครไปก็ไปเถอะ ฉันไม่ไปแน่’ ในวินาทีนั้นไอ้เอ็มก็เดินตามเข้ามา

“ไปเที่ยวกันพิม”

“ไม่ค่ะ พรุ่งนี้ฉันต้องทำงานแต่เช้า”

“แต่พี่เอกจะเลี้ยงเบียร์”

“เชิญตามสบายเลยค่ะ ไปให้หมดทั้งสี่คนนั่นแหละ ฉันจะได้นอนสบายๆ”

“ไม่! มึงต้องไปกับกูด้วย” ไอ้เอ็มไม่เอ่ยเปล่า กลับคว้ามือฉันฉุดกระชากลากถูให้เดินกลับออกมา

“ปล่อยเว้ย!!” ฉันสะบัดมือมันออก แต่ไอ้หมานี่กลับไม่ยอมปล่อย สงสัยฉันต้องใช้ไม้ตาย และในตอนที่มันไม่ระวังตัว ฉันก็เตะผ่าหมากมันเลยจ้า ปึก!! ทุกอย่างเงียบสงัดลงในทันที โดยเฉพาะไอ้เอ็มที่ยอมปล่อยมือฉันแล้ว เปลี่ยนไปกุมเป้ากางเกงตัวเอง ใบหน้าดำๆกลับเขียวเห็นได้ชัด ทำแก้มป่อง ค่อยๆทรุดตัวลงนั่งคุกเข่า

“เป็นไงล่ะมึง? บอกแล้วให้ปล่อย หึ!!”

“กู...น้องชายกู” ไอ้เอ็มนั่งหมอบกับพื้นไปเลย ส่วนแฟนมันก็รีบวิ่งเข้าไปดูด้วยความเป็นห่วง พยายามถามไถ่อาการเจ็บ หึ! มันจุกซะขนาดนั้นคงไม่มีแรงตอบหรอก

“สมน้ำหน้าอยากมายุ่งกับกูดีนัก”

วินาทีนั้นสายตาของแฟนมันก็แหงนมามองฉันด้วยความโกรธ “พี่พะพิมใจร้ายเกินไปแล้วนะคะ พี่เอ็มไม่ได้ทำอะไรพี่สักหน่อย”

“ตาบอดเหรอ...ก็เห็นอยู่ว่ามันกำลังบังคับฉัน แม่ง! ไม่เตะให้เป็นหมันก็ดีถมเถไปแล้ว”

“พา...พากูไปโรงบาล~” ใบหน้าเหยเกก็แหงนขึ้นมาจ้องฉัน

“แค่นั้นไม่ตายหรอก ไปเอาน้ำแข็งมาประคบมันสิ นั่งบื้ออยู่ทำไม!!” ฉันหันไปตวาดแฟนไอ้เอ็ม เธอทำหน้าเลิ่กลั่กมองฉันทีมองไอ้เอ็มที และในตอนนั้นก็มีเสียงทุ้มต่ำแทรกขึ้น “ในบ้านไม่มีน้ำแข็ง”

ฉันหันไปหาคนหล่อที่กำลังนั่งไขว้ห้าง ก็จริงอย่างที่เขาว่าแหละ บ้านฉันมีตู้เย็นก็จริง แต่ไม่มีน้ำแข็งหรอก เพราะคนในบ้านไม่ชอบกินน้ำเย็นสักเท่าไหร่เลยไม่มีใครคิดจะแช่น้ำแข็งไว้

“ไม่มีก็ไปซื้อสิ”

“เออ! ก็ไปซื้อสิ” คนหล่อเอ่ยพลางเชิ่ดปากใส่ฉัน

“หือ!...ฉันต้องไปซื้อเหรอ?” ฉันชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง และสายตาคนทั้งสามต่างพากันจ้องกดดัน แทนที่จะมีคนเอ่ยเสนอตัว แต่กลับไม่มีเลย แน่นอนว่าคนที่ซวยก็ต้องเป็นฉันอีก เพราะฉันมีรถ เฮ้อ~

“โอเคๆ ไปซื้อให้ก็ได้วะ”

ว่าแล้วก็เบียดตัวเดินแทรกออกมาทางประตู และในตอนนั้นก็มีเสียงตะโกนตามหลังมา

“ซื้อเบียร์มาด้วย” จะเป็นใครล่ะ? ก็ไอ้เอ็มนั่นแหละ ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจแล้วสิว่ามันเจ็บจริง หรือแค่แกล้ง แต่อย่างว่าคนสวยแบบฉันก็แสดงความรับผิดชอบโดยการไปซื้อให้มันนั่นแหละ จะได้จบๆไป

ในตอนที่กำลังจะขึ้นรถ ประตูฝั่งข้างคนขับก็ถูกเปิดออก ฉันหันไปมองคนที่กำลังจะก้าวเข้าไป นั่นเป็นคนหน้านิ่ง เขาไม่พูดอะไรสักคำ เข้าไปนั่งในรถหน้าตาเฉย ต่อให้ฉันไล่ไป ดูท่าทางแล้วก็คงไม่ลงสินะ ก็เลยจำใจพาเขาไปด้วย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel